สุดสวย นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา วัย 25 กะรัต พนักงานดูแลลูกค้ารายใหญ่แห่งธนาคารซิตี้แบงก์ สำนักนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โพสต์ขึ้นแอคเคาท์ส่วนตัวบนอินสตาแกรมเมื่อ 17 ตุลาคม 2023 ว่า
“ทันทีที่โรงพยาบาลแบปติสต์ในกาซาถูกบอมบ์ อิสราเอลประกาศเอาเครดิตใส่ตัวในเรื่องนี้ และทวิตบอกว่าพวกเขาทำอย่างนั้นเพื่อสังหาร “ผู้ก่อการร้าย” ซึ่งอยู่ข้างในโรงพยาบาล หนำซ้ำยังระบุด้วยว่าปฏิบัติการนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
“แต่เมื่อวิดีโอต่างๆ ปรากฏภาพออกมา และเห็นว่าผู้เสียชีวิตทั้งหลายล้วนแต่เป็นพลเรือน พวกนั้นลบทวิตทั้งปวง แล้วบอกใหม่ ฝ่ายปาเลสไตน์บอมบ์ใส่ตัวเอง
“ไม่สงสัยเลย ทำไมฮิตเลอร์ถึงอยากกำจัดพวกนี้ออกไปให้หมด” นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา เขียนประชดประชันไว้บาดใจบนอินสตาแกรมของเธอ
รายงานข่าวมิได้บอกว่าผู้ใดนำโพสต์นี้ไปฟ้องกลุ่มเอ็นจีโอยิว “StopAntisemites” (ยุติการต่อต้านคนยิว) หรือว่าโพสต์นี้ถูกแชร์เป็นไวรัล จึงไปถึงกลุ่มยุติการต่อต้านคนยิวได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ปรากฏคือ กลุ่มเอ็นจีโอยิวนี้ ทำการสกรีนช็อตภาพโพสต์ของนอสซิมะ แล้วนำไปทวิตบนแอคเคาท์ของกลุ่มบนแพลตฟอร์ม X เท่านั้นเอง ความโกรธเกรี้ยวลุกลามไปในบรรดาฟอลโลเวอร์ของกลุ่ม ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่า 132,000 แอคเคาท์ และภายในเช้ามืดของวันที่ 19 ตุลาคม จำนวนผู้เข้าชมทวิตนี้มีมหาศาลร่วมๆ 121,700 วิว
“บัณฑิตจากมหาวิทยาลับ City University of New York วิทยาเขตบรูคลิน นามว่า นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา วัย 25 ปี จุดประกายความเดือดดาลไปทั่วสืบเนื่องจากความเห็นที่เธอโพสต์บนอินสตาแกรม” เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น พร้อมกับให้รายละเอียดถึงแรงกดดันมหาศาลที่ทะลักทลายเข้าไปท่วมท้นผู้บริหารของซิตี้แบงก์ นิวยอร์ก
ลูกค้าซิตี้แบงก์กล่าวหาว่าธนาคารใจกว้างเกินไปกับสถานการณ์ต่อต้านคนยิวที่ไร้การควบคุม ซึ่งเกิดขึ้นในกลุ่มพนักงานแบงก์ พร้อมกับเตือนว่าซิตี้แบงก์จะต้องเจอกับการคว่ำบาตร เดลิเมลออนไลน์รายงาน
“นี่แหนะ ซิตี้ คำมั่นของพวกคุณที่จะส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการให้โอกาสกันโดยทั่วหน้าน่ะ ครอบคลุมถึงพวกนาซีด้วยหรือ” แดนเนียล เอส เลวี ทวิตไว้บน X
“เรื่องนี้ไม่ใช่การให้โอกาสกันโดยทั่วหน้า และองค์กรของคุณควรไล่เธอออก” คอมเมนต์โดย มาเรียน ครูสส์
“ผมจะส่งข้อร้องเรียนเกี่ยวกับลูกจ้างของคุณที่ชื่อ นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ไปได้ที่ไหน เธอสรรเสริญฮิตเลอร์ที่ฆ่าล้างผลาญคนยิว หรือว่าซิตี้ไม่ได้ใส่ใจกับโพสต์ของเธอ มันเลวร้ายและน่ารังเกียจ” เลนนี ลูเคซี เขียนถามซิตี้แบงก์
ด้านซิตี้แบงก์แจ้งตอบทวิตทั้งปวงโดยไวว่า
“ธนาคารอยู่ระหว่างการไต่สวนเรื่องนี้ และจะดำเนินการทางวินัยอย่างเหมาะสม เราประณามการต่อต้านคนยิวและการใช้ถ้อยคำแห่งความเกลียดชังอย่างเอาจริง” เดลิเมลออนไลน์รายงาน
และแล้วในวันพฤหัสบดี 19 ตุลาคม 2023 ซิตี้แบงก์ยืนยันผลการไต่สวนและบทลงโทษว่า นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ถูกไล่ออก โดยเธอได้ลบโพสต์ต่างๆ บนอินสตาแกรมแล้ว
โฆษกของซิตี้แบงก์ นิวยอร์ก เรียกโพสต์ของเธอว่า น่ารังเกียจ พร้อมกับยืนยันว่าธนาคารจะไม่ยอมอดทนกับถ้อยคำแห่งความเกลียดชัง
“เราเลิกจ้างบุคคลซึ่งได้คอมเมนต์ต่อต้านคนยิวด้วยถ้อยคำอันน่ารังเกียจไปบนโซเชียลมีเดีย เราขอประณามลัทธิต่อต้านคนยิว ตลอดจนถ้อยคำแห่งความเกลียดชังทั้งปวงซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้สำหรับธนาคารของเรา”
โฆษกซิตี้แบงก์นิวยอร์กกล่าวอย่างนั้นกับเดลิเมลออนไลน์ แล้วเดลิเมลออนไลน์นำข่าวไปรายงานโดยตั้งประเด็นโยงไปว่า นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ให้การรับรองแก่อาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวของฮิตเลอร์
ด้านนิวยอร์กโพสต์รายงานสมทบในเวลาต่อมาว่า เมื่อข่าวที่ นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ถูกไล่ออกถูกแชร์กันออกไป กลุ่มยุติการต่อต้านคนยิวทำการทวิตคำขอบคุณขึ้นบน X ว่า
“ขอขอบคุณ ซิตี้ ที่บอก ไม่! ใส่พวกต่อต้านคนยิว”
ในห้วงเดียวกัน แอคเคาท์รายอื่นๆ ก็ช่วยกันแสดงความขอบคุณที่ซิตี้แบงก์ “ทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
พร้อมนี้ นิวยอร์กโพสต์รายงานว่าไม่สามารถติดต่อขอสัมภาษณ์ นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ส่วนเดลิเมลออนไลน์ให้ข้อมูลส่วนตัวของเธอที่ปรากฏบนเพจลิงค์อินซึ่งเธอลบไปแล้ว ว่าหลังจากศึกษาเล่าเรียนอยู่ 5 ปี เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาการเงิน มหาวิทยาลัย City University of New York วิทยาเขตบรูคลิน แล้วเข้าทำงานที่ซิตี้แบงก์เมื่อมิถุนายน 2021 ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในปีนี้เธอทำงานอยู่กับซิตี้แบงก์แห่งถิ่นวอลล์สตรีทเป็นปีที่สอง
บทบาทหน้าที่ของเธอในตำแหน่ง Personal Banker คือส่งเสริมดูแลความสัมพันธ์ระหว่างแบงก์กับลูกค้าเพื่อเสริมสร้างความภักดีและผูกพัน พร้อมกับช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ลูกค้ารายบุคคลที่ดูแลอยู่
ในขณะที่กลุ่มยุติการต่อต้านคนยิว เขียนถึงว่า นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ใช้ชีวิตหรูหราพร้อมกับนำเสนอภาพสวยๆ ของเธอที่โพสต์ไว้บนอินสตาแกรม แต่นิวยอร์กโพสต์ให้ข้อมูลว่าอัตราเงินเดือนค่าตอบแทนต่อปีของเธอในตำแหน่งพนักงาน Personal Banker ของซิตี้แบงก์นั้น ไม่มากมายอะไรเลย อยู่ที่ระดับเฉลี่ยแค่ 75,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 2.7 ล้านบาทต่อปี) โดยอ้างอิงตามข้อมูลจากเว็บไซต์บริการจัดหางาน Glassdoor
กรณีของนอสซิมะซึ่งฮือฮามากมายในสัปดาห์ที่แล้ว เป็นหนึ่งในหลากหลายข่าวแห่งการไล่บี้ลงโทษเสรีชนคนอเมริกัน ผู้ซึ่งแสดงความคิดความรู้สึกไม่เห็นด้วยกับที่รัฐบาลอิสราเอลโหมปฏิบัติการแก้แค้นผู้ก่อการร้ายฮามาสแต่ตกหนักไปถึงประชาชนคนปาเลสไตน์ โดยที่ว่ากรณีพนักงานแบงก์ตำแหน่งเล็กๆ ที่ถูกเล่นงานขนาดนี้ นับเป็นแค่ปลายยอดของภูเขาน้ำแข็ง โดยยังมีกรณีกร้าวๆ กว่านี้อีกมหาศาล
แพทย์หญิงแผนกฉุกเฉินของ ร.พ. ในนิวยอร์กซิตี ถูกไล่ออก เซ่นโพสต์วิจารณ์ชาวยิวว่าได้รับกรรมสนอง
ก่อนวันที่ 19 ตุลาคม 2023 ซึ่งมีข่าวแชร์กันว่อนว่าสาวแบงก์คนดังย่านวอลล์สตรี นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ถูกไล่ออกจากซิตี้แบงก์ นั้น แพทย์หญิงดานา ดิอาบ แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินประจำแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลในมหานครนิวยอร์ก ถูกไล่ออกในวันอังคารที่ 17 ตุลาคม หลังจากโพสต์ความเห็นในประเด็นที่ว่า อิสราเอลซึ่งยึดแผ่นดินปาเลสไตน์เพื่อฟื้นชาติยิว ถูกกรรมสนอง เมื่อประชาชนชาวยิวต้องเผชิญกับความรุนแรงแบบที่รัฐบาลอิสราเอลเคยกระทำต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์มาอย่างมากมาย
ดร.ดานา ดิอาบ แพทย์หญิงประจำแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเลนน็อกซ์ฮิลล์ และศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลมหาวิทยาลับบรูกเดล แชร์ความเห็นต่อการที่ผู้ก่อการร้ายฮามาสบุกเข้าอิสราเอลและสังหารชาวยิวหลายร้อยชีวิต บนเพจส่วนตัวในอินสตาแกรม โดยเธอเขียนว่า พวกลัทธิฟื้นชาติยิวที่มายึดครองแผ่นปาเลสไตน์และสร้างถิ่นฐานไซออนนิสต์ ได้รู้รสชาติของยาที่พวกเขาเคยใช้กับผู้อื่น (หรือก็คือความหมายในระหว่างบรรทัดว่า สิ่งที่เคยกระทำไว้กับชาวปาเลสไตน์ นั่นเอง)
นิวยอร์กโพสต์รายงานอย่างนั้น โดยอ้างอิงจากภาพสกรีนช็อตที่กลุ่มเอ็นจีโอยิว นามว่า “StopAntisemites” แคปจากอินสตาแกรมของคุณหมอดานา ดิอาบ แล้วไปทวิตไว้ที่แอคเคาท์ของกลุ่มบนโซเชียลมีเดีย X เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม
นอกจากนั้น ยังมีอีกภาพหนึ่งที่แคปโปรไฟล์คุณหมอบนอินสตาแกรม ทั้งภาพถ่าย ชื่อ-นามสกุล สถานที่ทำงาน ฯลฯ โดยกลุ่มยุติการต่อต้านคนยิวเขียนกำกับโปรไฟล์ของคุณหมอว่า
“ดานา ดิอาบ เขียนขึ้นอิสตาแกรม เฉลิมฉลองกับการที่ผู้ตั้งถิ่นฐานไซออนนิสต์ (รู้จักกันในชื่อว่า ชาวยิว) ถูกฆาตกรรม ถูกข่มขืน ถูกตัดหัว และถูกลักพาตัว โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายฮามาสในวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2023
หลังจากที่กลุ่มยุติการต่อต้านคนยิว “StopAntisemites” ทวิตขึ้นบน X ความเจ็บปวดโกรธแค้นได้ลุกลามไปในหมู่ฟอลโลว์เวอร์ทั้งปวง รวมถึงชาวอเมริกันเชื้อสายยิวในนิวยอร์กซิตีซึ่งมีสัดส่วนเป็น 9% ของประชากรนิวยอร์กซิตีทั้งหมด
ในเวลาเดียวกัน แรงกดดันท่วมไปยัง Northwell Health ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ให้บริการดูแล และเป็นนายจ้างเอกชนรายใหญ่ที่สุดของรัฐนิวยอร์ก โดยมีโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนอร์ทชอร์และศูนย์การแพทย์ชาวยิวในลองไอแลนด์ เป็นยูนิตที่ใหญ่ที่สุดในเครือข่าย และเป็นต้นสังกัดของโรงพยาบาลเลนน็อกซ์ฮิลล์ ที่คุณหมอดานา ดิอาบ ทำงานด้วย
ในวันรุ่งขึ้น คือ อังคารที่ 17 ตุลาคม Northwell Health ประกาศยืนยันว่าแพทย์หญิงดานา ดิอาบ มิได้ทำงานในเครือข่ายโรงพยาบาลของ Northwell Health แล้ว
“เราเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เกิดความเจ็บปวดและโกรธเคืองจากความคิดเห็นในครั้งนี้ ซึ่งมิได้สะท้อนถึงความคิดเห็นของโรงพยาบาลเลนน็อกซ์ฮิลล์ หรือ Northwell Health และขัดแย้งกับคุณค่าหลักของเรา บัดนี้ สมาชิกรายนี้ของทีมแพทย์และพยาบาลมิได้เป็นพนักงานของ Northwell Health แล้ว” นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า Northwell Health เขียนไว้บนโซเชียลมีเดีย X
ด้านแอคเคาท์หนึ่งบน X เขียนสนับสนุน Northwell Health ว่า “หวังว่าจะเป็นตามนั้น คนยิวมากเลยกลัวที่จะมาโรงพยาบาลนี้”
ด้านแพทย์หญิงดานา ให้สัมภาษณ์แก่นิวยอร์กโพสต์ โดยยืนยันว่า ตัวเธอ “ไม่เคยเรียกร้องให้มีการทำร้ายผู้ใด” ในโพสต์ของเธอ
“ดิฉันไม่เคยมาก่อนและจะไม่มีวันที่จะละเมิดบทบาทหน้าที่และคำสาบานต่อการเป็นแพทย์ค่ะ” คุณหมอย้ำไว้อย่างนั้น
ในอันที่จะเข้าใจความคิดเห็นเรื่องกรรมสนองที่แพทย์หญิงดานา ดิอาบ โพสต์บนอินสตาแกรม รายงานขององค์การนิรโทษกรรมสากล Amnesty International เมื่อปีที่แล้ว จะช่วยได้มาก
ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2022 องค์การนิรโทษกรรมสากล ซึ่งเป็นกลุ่มสิทธิมนุษยชนรายใหญ่ของโลก ออกรายงานอย่างละเอียดความหนา 280 หน้า ประกาศว่าอิสราเอลใช้นโยบาย Apartheid กีดกันและเหยียดหยามทางเชื้อชาติต่อชาวปาเลสไตน์อย่างไร้มนุษยธรรม มีการทรมาน กักขัง ตลอดจนทำร้ายร่างกายและสังหารชาวปาเลสไตน์อย่างผิดกฎหมาย อีกทั้งปฏิเสธสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ซีเอ็นเอ็นรายงาน และให้ข้อมูลของรายงานฉบับสำคัญนี้เพิ่มเติมว่า
“นับแต่ที่มีการประกาศจัดตั้งรัฐอิสราเอลในปี 1948 อิสราเอลผลักดันนโยบายที่เสริมสร้างความเป็นจ้าว พร้อมกับขยายการควบคุมดินแดนปาเลสไตน์เพื่อผลประโยชน์ของคนยิว”
ดร.แอกเนส คาลามาร์ด เลขาธิการแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่า
"ไม่ว่าจะเป็นชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซ่า ในเยรูซาเลมตะวันออก หรือในเขตเวสต์แบงก์ ชาวปาเลสไตน์ล้วนถูกปฏิบัติเสมือนเป็นชนชาติที่ด้อยกว่า โดยมีการกดขี่ริดรอนสิทธิของชาวปาเลสไตน์อย่างเป็นระบบ" ดร.คาลามาร์ด กล่าว และระบุด้วยว่า
“เราพบว่าอิสราเอลทำการแบ่งแยก การริบทรัพย์สิน และการกีดกันต่อชาวปาเลสไตน์ในทั่วทุกดินแดนที่อิสราเอลควบคุม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการแบ่งแยกเชื้อชาติ"
ซีเอ็นเอ็นยกถ้อยคำสรุปรายงานของแอมเนสตีสากลว่า
“รัฐอิสราเอลมองและปฏิบัติต่อชาวปาเลสไตน์ในฐานะของกลุ่มเชื้อชาติที่ต่ำกว่าชาวยิว”
ซีอีโอวิสาหกิจยักษ์ สั่งยกเลิกสัญญาจ้างบัณฑิตจาก ม.ฮาร์วาร์ด & ม.โคลัมเบีย ที่เซ็นชื่อในหนังสือเปิดผนึกประณามรัฐบาลยิว
ในท่ามกลางความรู้สึกของชาวโลกที่เป็นห่วงและสงสารชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ซึ่งถูกปฏิบัติการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิสราเอลยิงถล่มรายวันและส่งผลให้ต้องบาดเจ็บล้มตายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั้น กระแสต่อต้านคัดค้านรัฐบาลอิสราเอลและรัฐบาลอเมริกัน ได้แพร่สะพัดภายในสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงมหาวิทยาลัย
ปฏิกิริยามากมายของซีอีโอแห่งหน่วยงานธุรกิจไซส์อภิยักษ์ทั้งหลายได้ช่วยกันโต้ตอบ โดยประกาศว่าจะไม่รับบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเข้าทำงานถ้าเป็นกลุ่มที่ตำหนิอิสราเอล สนับสนุนฮามาส นิวยอร์กโพสต์รายงาน
บิล แอคแมน มหาเศรษฐีพันล้านแห่งธุรกิจเฮดจ์ฟันด์ คือหนึ่งในบรรดาผู้ที่ดำเนินนโยบายนี้ และเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดส่งมอบรายชื่อนักศึกษาที่ร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึกเล่นงานรัฐบาลอิสราเอล และสนับสนุนฮามาส
“ถ้าคุณเป็นผู้บริหารธุรกิจ คุณจะจ้างคนที่ว่าร้ายติเตียนอิสราเอลซึ่งดำเนินการลงโทษกลุ่มก่อการร้ายล่ะหรือ” บิล แอคแมน ผู้ก่อตั้งเฮดจ์ฟันด์นิวยอร์กเจ้าดัง นามว่า Pershing Square Capital Management ทวิตไว้อย่างนั้นบนแอคเคาท์บน X
แม้แอคแมนจะถูกวิจารณ์ว่ารังแกและละเมิดสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นของผู้อื่น แต่มหาเศรษฐีพันล้านวัย 57 กะรัตก็ยักไหล่ โนสน โนแคร์ นิวยอร์กโพสต์รายงานอย่างนั้น พร้อมกับระบุว่ามีผู้บริหารธุรกิจหลายสิบรายที่หนุนแอคแมน อาทิ ซีอีโอ Sweetgreen แห่งธุรกิจสลัดเชน และซีอีโอ EasyHealth ผู้ให้บริการสุขภาพ ตลอดจนซีอีโอ Belong ธุรกิจตั้งใหม่ด้านที่อยู่อาศัยให้เช่า
สำหรับกรณีที่ดุเดือดโดดเด่นคือ นีล บารร์ ประธานบริษัท Davis Polk ซึ่งให้สัมภาษณ์แก่นิวยอร์กไทมส์ เมื่อ 17 ตุลาคม ว่าได้ยกเลิกการจ้างงานพวกบัณฑิตที่เป็นผู้นำองค์กรในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ซึ่งออกหนังสือตำหนิติเตียนอิสราเอลในปฏิบัติการโจมตีปาเลสไตน์
นอกจากนั้น บริษัทกฎหมายรายดังกล่าวได้ออกคำแถลงประกาศว่า ความคิดเห็นในหนังสือเปิดผนึกขององค์การนักศึกษากฎหมายหลายแห่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ ละเมิดระบบคุณค่าของบริษัท Davis Polk อย่างชัดเจน
พร้อมนี้ บริษัทระบุว่าพวกผู้นำนักศึกษาที่รับผิดชอบการแสดงความเห็นในหนังสือดังกล่าว ไม่เป็นที่ต้อนรับของบริษัทอีกต่อไป
ด้านนิวยอร์กโพสต์รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 16 ตุลาคมว่า มูลนิธิเว็กซ์เนอร์ ฟาวเดชัน ซึ่งมีสัมพันธ์เหนียวแน่นกับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่อาจไม่เข้าใจสปิริตแห่งเสรีชนว่าด้วยความหลากหลายทางความคิดเห็น ได้แสดงความไม่พอใจที่มหาวิทยาลัยมิได้ประณามการออกหนังสือเล่นงานอิสราเอล โดยองค์การนักศึกษา 30 กลุ่มซึ่งกล่าวโทษว่านโยบายส่งเสริมการสร้างถิ่นฐานยิว เป็นต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้ฮามาสตัดสินใจรุกเข้าโจมตีอิสราเอล
อินสตาแกรมของ รบ.ยิว ขู่เดือดใส่ซูเปอร์โมเดล จีจี้ ฮาดี้ด เซ่นโพสต์ตำหนิมาตรการต่อปาเลสไตน์ ต่อมาใครหลายคนขู่ฆ่าเธอและครอบครัว!!
จีจี้ ฮาดี้ด วัย 28 กะรัต ซูเปอร์โมเดลอเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์(คุณพ่อ) และ ดัตช์(คุณแม่) ได้แชร์โพสต์ของนักเขียนสตรีชาวยิว ขึ้นบนแอคเคาท์ส่วนตัวในอินสตาแกรมเมื่อ 11 ตุลาคม 2023 โดยโพสต์บาดใจนี้มีข้อความวิจารณ์รัฐบาลยิว และแสดงความเห็นใจเป็นห่วงประชาชนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาที่ถูกขีปนาวุธของอิสราเอลยิงเข้าไปถล่มรายวัน อันเป็นปฏิบัติการของรัฐบาลยิวที่มุ่งแก้แค้นและกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธฮามาสปาเลสไตน์ ซึ่งบุกข้ามพรมแดนเข้าไปสังหารคนยิวเมื่อ 7 ตุลาคม 2023
ผลที่เกิดขึ้นจากโพสต์ดังกล่าวของนางแบบสาวสวยที่มีผู้ติดตามอินสตาแกรมของเธอมากกว่า 79.2 ล้านราย คือ “รัฐบาลอิสราเอลอัดกลับโครมใหญ่ว่าเป็นการต่อต้านคนยิว” เดลิเมลออนไลน์รายงาน
ขณะเดียวกัน เดอะ ฮิลล์ สื่ออเมริกันเน้นข่าวรัฐสภาสหรัฐฯและข่าวภาครัฐ รายงานว่า แอคเคาท์อินสตาแกรมอย่างเป็นทางการของรัฐบาลอิสราเอล State of Israel จัดหนักเข้าใส่ จีจี้ ฮาดี้ด หลังจากที่เธอแชร์ความเห็นขึ้นอินสตาแกรมในประเด็นสงครามอิสราเอล-ฮามาส”
จีจี้ ฮาดิด สาวจิตกล้าแกร่งแห่งราศีพฤษภ แชร์ภาพกราฟิกที่มีข้อความอันคมคาย ติเตียนสิ่งที่รัฐบาลอิสราเอลปฏิบัติต่อชาวปาเลสไตน์ นำขึ้นบนอินสตาแกรมในช่วงต้นๆ ที่มีการระดมยิงขีปนาวุธออกไปถล่มทำลายฉนวนกาซาและทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตมากมายทุกวัน โดย “กราฟิกนี้เป็นของนักเขียนสตรีชาวยิว นามว่า มิอา ชาคเตอร์ ซึ่งโพสต์ขึ้นอินสตาแกรมเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2023” เว็บไซต์ข่าว indy100.com รายงานอย่างนั้น
ข้อความบนโพสต์ซึ่งคมคายด้วยลีลานักเขียนมากฝีมือ มีใจความโดยสรุปว่า
ไม่มีคุณลักษณ์ความเป็นยิวใดๆ ในสิ่งที่รัฐบาลอิสราเอลปฏิบัติต่อชาวปาเลสไตน์ การประณามรัฐบาลอิสราเอลมิใช่การต่อต้านชาวยิว และการสนับสนุนประชาชนคนปาเลสไตน์มิใช่การสนับสนุนฮามาส
ด้านรัฐบาลอิสราเอลก็ทิ่มแทงกลับไปยัง จีจี้ ฮาดี้ด เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น โดยเล่าว่าแอคเคาท์ของทางการอิสราเอลบนอินสตาแกรมซึ่งใช้ชื่อว่า Stateofisrael ได้โพสต์กราฟิกที่มีข้อความในลีลาเปี่ยมชั้นเชิงแบบเดียวกับกราฟิกของจีจี้ ฮาดี้ด ดังนี้
ไม่มีคุณลักษณ์ความกล้าใดๆ ในสิ่งที่ฮามาสสังหารหมู่ชาวอิสราเอล การประณามฮามาสในสิ่งที่ฮามาสเป็น ซึ่งก็คือ ISIS มิใช่การต่อต้านชาวปาเลสไตน์ และการสนับสนุนอิสราเอลในการต่อสู้ผู้ก่อการร้ายจอมป่าเถื่อนคือสิ่งถูกต้องที่ต้องกระทำ
พร้อมนี้ Stateofisrael เขียนขู่เดือดปุดๆ ไว้เหนือกราฟิก โดยติดแท็กชื่อแอคเคาท์ของจีจี้ ฮาดี้ด ไว้อย่างหรา บอกว่า
“คุณหลับลงหรือไม่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา?
“หรือคุณสบายดีด้วยการปิดตาไม่รับรู้ถึงบรรดาทารกยิวที่ถูกเชือดตายคาบ้าน? ความเงียบของคุณบอกออกมาชัดเจนอย่างยิ่งว่า จุดยืนของคุณอยู่ตรงไหน”
และแล้วประโยคขู่ชวนสยองขวัญปรากฏปิดท้ายย่อหน้าว่า “เดี๋ยวได้เจอกัน” ซึ่งเป็นสำนวนนักบู๊ ที่ไม่มีทางจะหมายถึงการไปหาเพื่อทานขนมดื่มนมอย่างแน่นอน
นอกจากนั้น รัฐบาลอิสราเอลยังโพสต์ภาพของมุมหนึ่งในบ้านชาวยิวที่ถูกผู้ก่อการร้ายฮามาสบุกเข้าไปทำร้าย ซึ่งเป็นภาพของพื้นบ้านมีรอยเลือดเปื้อนละเลง ข้างๆ กันเป็นสภาพกระเจิดกระเจิงที่มีของเล่นเด็กเกลื่อนกล่น ทั้งนี้ เหนือภาพน่าสะเทือนใจดังกล่าว มีข้อความติดแท็กชื่อแอคเคาท์ของจีจี้ ฮาดี้ด เขียนว่า
“ถ้าคุณไม่ประณามสิ่งนี้ คำกล่าวของคุณก็ไร้ค่า”
หลังวาทกรรมอันดุเดือด สื่อมวลชนทั้งสองฟากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกทยอยกันทราบข่าวว่า สถานการณ์ลุกลามไปถึงขั้นที่ว่า จีจี้ และครอบครัวฮาดี้ด ได้รับคำขู่ฆ่า โดยสื่อแท็บลอยด์ชื่อดัง TMZ รายงานข่าวเมื่อ 17 ตุลาคม 2023 ว่าทั้งจีจี้ และน้องสาวซูเปอร์โมเดล เบลลา ฮาดี้ด กับน้องชายอันวาร์ ฮาดี้ด ตลอดจนคุณแม่โยลันดา ฟาน เดน เฮริก และคุณพ่อโมฮัมเหม็ด ฮาดี้ด ต่างได้รับข้อความขู่เอาชีวิต ซึ่งผ่านเข้าไปทางสารพัดแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ อินสตาแกรม และกระทั่งกริ๊งเข้าโทรศัพท์มือถือ
TMZ รายงานว่าบรรดาแหล่งข่าวเล่าว่าเบอร์โทรศัพท์มือถือของทั้งห้าเซเลบริตีฮาดี้ด ถูกนำไปแชร์ต่อๆ กันบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการป่วนกันบนโลกออนไลน์นั่นเอง และมีการขู่ฆ่าแบบโหดๆ เข้าไป เช่น ส่งภาพกราฟิกพรรณนาว่าจะสังหารสมาชิกตระกูลฮาดี้ดด้วยวิธีใดบ้าง
ด้านเดลิเมลออนไลน์รายงานว่าตระกูลฮาดี้ดต้องดำเนินการป้องกันอันตราย โดยเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ และคุณพ่อโมฮัมเหม็ด มหาเศรษฐีอเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์ผู้ร่ำรวยด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็ไปขอความช่วยเหลือจากเอฟบีไอ
ล่าสุดซึ่ง จีจี้ ฮาดี้ด ปรากฏตัวที่มหานครนิวยอร์กซิตีเมื่อพฤหัสบดี 19 ตุลาคม เพื่อจัดมหาอีเวนต์แกรนด์โอเพนนิ่งห้างเครื่องแต่งกายสตรีสุดเท่และแพงระยับ Guest In Residence แห่งแรกของเธอบนถนนคนรวย บอนด์สตรีท นั้น ซูเปอร์โมเดลผู้สยายปีกเข้าสู่โลกแห่งผู้ประกอบการ ต้องมีองครักษ์ติดตามดูแลคุ้มกันภัยเป็นทีมใหญ่
นอกจากโพสต์บาดใจรัฐบาลยิว ที่ จีจี้ ลบไปจากอินสตาแกรมแล้ว ยังมีอีกโพสต์หนึ่งในวันที่ 11 ตุลาคม ซึ่งเธอเขียนส่งความเห็นใจและเป็นห่วงไปยังชาวปาเลสไตน์ และไปถึงทุกคนทุกชาติทุกศาสนาที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรม โดยมิได้แตะถึงรัฐบาลยิว
ในโพสต์อันงดงามนี้ เธอแสดงความสงสารคนปาเลสไตน์ที่มีชีวิตลำบากภายใต้การยึดครองของอิสราเอล และบอกอย่างนุ่มนวลว่าในความปรารถนาดีที่มีต่อชาวปาเลสไตน์ เธอมิได้อยากให้ชาวยิวได้รับภัยอันตราย พร้อมนี้เธอระบุอย่างชัดเจนว่า การก่อการร้ายที่กระทำต่อคนบริสุทธิ์ทั้งปวง ไม่ได้เป็นผลดีต่อขบวนการ “ปลดปล่อยปาเลสไตน์” เธอบอกด้วยว่า ‘หากคุณเจ็บปวด ไม่ว่าคุณจะเป็นปาเลสไตน์หรือยิว ดิฉันขอส่งความรักและพลังใจไปให้’
ในย่อหน้าท้ายสุด จีจี้ สาวสวยน้ำใจงามเขียนว่า
“ดิฉันทราบว่าถ้อยคำของดิฉันไม่อาจจะเพียงพอแก่การเยียวยาบาดแผลฝังลึกของผู้คนอันมากมาย แต่ดิฉันขอภาวนาให้ชีวิตผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายได้รับความปลอดภัย ตลอดไป”
จิตใจเมตตาต่อชาวปาเลสไตน์ที่สาวอเมริกันคนดังระดับโลก นามว่า จีจี้ ฮาดี้ด ประกาศออกมาทางอินสตาแกรม เป็นผลจากการเลี้ยงดูกล่อมเกลาโดยคุณพ่อมูฮัมเหม็ด ฮาดี้ด ผู้ซึ่งถือกำเนิดในปาเลสไตน์ แต่ไปเติบโตในดินแดนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในดินแดนเสรีชนอย่างสหรัฐอเมริกาซึ่งยาวนานกว่า 6 ทศวรรษ
ครอบครัวมหาเศรษฐีปาเลสไตน์ ฮาดี้ด ช่วยกันเป็นกำลังใจให้แก่ชาวปาเลสไตน์ ตั้งแต่คุณพ่อโมฮัมเหม็ด ลงมายังลูกๆ ซูเปอร์โมเดล จีจี้ และ เบลลา
คุณพ่อโมฮัมเหม็ด เป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นวีรบุรุษของลูกๆ โดยคุณพ่ออเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์ วัย 75 กะรัต ผู้ประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างมหาศาล ถือกำเนิดมาในตระกูลปาเลสไตน์ที่เมืองนาซาเร็ธในเดือนพฤศจิกายน 1948 หรือราวครึ่งปีหลังการประกาศจัดตั้งรัฐอิสราเอลเมื่อ 14 พฤษภาคม 1948 ซึ่งเมืองนาซาเร็ธตกเป็นส่วนหนึ่งของรัฐอิสราเอล
วอชิงตันโพสต์เล่าว่าในเวลาต่อมา คุณปู่ของ จีจี้ ฮาดี้ด ซึ่งเรียนกฎหมาย มีความรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี และทำงานกับหน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษ ได้พาครอบครัวอพยพลี้ภัยมหาสงครามปาเลสไตน์ (1947-1949) ไปยังซีเรีย แล้วได้เข้าทำงานกับหน่วยงานอเมริกัน 2 หน่วยงาน คือ USAID และ VOA คุณพ่อโมฮัมเหม็ดจึงเติบโตในซีเรีย ตลอดจนตูนีเซีย และกรีซ จนกระทั่งอายุได้ 14 ในปี 1962 ครอบครัวก็โยกย้ายไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดยที่สมาชิกครอบครัวได้รับสัญชาติอเมริกันทุกคน
แม้จะไม่ได้เติบโตในปาเลสไตน์ แต่ความรู้สึกนึกคิดและจิตใจของคุณพ่อโมฮัมเหม็ด ฮาดี้ด ผูกพันกับแผ่นดินปาเลสไตน์
เดลิเมลออนไลน์เขียนเล่าว่า โมฮัมเหม็ด ฮาดี้ด เคยกล่าวว่าลูกทุกคนได้รับการอบรมกล่อมเกลาให้เข้าใจและเคารพในเอกลักษณ์ต่างๆ ของปาเลสไตน์
ในวันที่เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวยิวโดยน้ำมือของฮามาส คุณพ่อโมฮัมเหม็ด ฮาดี้ด เป็นหนึ่งในผู้คนหลายล้านรายทั่วโลกที่แชร์ความรู้สึกนึกคิดออกสู่โซเชียลมีเดียว่า รัฐบาลขวาจัดของอิสราเอลมีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบต่อสภาพการณ์ที่การสู้รบระหว่างฝ่ายถูกยึดครองและฝ่ายยึดครอง ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมหาศาล
สองวันต่อมา เขาขึ้นภาพของนายกฯ เนทันยาฮู และเขียนว่า
“ขอบอกเพื่อความกระจ่าง ผมประณามการฆ่าและการจับตัวประกัน ตลอดจนการทรมานประชาชน ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมอาหรับ หรือเป็นยิว หรือเป็นคริสเตียน
“และผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการที่ฝ่ายยึดครองปฏิบัติไม่ดีต่อผู้ถูกยึดครอง” เดลิเมลออนไลน์รายงาน
ข้อความของจีจี้ ฮาดี้ด สาวพฤษภผู้แข็งแกร่ง ที่ว่าบาดใจรัฐบาลยิวนักหนานั้น ยังต้องนับว่าออมชอมทีเดียวเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับซูเปอร์สตาร์ เบลลา ฮาดี้ด น้องสาวผู้กล้าต่อสู้เพื่อความยุติธรรมอันเป็นลักษณะเด่นของสาวราศีตุลย์
แต่ในโศกนาฏกรรมและสงครามยิว-ปาเลสไตน์ ปี 2023 สุขภาพของซุปตาร์เบลลายังไม่ฟื้นคืนความแข็งแรงเต็มที่จากการเข้ารับการบำบัดรักษาโรคลายม์ ที่ทำให้อ่อนแรงและเหี่ยวแห้ง เธอจึงมิได้ออกมาแสดงความคิดเห็น
อย่างไรก็ตาม เดลิเมลออนไลน์เล่าถึงไฮไลท์แห่งการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของ เบลลา ฮาดี้ด ในอดีตว่าเธอมักที่จะแสดงออกบนโซเชียลมีเดียอย่างตรงไปตรงมาขั้นสุด โดยในเดือนมิถุนายน 2022 สาวสวยที่เกิดและเติบโตในสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ขึ้นอินสตาแกรมว่า
“ฉันจะไม่ยอมให้ใครลืมปาเลสไตน์ที่แสนงดงามของเรา ตลอดจนผู้คนที่น่ารักในปาเลสไตน์
“ในแต่ละวัน ฉันอยากจะย้อนเวลากลับสู่อดีตสมัยที่ฉันยังเด็ก เพื่อที่จะเริ่มการต่อสู้เพื่อปาเลสไตน์ให้เร็วกว่านี้ เพื่อให้ผู้เฒ่าผู้แก่ของฉัน และประชาชนแห่งปาเลสไตน์ ได้ผ่านพ้นออกจากการถูกยึดครองที่ไม่ถูกต้องและแสนเจ็บปวดนี้”
นอกจากนั้น ครอบครัวฮาดี้ดยังมีน้องชายคนเล็ก อันวาร์ ฮาดี้ด ที่กล่าวสนับสนุนช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในคราวที่เขาได้ขึ้นหน้าปกนิตยสาร GQตะวันออกกลาง เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น
พร้อมบอกด้วยว่า อันวาร์ ฮาดี้ด กับเพื่อนช่วยกันผลิตภาพยนตร์ซึ่ง GQตะวันออกกลาง ชื่นชมด้วยคำว่า “เป็นสารคดีใหม่ที่เปิดดวงตาให้ผู้คนสามารถเข้าถึงความเจ็บปวดของชาวปาเลสไตน์ และได้ตระหนักถึงพลังของชาวปาเลสไตน์ในการต่อต้านอิสราเอล
ในบทสัมภาษณ์ที่ให้แก่ GQตะวันออกกลาง อันวาร์ ฮาดี้ดบอกว่า
“ตอนที่สร้างภาพยนตร์ เรามีแรงบันดาลใจว่าหนังเรื่องนี้จะช่วยให้เห็นชาวปาเลสไตน์เป็นมนุษย์ขึ้นมา และเปิดโอกาสให้ได้ฟังความคิดความรู้สึกของพวกเรา ที่พวกเราพูดออกมาอย่างเสรีและเป็นตัวแทนของชาวปาเลสไตน์ได้น่ะครับ” เดลิเมลออนไลน์รายงาน
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดลิเมลออนไลน์ นิวยอร์กโพสต์ ลิงค์อิน อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ นิวยอร์กไทมส์ ซีเอ็นเอ็น เอพี อัลญะซีเราะห์ ฮิสทอรีดอทคอม cbs.gov.il indy100.com TMZ วอชิงตันโพสต์ เพจซิกซ์)