xs
xsm
sm
md
lg

PLANET#3: อยู่ US อย่าด่ายิว! ไล่ออกสาวซิตี้แบงก์ NY เล่นมุก ‘ฮิตเลอร์’ - ซุปตาร์ จีจี้ ฮาดี้ด ติรบ.เนทันยาฮูคำเดียว ถูกขู่‘เดี๋ยวเจอกัน’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ซูเปอร์โมเดลระดับโลกอย่าง จีจี้ ฮาดิ้ด เป็นอเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์ที่กล้าหาญและไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ในขณะที่รัฐบาลยิวทำการแก้แค้นกลุ่มติดอาวุธฮามาส และหมายจะกวาดล้างให้สิ้นซากด้วยการปฏิบัติการทางอากาศ ระดมยิงขีปนาวุธถล่มฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่องสองสัปดาห์กว่า ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์ล้มตายไปมากกว่า 6,700 ชีวิต โดยเป็นเด็กมากกว่า 2,700 ชีวิต เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจอย่างยิ่งในความรู้สึกของชาวโลก จีจี้ ฮาดี้ด ได้ออกโรงมาเตือนสติว่าสิ่งที่รัฐบาลยิวทำไปนั้น ไม่มีคุณลักษณ์ความเป็นยิวแต่อย่างใด และแล้วรัฐบาลยิวก็ใช้ท่าทีแห่งความรุนแรงโต้ตอบเธอ สมฐานะความเป็นรัฐบาลขวาสุดโต่งอย่างแท้จริง
สุดสวย นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา วัย 25 กะรัต พนักงานดูแลลูกค้ารายใหญ่แห่งธนาคารซิตี้แบงก์ สำนักนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โพสต์ขึ้นแอคเคาท์ส่วนตัวบนอินสตาแกรมเมื่อ 17 ตุลาคม 2023 ว่า

“ทันทีที่โรงพยาบาลแบปติสต์ในกาซาถูกบอมบ์ อิสราเอลประกาศเอาเครดิตใส่ตัวในเรื่องนี้ และทวิตบอกว่าพวกเขาทำอย่างนั้นเพื่อสังหาร “ผู้ก่อการร้าย” ซึ่งอยู่ข้างในโรงพยาบาล หนำซ้ำยังระบุด้วยว่าปฏิบัติการนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

“แต่เมื่อวิดีโอต่างๆ ปรากฏภาพออกมา และเห็นว่าผู้เสียชีวิตทั้งหลายล้วนแต่เป็นพลเรือน พวกนั้นลบทวิตทั้งปวง แล้วบอกใหม่ ฝ่ายปาเลสไตน์บอมบ์ใส่ตัวเอง

“ไม่สงสัยเลย ทำไมฮิตเลอร์ถึงอยากกำจัดพวกนี้ออกไปให้หมด” นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา เขียนประชดประชันไว้บาดใจบนอินสตาแกรมของเธอ

รายงานข่าวมิได้บอกว่าผู้ใดนำโพสต์นี้ไปฟ้องกลุ่มเอ็นจีโอยิว “StopAntisemites” (ยุติการต่อต้านคนยิว) หรือว่าโพสต์นี้ถูกแชร์เป็นไวรัล จึงไปถึงกลุ่มยุติการต่อต้านคนยิวได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ปรากฏคือ กลุ่มเอ็นจีโอยิวนี้ ทำการสกรีนช็อตภาพโพสต์ของนอสซิมะ แล้วนำไปทวิตบนแอคเคาท์ของกลุ่มบนแพลตฟอร์ม X เท่านั้นเอง ความโกรธเกรี้ยวลุกลามไปในบรรดาฟอลโลเวอร์ของกลุ่ม ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่า 132,000 แอคเคาท์ และภายในเช้ามืดของวันที่ 19 ตุลาคม จำนวนผู้เข้าชมทวิตนี้มีมหาศาลร่วมๆ 121,700 วิว

นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา วัย 25 กะรัต พนักงานซิตี้แบงก์ สำนักนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โพสต์บนอินสตาแกรมของเธอ ประชดประชันเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยิวว่า “ไม่สงสัยเลย ทำไมฮิตเลอร์ถึงอยากกำจัดพวกนี้ออกไปให้หมด”
“บัณฑิตจากมหาวิทยาลับ City University of New York วิทยาเขตบรูคลิน นามว่า นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา วัย 25 ปี จุดประกายความเดือดดาลไปทั่วสืบเนื่องจากความเห็นที่เธอโพสต์บนอินสตาแกรม” เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น พร้อมกับให้รายละเอียดถึงแรงกดดันมหาศาลที่ทะลักทลายเข้าไปท่วมท้นผู้บริหารของซิตี้แบงก์ นิวยอร์ก

ลูกค้าซิตี้แบงก์กล่าวหาว่าธนาคารใจกว้างเกินไปกับสถานการณ์ต่อต้านคนยิวที่ไร้การควบคุม ซึ่งเกิดขึ้นในกลุ่มพนักงานแบงก์ พร้อมกับเตือนว่าซิตี้แบงก์จะต้องเจอกับการคว่ำบาตร เดลิเมลออนไลน์รายงาน

“นี่แหนะ ซิตี้ คำมั่นของพวกคุณที่จะส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการให้โอกาสกันโดยทั่วหน้าน่ะ ครอบคลุมถึงพวกนาซีด้วยหรือ” แดนเนียล เอส เลวี ทวิตไว้บน X

“เรื่องนี้ไม่ใช่การให้โอกาสกันโดยทั่วหน้า และองค์กรของคุณควรไล่เธอออก” คอมเมนต์โดย มาเรียน ครูสส์

“ผมจะส่งข้อร้องเรียนเกี่ยวกับลูกจ้างของคุณที่ชื่อ นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ไปได้ที่ไหน เธอสรรเสริญฮิตเลอร์ที่ฆ่าล้างผลาญคนยิว หรือว่าซิตี้ไม่ได้ใส่ใจกับโพสต์ของเธอ มันเลวร้ายและน่ารังเกียจ” เลนนี ลูเคซี เขียนถามซิตี้แบงก์

ด้านซิตี้แบงก์แจ้งตอบทวิตทั้งปวงโดยไวว่า

“ธนาคารอยู่ระหว่างการไต่สวนเรื่องนี้ และจะดำเนินการทางวินัยอย่างเหมาะสม เราประณามการต่อต้านคนยิวและการใช้ถ้อยคำแห่งความเกลียดชังอย่างเอาจริง” เดลิเมลออนไลน์รายงาน

กลุ่มเอ็นจีโอยิว StopAntisemites ทำสกรีนช็อตภาพแอคเคาท์ของนอสซิมะ ฮุสเซนโนวา จากอินสตาแกรม แล้วนำไปทวิตบน X ของกลุ่ม ส่งผลให้ฟอลโลว์เวอร์ของเอ็นจีโอกลุ่มนี้ รวมแสนกว่าแอคเคาท์ พากันโกรธแค้นและร่วมด้วยช่วยกันโต้ตอบ “ความเห็นอันเลวร้าย” ของสาวแบงก์ตำแหน่งเล็กๆ คนนี้
และแล้วในวันพฤหัสบดี 19 ตุลาคม 2023 ซิตี้แบงก์ยืนยันผลการไต่สวนและบทลงโทษว่า นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ถูกไล่ออก โดยเธอได้ลบโพสต์ต่างๆ บนอินสตาแกรมแล้ว


โฆษกของซิตี้แบงก์ นิวยอร์ก เรียกโพสต์ของเธอว่า น่ารังเกียจ พร้อมกับยืนยันว่าธนาคารจะไม่ยอมอดทนกับถ้อยคำแห่งความเกลียดชัง

“เราเลิกจ้างบุคคลซึ่งได้คอมเมนต์ต่อต้านคนยิวด้วยถ้อยคำอันน่ารังเกียจไปบนโซเชียลมีเดีย เราขอประณามลัทธิต่อต้านคนยิว ตลอดจนถ้อยคำแห่งความเกลียดชังทั้งปวงซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้สำหรับธนาคารของเรา”

โฆษกซิตี้แบงก์นิวยอร์กกล่าวอย่างนั้นกับเดลิเมลออนไลน์ แล้วเดลิเมลออนไลน์นำข่าวไปรายงานโดยตั้งประเด็นโยงไปว่า นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ให้การรับรองแก่อาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวของฮิตเลอร์

ด้านนิวยอร์กโพสต์รายงานสมทบในเวลาต่อมาว่า เมื่อข่าวที่ นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ถูกไล่ออกถูกแชร์กันออกไป กลุ่มยุติการต่อต้านคนยิวทำการทวิตคำขอบคุณขึ้นบน X ว่า

“ขอขอบคุณ ซิตี้ ที่บอก ไม่! ใส่พวกต่อต้านคนยิว”

ในห้วงเดียวกัน แอคเคาท์รายอื่นๆ ก็ช่วยกันแสดงความขอบคุณที่ซิตี้แบงก์ “ทำในสิ่งที่ถูกต้อง”

รูปถ่ายและโปรไฟล์ของนอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ที่เคยอยู่บนอินสตาแกรมแนะนำพนักงานของธนาคารซิตี้แบงก์ ระบุว่าเธอจบปริญญาตรีสาขาการเงิน และได้ทำงานกับซิตี้แบงก์หลังสำเร็จการศึกษาจากวิทยาเขตบรูคลิน มหานครนิวยอร์ก ทั้งนี้ รูปถ่ายและโปรไฟล์อันนี้ถูกลบออกจากอินสตาแกรมของซิตี้แบงก์เรียบร้อยแล้ว

ภาพนี้เป็นอินสตาแกรมของนอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ก่อนที่ธนาคารนายจ้างของเธอจะประกาศเลิกจ้างเธอ และก่อนที่ตัวเธอจะลบโพสต์ร้อยกว่าโพสต์ไปทั้งหมด แล้วทำเป็นระบบปิด เพื่อให้แอคเคาท์นี้สื่อสารกันเฉพาะภายในวงของฟอลโลว์เวอร์ด้วยกันเท่านั้น  ทั้งนี้ เธอมีผู้ติดตามมากกว่า 4,500 และเธอเขียนคำขวัญใต้ภาพโปรไฟล์แบบผู้ที่มีใจคอเข้มแข็งว่า “let it be” ให้มันเป็นไป (อะไรจะเกิด ก็ยอมรับสภาพ แล้วมันจะผ่านไป)
พร้อมนี้ นิวยอร์กโพสต์รายงานว่าไม่สามารถติดต่อขอสัมภาษณ์ นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ส่วนเดลิเมลออนไลน์ให้ข้อมูลส่วนตัวของเธอที่ปรากฏบนเพจลิงค์อินซึ่งเธอลบไปแล้ว ว่าหลังจากศึกษาเล่าเรียนอยู่ 5 ปี เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาการเงิน มหาวิทยาลัย City University of New York วิทยาเขตบรูคลิน แล้วเข้าทำงานที่ซิตี้แบงก์เมื่อมิถุนายน 2021 ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในปีนี้เธอทำงานอยู่กับซิตี้แบงก์แห่งถิ่นวอลล์สตรีทเป็นปีที่สอง

บทบาทหน้าที่ของเธอในตำแหน่ง Personal Banker คือส่งเสริมดูแลความสัมพันธ์ระหว่างแบงก์กับลูกค้าเพื่อเสริมสร้างความภักดีและผูกพัน พร้อมกับช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ลูกค้ารายบุคคลที่ดูแลอยู่

ในขณะที่กลุ่มยุติการต่อต้านคนยิว เขียนถึงว่า นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ใช้ชีวิตหรูหราพร้อมกับนำเสนอภาพสวยๆ ของเธอที่โพสต์ไว้บนอินสตาแกรม แต่นิวยอร์กโพสต์ให้ข้อมูลว่าอัตราเงินเดือนค่าตอบแทนต่อปีของเธอในตำแหน่งพนักงาน Personal Banker ของซิตี้แบงก์นั้น ไม่มากมายอะไรเลย อยู่ที่ระดับเฉลี่ยแค่ 75,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 2.7 ล้านบาทต่อปี) โดยอ้างอิงตามข้อมูลจากเว็บไซต์บริการจัดหางาน Glassdoor

ขณะที่กลุ่มเอ็นจีโอยิว StopAntisemites ประสบความสำเร็จมากมากในการไล่บี้ลงโทษผู้คนที่ติเตียนรัฐบาลยิวและชาวยิว แต่สำหรับกรณีของ คานเย เวสต์ ซูเปอร์แร็ปเปอร์ คนดังใหญ่โตคับโลกนั้น กลุ่ม StopAntisemites ถึงกับเขียนโต้ตอบบนอินสตาแกรมว่า ‘ไม่มีถ้อยคำที่จะบอกได้แล้วว่าข้อเขียนของคานเย เวสต์ ช่างชั่วร้ายเลวทรามเพียงใด’  ทั้งนี้ เป็นกรณีที่หนุ่มเย่ (“Ye” นามในปัจจุบันของ Kanye West) ทวิตขึ้นไปว่า ‘ผมเริ่มจะคิดว่าการต่อต้าน ชาวยิว หมายถึง พวกไอ้ดำมืด’ ที่ผ่านมา หนุ่มเย่ ศิลปินแร็ปผิวดำและโปรดิวเซอร์&ดีไซเนอร์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งของโลก มักที่จะแสดงวิสัยทัศน์แบบลัทธิคนผิวขาวเป็นใหญ่ White Supremacy และจะโจมตีชาวยิวซึ่งเป็นคู่อริหมายเลข 1 ของชาว White Supremacy อีกทั้งยังหมั่นเชิดชู อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และกล่าววาจาเหยียดหยามชาวยิว ส่งผลให้แร็ปเปอร์ผู้ร่ำรวยรายนี้เผชิญกับการสูญเสียรายได้ไปมากมายหลายแหล่ง อาทิ ในช่วงปลายปี 2022 หนุ่มเย่ถูกค่ายอาดิดาสยกเลิกสัญญาธุรกิจผลิตภัณฑ์กลุ่มยีซี Yeezy ซึ่งขายดีเป็นตัวท็อปเทพประทาน  อย่างไรก็ตาม การณ์กลับกลายเป็นว่าการยกเลิกสัญญาธุรกิจดังกล่าวอาจจะทำให้รายได้ของอาดิดาส ปี 2023 หายไป 1,300 ล้านดอลลาร์ และกำไรขั้นต้นหดหายไปได้ถึง 534 ล้านดอลลาร์ ซีเอ็นเอ็นรายงาน
กรณีของนอสซิมะซึ่งฮือฮามากมายในสัปดาห์ที่แล้ว เป็นหนึ่งในหลากหลายข่าวแห่งการไล่บี้ลงโทษเสรีชนคนอเมริกัน ผู้ซึ่งแสดงความคิดความรู้สึกไม่เห็นด้วยกับที่รัฐบาลอิสราเอลโหมปฏิบัติการแก้แค้นผู้ก่อการร้ายฮามาสแต่ตกหนักไปถึงประชาชนคนปาเลสไตน์ โดยที่ว่ากรณีพนักงานแบงก์ตำแหน่งเล็กๆ ที่ถูกเล่นงานขนาดนี้ นับเป็นแค่ปลายยอดของภูเขาน้ำแข็ง โดยยังมีกรณีกร้าวๆ กว่านี้อีกมหาศาล

แพทย์หญิงแผนกฉุกเฉินของ ร.พ. ในนิวยอร์กซิตี ถูกไล่ออก เซ่นโพสต์วิจารณ์ชาวยิวว่าได้รับกรรมสนอง

ก่อนวันที่ 19 ตุลาคม 2023 ซึ่งมีข่าวแชร์กันว่อนว่าสาวแบงก์คนดังย่านวอลล์สตรี นอสซิมะ ฮุสเซนโนวา ถูกไล่ออกจากซิตี้แบงก์ นั้น แพทย์หญิงดานา ดิอาบ แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินประจำแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลในมหานครนิวยอร์ก ถูกไล่ออกในวันอังคารที่ 17 ตุลาคม หลังจากโพสต์ความเห็นในประเด็นที่ว่า อิสราเอลซึ่งยึดแผ่นดินปาเลสไตน์เพื่อฟื้นชาติยิว ถูกกรรมสนอง เมื่อประชาชนชาวยิวต้องเผชิญกับความรุนแรงแบบที่รัฐบาลอิสราเอลเคยกระทำต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์มาอย่างมากมาย

ดร.ดานา ดิอาบ แพทย์หญิงประจำแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเลนน็อกซ์ฮิลล์ และศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลมหาวิทยาลับบรูกเดล แชร์ความเห็นต่อการที่ผู้ก่อการร้ายฮามาสบุกเข้าอิสราเอลและสังหารชาวยิวหลายร้อยชีวิต บนเพจส่วนตัวในอินสตาแกรม โดยเธอเขียนว่า พวกลัทธิฟื้นชาติยิวที่มายึดครองแผ่นปาเลสไตน์และสร้างถิ่นฐานไซออนนิสต์ ได้รู้รสชาติของยาที่พวกเขาเคยใช้กับผู้อื่น (หรือก็คือความหมายในระหว่างบรรทัดว่า สิ่งที่เคยกระทำไว้กับชาวปาเลสไตน์ นั่นเอง)

นิวยอร์กโพสต์รายงานอย่างนั้น โดยอ้างอิงจากภาพสกรีนช็อตที่กลุ่มเอ็นจีโอยิว นามว่า “StopAntisemites” แคปจากอินสตาแกรมของคุณหมอดานา ดิอาบ แล้วไปทวิตไว้ที่แอคเคาท์ของกลุ่มบนโซเชียลมีเดีย X เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม

นอกจากนั้น ยังมีอีกภาพหนึ่งที่แคปโปรไฟล์คุณหมอบนอินสตาแกรม ทั้งภาพถ่าย ชื่อ-นามสกุล สถานที่ทำงาน ฯลฯ โดยกลุ่มยุติการต่อต้านคนยิวเขียนกำกับโปรไฟล์ของคุณหมอว่า

“ดานา ดิอาบ เขียนขึ้นอิสตาแกรม เฉลิมฉลองกับการที่ผู้ตั้งถิ่นฐานไซออนนิสต์ (รู้จักกันในชื่อว่า ชาวยิว) ถูกฆาตกรรม ถูกข่มขืน ถูกตัดหัว และถูกลักพาตัว โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายฮามาสในวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2023

หลังจากที่กลุ่มยุติการต่อต้านคนยิว “StopAntisemites” ทวิตขึ้นบน X ความเจ็บปวดโกรธแค้นได้ลุกลามไปในหมู่ฟอลโลว์เวอร์ทั้งปวง รวมถึงชาวอเมริกันเชื้อสายยิวในนิวยอร์กซิตีซึ่งมีสัดส่วนเป็น 9% ของประชากรนิวยอร์กซิตีทั้งหมด

ในเวลาเดียวกัน แรงกดดันท่วมไปยัง Northwell Health ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ให้บริการดูแล และเป็นนายจ้างเอกชนรายใหญ่ที่สุดของรัฐนิวยอร์ก โดยมีโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนอร์ทชอร์และศูนย์การแพทย์ชาวยิวในลองไอแลนด์ เป็นยูนิตที่ใหญ่ที่สุดในเครือข่าย และเป็นต้นสังกัดของโรงพยาบาลเลนน็อกซ์ฮิลล์ ที่คุณหมอดานา ดิอาบ ทำงานด้วย

ในวันรุ่งขึ้น คือ อังคารที่ 17 ตุลาคม Northwell Health ประกาศยืนยันว่าแพทย์หญิงดานา ดิอาบ มิได้ทำงานในเครือข่ายโรงพยาบาลของ Northwell Health แล้ว

“เราเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เกิดความเจ็บปวดและโกรธเคืองจากความคิดเห็นในครั้งนี้ ซึ่งมิได้สะท้อนถึงความคิดเห็นของโรงพยาบาลเลนน็อกซ์ฮิลล์ หรือ Northwell Health และขัดแย้งกับคุณค่าหลักของเรา บัดนี้ สมาชิกรายนี้ของทีมแพทย์และพยาบาลมิได้เป็นพนักงานของ Northwell Health แล้ว” นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า Northwell Health เขียนไว้บนโซเชียลมีเดีย X

ด้านแอคเคาท์หนึ่งบน X เขียนสนับสนุน Northwell Health ว่า “หวังว่าจะเป็นตามนั้น คนยิวมากเลยกลัวที่จะมาโรงพยาบาลนี้”

ภาพของดร.ดานา ดิอาบ คุณหมอแผนกฉุกเฉิน บนแอคเคาท์อินสตาแกรมของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบรูกเดล มหานครนิวยอร์ก ซึ่งให้ข้อมูลว่าคุณหมอดานาเป็นชาวปาเลสไตน์ที่เติบโตในประเทศกาตาร์ โดยจบแพทย์ศาสตร์จาก Weill Cornell Medicine Qatar ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยคอร์แนล สหรัฐอเมริกา ในการนี้ ขณะที่โรงพยาบาลเลนน็อกซ์ฮิลล์มีคำสั่งเลิกจ้างคุณหมอดานา สืบเนื่องจากที่คุณหมอแชร์ความเห็นบนอินสตาแกรม และส่งผลให้เกิดความขุ่นเคืองใหญ่หลวงในบรรดาชาวยิวซึ่งเป็นผู้ใช้บริการกลุ่มยักษ์ของเครือข่ายต้นสังกัดของโรงพยาบาลเลนน็อกซ์ฮิลล์  แต่ในส่วนของศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบรูกเดล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งที่ทำงานของคุณหมอ มิได้ดำเนินการแบบเดียวกัน
ด้านแพทย์หญิงดานา ให้สัมภาษณ์แก่นิวยอร์กโพสต์ โดยยืนยันว่า ตัวเธอ “ไม่เคยเรียกร้องให้มีการทำร้ายผู้ใด” ในโพสต์ของเธอ

“ดิฉันไม่เคยมาก่อนและจะไม่มีวันที่จะละเมิดบทบาทหน้าที่และคำสาบานต่อการเป็นแพทย์ค่ะ” คุณหมอย้ำไว้อย่างนั้น

ในอันที่จะเข้าใจความคิดเห็นเรื่องกรรมสนองที่แพทย์หญิงดานา ดิอาบ โพสต์บนอินสตาแกรม รายงานขององค์การนิรโทษกรรมสากล Amnesty International เมื่อปีที่แล้ว จะช่วยได้มาก

ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2022 องค์การนิรโทษกรรมสากล ซึ่งเป็นกลุ่มสิทธิมนุษยชนรายใหญ่ของโลก ออกรายงานอย่างละเอียดความหนา 280 หน้า ประกาศว่าอิสราเอลใช้นโยบาย Apartheid กีดกันและเหยียดหยามทางเชื้อชาติต่อชาวปาเลสไตน์อย่างไร้มนุษยธรรม มีการทรมาน กักขัง ตลอดจนทำร้ายร่างกายและสังหารชาวปาเลสไตน์อย่างผิดกฎหมาย อีกทั้งปฏิเสธสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ซีเอ็นเอ็นรายงาน และให้ข้อมูลของรายงานฉบับสำคัญนี้เพิ่มเติมว่า

“นับแต่ที่มีการประกาศจัดตั้งรัฐอิสราเอลในปี 1948 อิสราเอลผลักดันนโยบายที่เสริมสร้างความเป็นจ้าว พร้อมกับขยายการควบคุมดินแดนปาเลสไตน์เพื่อผลประโยชน์ของคนยิว”

ดร.แอกเนส คาลามาร์ด เลขาธิการแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่า

"ไม่ว่าจะเป็นชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซ่า ในเยรูซาเลมตะวันออก หรือในเขตเวสต์แบงก์ ชาวปาเลสไตน์ล้วนถูกปฏิบัติเสมือนเป็นชนชาติที่ด้อยกว่า โดยมีการกดขี่ริดรอนสิทธิของชาวปาเลสไตน์อย่างเป็นระบบ" ดร.คาลามาร์ด กล่าว และระบุด้วยว่า

“เราพบว่าอิสราเอลทำการแบ่งแยก การริบทรัพย์สิน และการกีดกันต่อชาวปาเลสไตน์ในทั่วทุกดินแดนที่อิสราเอลควบคุม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการแบ่งแยกเชื้อชาติ"

ซีเอ็นเอ็นยกถ้อยคำสรุปรายงานของแอมเนสตีสากลว่า

“รัฐอิสราเอลมองและปฏิบัติต่อชาวปาเลสไตน์ในฐานะของกลุ่มเชื้อชาติที่ต่ำกว่าชาวยิว”

แพทย์หญิงดานา ดิอาบ ในท่ามกลางทีมแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบรูกเดล มหานครนิวยอร์ก เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2020 บนอินสตาแกรมของ brookdale_em โดยมีคำบรรยายภาพว่า ครอบครัวเวรกลางคืน โรงพยาบาล Brookdale University and Medical Center

ภาพกราฟิกโดยอัลญะซีเราะห์ สื่อกาตาร์ แสดงความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ที่เคยเป็นกรรมสิทธิ์ของชาวปาเลสไตน์ (สีเขียว) แล้วกลายเป็นของชาวยิว (สีฟ้า) ภายในช่วงหนึ่งศตวรรษ: ภาพที่ 1 ในปี 1918 หลังการล่มสลายของจักรวรรดิออตโตมานในช่วงท้ายๆ ของสงครามโลกครั้งที่ 1 ปาเลสไตน์คือภูมิภาคระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันตก กับแม่น้ำจอร์แดนทางตะวันออก ทั้งนี้ สันนิบาตชาติให้อาณัติแก่อังกฤษในการควบคุมดินแดนปาเลสไตน์ ซึ่งมาพร้อมกับบทบัญญัติที่จะสถาปนาแผ่นดินบางส่วนให้เป็นบ้านเมืองชาวยิว เว็บไซต์ฮิสทอรีดอทคอมเล่าไว้อย่างนั้น ในการนี้ สีเขียวคือพื้นที่ที่ชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่ ส่วนสีฟ้าคือพื้นที่ถิ่นฐานของชาวยิวที่ทยอยอพยพเข้ามาตั้งแต่ก่อนปี 1918 -> -> -> ภาพที่ 2 ช่วงระหว่างปี 1918-1947 อังกฤษอำนวยการให้ชาวยิวอพยพเข้าสู่ปาเลสไตน์ในห้วงทศวรรษ 1920  และทศวรรษ 1930 ประชากรยิวในปาเลสไตนทวีขึ้นจาก 6% ในปี 1918 เป็น 33% ณ ในปี 1947 -> -> -> ภาพที่ 3 แสดงให้เห็นพื้นที่เกือบทั้งหมดของปาเลสไตน์ที่ตกไปเป็นของชาวยิวเรียบร้อยแล้ว(สีฟ้า)  และพื้นที่ไม่มากที่ยังเป็นของชาวปาเลสไตน์(สีเขียว)  ทั้งนี้ หลังจากที่ชาวยิวประกาศจัดตั้งรัฐอิสราเอลเมื่อ 14 พฤษภาคม 1948 ได้มีการขยายเข้าครอบครองดินแดนปาเลสไตน์ซึ่งสำเร็จด้วยสงครามและความตายเลือดท่วมแผ่นดินหลายระลอก พร้อมๆ กับที่รัฐบาลอิสราเอลเร่งดึงดูดชาวยิวจำนวนมหาศาลให้หลั่งไหลเข้าไปสร้างถิ่นฐานใหม่ๆ ทั้งนี้ ในปี 1988 มีการประกาศอิสรภาพและสถาปนารัฐปาเลสไตน์ โดยมีดินแดน 3 หย่อม คือ เวสต์แบงก์ ฉนวนกาซา และเยรูซาเลมตะวันออก(ซึ่งเป็นดินแดนของปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลยึดครอง) ดังนั้น ณ ปี 2020 ขนาดของสีเขียวที่ลดลงและสีฟ้าที่ขยายขึ้นเป็นเครื่องชี้บ่งถึงชะตากรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาลของชาวปาเลสไตน์ ขณะที่ขนาดของประชากรยิว ณ เดือนมีนาคม 2023 ทวีขึ้นเป็นมากกว่า 7.1 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขของเว็บไซต์ cbs.gov.il
ซีอีโอวิสาหกิจยักษ์ สั่งยกเลิกสัญญาจ้างบัณฑิตจาก ม.ฮาร์วาร์ด & ม.โคลัมเบีย ที่เซ็นชื่อในหนังสือเปิดผนึกประณามรัฐบาลยิว

ในท่ามกลางความรู้สึกของชาวโลกที่เป็นห่วงและสงสารชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ซึ่งถูกปฏิบัติการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิสราเอลยิงถล่มรายวันและส่งผลให้ต้องบาดเจ็บล้มตายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั้น กระแสต่อต้านคัดค้านรัฐบาลอิสราเอลและรัฐบาลอเมริกัน ได้แพร่สะพัดภายในสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงมหาวิทยาลัย

ปฏิกิริยามากมายของซีอีโอแห่งหน่วยงานธุรกิจไซส์อภิยักษ์ทั้งหลายได้ช่วยกันโต้ตอบ โดยประกาศว่าจะไม่รับบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเข้าทำงานถ้าเป็นกลุ่มที่ตำหนิอิสราเอล สนับสนุนฮามาส นิวยอร์กโพสต์รายงาน

บิล แอคแมน มหาเศรษฐีพันล้านแห่งธุรกิจเฮดจ์ฟันด์ คือหนึ่งในบรรดาผู้ที่ดำเนินนโยบายนี้ และเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดส่งมอบรายชื่อนักศึกษาที่ร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึกเล่นงานรัฐบาลอิสราเอล และสนับสนุนฮามาส

“ถ้าคุณเป็นผู้บริหารธุรกิจ คุณจะจ้างคนที่ว่าร้ายติเตียนอิสราเอลซึ่งดำเนินการลงโทษกลุ่มก่อการร้ายล่ะหรือ” บิล แอคแมน ผู้ก่อตั้งเฮดจ์ฟันด์นิวยอร์กเจ้าดัง นามว่า Pershing Square Capital Management ทวิตไว้อย่างนั้นบนแอคเคาท์บน X

แม้แอคแมนจะถูกวิจารณ์ว่ารังแกและละเมิดสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นของผู้อื่น แต่มหาเศรษฐีพันล้านวัย 57 กะรัตก็ยักไหล่ โนสน โนแคร์ นิวยอร์กโพสต์รายงานอย่างนั้น พร้อมกับระบุว่ามีผู้บริหารธุรกิจหลายสิบรายที่หนุนแอคแมน อาทิ ซีอีโอ Sweetgreen แห่งธุรกิจสลัดเชน และซีอีโอ EasyHealth ผู้ให้บริการสุขภาพ ตลอดจนซีอีโอ Belong ธุรกิจตั้งใหม่ด้านที่อยู่อาศัยให้เช่า

สำหรับกรณีที่ดุเดือดโดดเด่นคือ นีล บารร์ ประธานบริษัท Davis Polk ซึ่งให้สัมภาษณ์แก่นิวยอร์กไทมส์ เมื่อ 17 ตุลาคม ว่าได้ยกเลิกการจ้างงานพวกบัณฑิตที่เป็นผู้นำองค์กรในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ซึ่งออกหนังสือตำหนิติเตียนอิสราเอลในปฏิบัติการโจมตีปาเลสไตน์

นอกจากนั้น บริษัทกฎหมายรายดังกล่าวได้ออกคำแถลงประกาศว่า ความคิดเห็นในหนังสือเปิดผนึกขององค์การนักศึกษากฎหมายหลายแห่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ ละเมิดระบบคุณค่าของบริษัท Davis Polk อย่างชัดเจน

พร้อมนี้ บริษัทระบุว่าพวกผู้นำนักศึกษาที่รับผิดชอบการแสดงความเห็นในหนังสือดังกล่าว ไม่เป็นที่ต้อนรับของบริษัทอีกต่อไป

ด้านนิวยอร์กโพสต์รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 16 ตุลาคมว่า มูลนิธิเว็กซ์เนอร์ ฟาวเดชัน ซึ่งมีสัมพันธ์เหนียวแน่นกับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่อาจไม่เข้าใจสปิริตแห่งเสรีชนว่าด้วยความหลากหลายทางความคิดเห็น ได้แสดงความไม่พอใจที่มหาวิทยาลัยมิได้ประณามการออกหนังสือเล่นงานอิสราเอล โดยองค์การนักศึกษา 30 กลุ่มซึ่งกล่าวโทษว่านโยบายส่งเสริมการสร้างถิ่นฐานยิว เป็นต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้ฮามาสตัดสินใจรุกเข้าโจมตีอิสราเอล

ซูเปอร์โมเดล จีจี้ ฮาดี้ด ผู้ซึ่งสุดสวยและทรงพลังดึงดูดด้วยฝีมือของกราซี ออตโต ในโฆษณาเมเบอลีนเมื่อกุมภาพันธ์ 2018 เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่น่าเกรงขาม อินสตาแกรมของเธอมีผู้ติดตามมหาศาลกว่า 79.2 ล้านราย ดังนั้น เมื่อต้องโต้ตอบเพื่อชิงพื้นที่ข่าว แรงกดดันระดับ StopAntisemites ไม่เพียงพออย่างแน่นอน ทางการอิสราเอลใช้เครื่องมือระดับรัฐกันเลยทีเดียว คือการคุกคามด้วยแอคเคาท์ stateofisrael เขียนข่มขู่ว่า We see you

แอคเคาท์ของรัฐบาลอิสราเอล นามว่า stateofisrael ท้าทายนางแบบคนดัง ซึ่งมีแค่ทีมองครักษ์กลุ่มหนึ่งคอยช่วยปกป้องคุ้มครอง ด้วยการชวนทะเลาะแบบไม่ตรงประเด็น โดยเน้นว่าลูกเล็กเด็กน้อยชาวยิวถูกสังหาร ทำไมไม่ประณามฮามาส
อินสตาแกรมของ รบ.ยิว ขู่เดือดใส่ซูเปอร์โมเดล จีจี้ ฮาดี้ด เซ่นโพสต์ตำหนิมาตรการต่อปาเลสไตน์ ต่อมาใครหลายคนขู่ฆ่าเธอและครอบครัว!!

จีจี้ ฮาดี้ด วัย 28 กะรัต ซูเปอร์โมเดลอเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์(คุณพ่อ) และ ดัตช์(คุณแม่) ได้แชร์โพสต์ของนักเขียนสตรีชาวยิว ขึ้นบนแอคเคาท์ส่วนตัวในอินสตาแกรมเมื่อ 11 ตุลาคม 2023 โดยโพสต์บาดใจนี้มีข้อความวิจารณ์รัฐบาลยิว และแสดงความเห็นใจเป็นห่วงประชาชนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาที่ถูกขีปนาวุธของอิสราเอลยิงเข้าไปถล่มรายวัน อันเป็นปฏิบัติการของรัฐบาลยิวที่มุ่งแก้แค้นและกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธฮามาสปาเลสไตน์ ซึ่งบุกข้ามพรมแดนเข้าไปสังหารคนยิวเมื่อ 7 ตุลาคม 2023

ผลที่เกิดขึ้นจากโพสต์ดังกล่าวของนางแบบสาวสวยที่มีผู้ติดตามอินสตาแกรมของเธอมากกว่า 79.2 ล้านราย คือ “รัฐบาลอิสราเอลอัดกลับโครมใหญ่ว่าเป็นการต่อต้านคนยิว” เดลิเมลออนไลน์รายงาน

ขณะเดียวกัน เดอะ ฮิลล์ สื่ออเมริกันเน้นข่าวรัฐสภาสหรัฐฯและข่าวภาครัฐ รายงานว่า แอคเคาท์อินสตาแกรมอย่างเป็นทางการของรัฐบาลอิสราเอล State of Israel จัดหนักเข้าใส่ จีจี้ ฮาดี้ด หลังจากที่เธอแชร์ความเห็นขึ้นอินสตาแกรมในประเด็นสงครามอิสราเอล-ฮามาส”

จีจี้ ฮาดิด สาวจิตกล้าแกร่งแห่งราศีพฤษภ แชร์ภาพกราฟิกที่มีข้อความอันคมคาย ติเตียนสิ่งที่รัฐบาลอิสราเอลปฏิบัติต่อชาวปาเลสไตน์ นำขึ้นบนอินสตาแกรมในช่วงต้นๆ ที่มีการระดมยิงขีปนาวุธออกไปถล่มทำลายฉนวนกาซาและทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตมากมายทุกวัน โดย “กราฟิกนี้เป็นของนักเขียนสตรีชาวยิว นามว่า มิอา ชาคเตอร์ ซึ่งโพสต์ขึ้นอินสตาแกรมเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2023” เว็บไซต์ข่าว indy100.com รายงานอย่างนั้น

ข้อความบนโพสต์ซึ่งคมคายด้วยลีลานักเขียนมากฝีมือ มีใจความโดยสรุปว่า

ไม่มีคุณลักษณ์ความเป็นยิวใดๆ ในสิ่งที่รัฐบาลอิสราเอลปฏิบัติต่อชาวปาเลสไตน์ การประณามรัฐบาลอิสราเอลมิใช่การต่อต้านชาวยิว และการสนับสนุนประชาชนคนปาเลสไตน์มิใช่การสนับสนุนฮามาส

ด้านรัฐบาลอิสราเอลก็ทิ่มแทงกลับไปยัง จีจี้ ฮาดี้ด เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น โดยเล่าว่าแอคเคาท์ของทางการอิสราเอลบนอินสตาแกรมซึ่งใช้ชื่อว่า Stateofisrael ได้โพสต์กราฟิกที่มีข้อความในลีลาเปี่ยมชั้นเชิงแบบเดียวกับกราฟิกของจีจี้ ฮาดี้ด ดังนี้

ไม่มีคุณลักษณ์ความกล้าใดๆ ในสิ่งที่ฮามาสสังหารหมู่ชาวอิสราเอล การประณามฮามาสในสิ่งที่ฮามาสเป็น ซึ่งก็คือ ISIS มิใช่การต่อต้านชาวปาเลสไตน์ และการสนับสนุนอิสราเอลในการต่อสู้ผู้ก่อการร้ายจอมป่าเถื่อนคือสิ่งถูกต้องที่ต้องกระทำ

พร้อมนี้ Stateofisrael เขียนขู่เดือดปุดๆ ไว้เหนือกราฟิก โดยติดแท็กชื่อแอคเคาท์ของจีจี้ ฮาดี้ด ไว้อย่างหรา บอกว่า

“คุณหลับลงหรือไม่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา?

“หรือคุณสบายดีด้วยการปิดตาไม่รับรู้ถึงบรรดาทารกยิวที่ถูกเชือดตายคาบ้าน? ความเงียบของคุณบอกออกมาชัดเจนอย่างยิ่งว่า จุดยืนของคุณอยู่ตรงไหน”

และแล้วประโยคขู่ชวนสยองขวัญปรากฏปิดท้ายย่อหน้าว่า “เดี๋ยวได้เจอกัน” ซึ่งเป็นสำนวนนักบู๊ ที่ไม่มีทางจะหมายถึงการไปหาเพื่อทานขนมดื่มนมอย่างแน่นอน

กราฟฟิกที่ จีจี้ ฮาดี้ด แชร์ขึ้นอินสตาแกรมของเธอ มีใจความโดยสรุปว่า ไม่มีคุณลักษณ์ความเป็นยิวใดๆ ในสิ่งที่รัฐบาลอิสราเอลปฏิบัติต่อชาวปาเลสไตน์ การประณามรัฐบาลอิสราเอลมิใช่การต่อต้านชาวยิว และการสนับสนุนประชาชนคนปาเลสไตน์มิใช่การสนับสนุนฮามาส

แอคเคาท์ของทางการอิสราเอลบนอินสตาแกรมซึ่งใช้ชื่อว่า Stateofisrael ได้โพสต์กราฟิกที่มีข้อความในลีลาเปี่ยมชั้นเชิงแบบเดียวกับกราฟิกของจีจี้ ฮาดี้ด ใจความสรุปได้ว่า ไม่มีคุณลักษณ์ความกล้าใดๆ ในสิ่งที่ฮามาสสังหารหมู่ชาวอิสราเอล การประณามฮามาสในสิ่งที่ฮามาสเป็น ซึ่งก็คือ ISIS มิใช่การต่อต้านชาวปาเลสไตน์ และการสนับสนุนอิสราเอลในการต่อสู้ผู้ก่อการร้ายจอมป่าเถื่อนคือสิ่งถูกต้องที่ต้องกระทำ ที่สำคัญคือเหนือกราฟิกเป็นข้อความขู่ชวนสยองขวัญกำกับไว้ ด้วยการปิดท้ายย่อหน้าว่า We see you เดี๋ยวได้เจอกัน
นอกจากนั้น รัฐบาลอิสราเอลยังโพสต์ภาพของมุมหนึ่งในบ้านชาวยิวที่ถูกผู้ก่อการร้ายฮามาสบุกเข้าไปทำร้าย ซึ่งเป็นภาพของพื้นบ้านมีรอยเลือดเปื้อนละเลง ข้างๆ กันเป็นสภาพกระเจิดกระเจิงที่มีของเล่นเด็กเกลื่อนกล่น ทั้งนี้ เหนือภาพน่าสะเทือนใจดังกล่าว มีข้อความติดแท็กชื่อแอคเคาท์ของจีจี้ ฮาดี้ด เขียนว่า

“ถ้าคุณไม่ประณามสิ่งนี้ คำกล่าวของคุณก็ไร้ค่า”

หลังวาทกรรมอันดุเดือด สื่อมวลชนทั้งสองฟากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกทยอยกันทราบข่าวว่า สถานการณ์ลุกลามไปถึงขั้นที่ว่า จีจี้ และครอบครัวฮาดี้ด ได้รับคำขู่ฆ่า โดยสื่อแท็บลอยด์ชื่อดัง TMZ รายงานข่าวเมื่อ 17 ตุลาคม 2023 ว่าทั้งจีจี้ และน้องสาวซูเปอร์โมเดล เบลลา ฮาดี้ด กับน้องชายอันวาร์ ฮาดี้ด ตลอดจนคุณแม่โยลันดา ฟาน เดน เฮริก และคุณพ่อโมฮัมเหม็ด ฮาดี้ด ต่างได้รับข้อความขู่เอาชีวิต ซึ่งผ่านเข้าไปทางสารพัดแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ อินสตาแกรม และกระทั่งกริ๊งเข้าโทรศัพท์มือถือ

TMZ รายงานว่าบรรดาแหล่งข่าวเล่าว่าเบอร์โทรศัพท์มือถือของทั้งห้าเซเลบริตีฮาดี้ด ถูกนำไปแชร์ต่อๆ กันบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการป่วนกันบนโลกออนไลน์นั่นเอง และมีการขู่ฆ่าแบบโหดๆ เข้าไป เช่น ส่งภาพกราฟิกพรรณนาว่าจะสังหารสมาชิกตระกูลฮาดี้ดด้วยวิธีใดบ้าง

ด้านเดลิเมลออนไลน์รายงานว่าตระกูลฮาดี้ดต้องดำเนินการป้องกันอันตราย โดยเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ และคุณพ่อโมฮัมเหม็ด มหาเศรษฐีอเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์ผู้ร่ำรวยด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็ไปขอความช่วยเหลือจากเอฟบีไอ

ล่าสุดซึ่ง จีจี้ ฮาดี้ด ปรากฏตัวที่มหานครนิวยอร์กซิตีเมื่อพฤหัสบดี 19 ตุลาคม เพื่อจัดมหาอีเวนต์แกรนด์โอเพนนิ่งห้างเครื่องแต่งกายสตรีสุดเท่และแพงระยับ Guest In Residence แห่งแรกของเธอบนถนนคนรวย บอนด์สตรีท นั้น ซูเปอร์โมเดลผู้สยายปีกเข้าสู่โลกแห่งผู้ประกอบการ ต้องมีองครักษ์ติดตามดูแลคุ้มกันภัยเป็นทีมใหญ่

ผลิตภัณฑ์สวยงามน่าซื้อในแบรนด์แพงระยับ Guest In Residence ของ จีจี้ ฮาดี้ด ซึ่งนำเสนอเครื่องแต่งกายสตรีผ้าแคชเมียร์และผ้านิตติ้ง
นอกจากโพสต์บาดใจรัฐบาลยิว ที่ จีจี้ ลบไปจากอินสตาแกรมแล้ว ยังมีอีกโพสต์หนึ่งในวันที่ 11 ตุลาคม ซึ่งเธอเขียนส่งความเห็นใจและเป็นห่วงไปยังชาวปาเลสไตน์ และไปถึงทุกคนทุกชาติทุกศาสนาที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรม โดยมิได้แตะถึงรัฐบาลยิว

ในโพสต์อันงดงามนี้ เธอแสดงความสงสารคนปาเลสไตน์ที่มีชีวิตลำบากภายใต้การยึดครองของอิสราเอล และบอกอย่างนุ่มนวลว่าในความปรารถนาดีที่มีต่อชาวปาเลสไตน์ เธอมิได้อยากให้ชาวยิวได้รับภัยอันตราย พร้อมนี้เธอระบุอย่างชัดเจนว่า การก่อการร้ายที่กระทำต่อคนบริสุทธิ์ทั้งปวง ไม่ได้เป็นผลดีต่อขบวนการ “ปลดปล่อยปาเลสไตน์” เธอบอกด้วยว่า ‘หากคุณเจ็บปวด ไม่ว่าคุณจะเป็นปาเลสไตน์หรือยิว ดิฉันขอส่งความรักและพลังใจไปให้’

ในย่อหน้าท้ายสุด จีจี้ สาวสวยน้ำใจงามเขียนว่า

“ดิฉันทราบว่าถ้อยคำของดิฉันไม่อาจจะเพียงพอแก่การเยียวยาบาดแผลฝังลึกของผู้คนอันมากมาย แต่ดิฉันขอภาวนาให้ชีวิตผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายได้รับความปลอดภัย ตลอดไป”

จิตใจเมตตาต่อชาวปาเลสไตน์ที่สาวอเมริกันคนดังระดับโลก นามว่า จีจี้ ฮาดี้ด ประกาศออกมาทางอินสตาแกรม เป็นผลจากการเลี้ยงดูกล่อมเกลาโดยคุณพ่อมูฮัมเหม็ด ฮาดี้ด ผู้ซึ่งถือกำเนิดในปาเลสไตน์ แต่ไปเติบโตในดินแดนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในดินแดนเสรีชนอย่างสหรัฐอเมริกาซึ่งยาวนานกว่า 6 ทศวรรษ

โพสต์อีกอันหนึ่งที่ จีจี้ ฮาดี้ด แปะขึ้นอินสตาแกรมในวันที่ 11 ตุลาคม 2023  เนื่องจากเธอเขียนส่งความเห็นใจและเป็นห่วงไปยังชาวปาเลสไตน์ และไปถึงทุกคนทุกชาติทุกศาสนาที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรม โดยมิได้แตะถึงรัฐบาลยิว จึงไม่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา และไม่ได้ถูกลบออกไป เหมือนกับโพสต์แรกที่ถูกโต้ตอบรุนแรง และจีจี้ได้ลบไป โดยที่ถือได้ว่าโพสต์ดังกล่าวก็ได้ทำหน้าที่ครบถ้วนแล้ว
ครอบครัวมหาเศรษฐีปาเลสไตน์ ฮาดี้ด ช่วยกันเป็นกำลังใจให้แก่ชาวปาเลสไตน์ ตั้งแต่คุณพ่อโมฮัมเหม็ด ลงมายังลูกๆ ซูเปอร์โมเดล จีจี้ และ เบลลา

คุณพ่อโมฮัมเหม็ด เป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นวีรบุรุษของลูกๆ โดยคุณพ่ออเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์ วัย 75 กะรัต ผู้ประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างมหาศาล ถือกำเนิดมาในตระกูลปาเลสไตน์ที่เมืองนาซาเร็ธในเดือนพฤศจิกายน 1948 หรือราวครึ่งปีหลังการประกาศจัดตั้งรัฐอิสราเอลเมื่อ 14 พฤษภาคม 1948 ซึ่งเมืองนาซาเร็ธตกเป็นส่วนหนึ่งของรัฐอิสราเอล

วอชิงตันโพสต์เล่าว่าในเวลาต่อมา คุณปู่ของ จีจี้ ฮาดี้ด ซึ่งเรียนกฎหมาย มีความรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี และทำงานกับหน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษ ได้พาครอบครัวอพยพลี้ภัยมหาสงครามปาเลสไตน์ (1947-1949) ไปยังซีเรีย แล้วได้เข้าทำงานกับหน่วยงานอเมริกัน 2 หน่วยงาน คือ USAID และ VOA คุณพ่อโมฮัมเหม็ดจึงเติบโตในซีเรีย ตลอดจนตูนีเซีย และกรีซ จนกระทั่งอายุได้ 14 ในปี 1962 ครอบครัวก็โยกย้ายไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดยที่สมาชิกครอบครัวได้รับสัญชาติอเมริกันทุกคน

แม้จะไม่ได้เติบโตในปาเลสไตน์ แต่ความรู้สึกนึกคิดและจิตใจของคุณพ่อโมฮัมเหม็ด ฮาดี้ด ผูกพันกับแผ่นดินปาเลสไตน์

เดลิเมลออนไลน์เขียนเล่าว่า โมฮัมเหม็ด ฮาดี้ด เคยกล่าวว่าลูกทุกคนได้รับการอบรมกล่อมเกลาให้เข้าใจและเคารพในเอกลักษณ์ต่างๆ ของปาเลสไตน์

ในวันที่เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวยิวโดยน้ำมือของฮามาส คุณพ่อโมฮัมเหม็ด ฮาดี้ด เป็นหนึ่งในผู้คนหลายล้านรายทั่วโลกที่แชร์ความรู้สึกนึกคิดออกสู่โซเชียลมีเดียว่า รัฐบาลขวาจัดของอิสราเอลมีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบต่อสภาพการณ์ที่การสู้รบระหว่างฝ่ายถูกยึดครองและฝ่ายยึดครอง ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมหาศาล

สองวันต่อมา เขาขึ้นภาพของนายกฯ เนทันยาฮู และเขียนว่า

“ขอบอกเพื่อความกระจ่าง ผมประณามการฆ่าและการจับตัวประกัน ตลอดจนการทรมานประชาชน ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมอาหรับ หรือเป็นยิว หรือเป็นคริสเตียน

“และผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการที่ฝ่ายยึดครองปฏิบัติไม่ดีต่อผู้ถูกยึดครอง” เดลิเมลออนไลน์รายงาน

คุณพ่อโมฮัมเหม็ด ฮาดี้ด ของสองสาวซูเปอร์โมเดลพี่น้อง จีจี้ ฮาดี้ด และเบลลา ฮาดี้ด ประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างสูง ทั้งในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับแพงจัดจ้าน และธุรกิจออกแบบตกแต่งสุดหรู อาทิ คฤหาสน์หรูในภาพนี้ที่เบลแอร์ แคลิฟอร์เนีย เป็นบ้านของตระกูลฮาดี้ดที่ประธานของบ้านออกแบบตกแต่งเอง ผู้คนในสหรัฐฯ ไม่ค่อยทราบว่าคุณพ่อโมฮัมเหม็ดมีสัญชาติอเมริกัน เบลลา ฮาดี้ด จึงถ่ายภาพพาสปอร์ตของท่านพ่อขึ้นบนอินสตาแกรม ปรากฏว่าอินสตาแกรมทำการลบโพสต์นี้ แล้วเบลลา จะรออะไร ก็สู้ด้วยการตั้งคำถามเชิงหลักการว่า “เราไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นคนปาเลสไตน์บนอินสตาแกรมหรือคะ ทำกันแบบนี้ นี่คือการรังแกกันนะคะ” ในที่สุด อินสตาแกรมต้องยอมขออภัย และกลายเป็นข่าวอื้ออึงเมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 เพจซิกซ์รายงาน

มีภริยาสองคน (แต่งงานกับคุณแม่แมรี บัตเลอร์แล้วหย่า ก่อนจะมาแต่งกับคุณแม่โยลันดา ฟาน เดน เฮริก ของ จีจี้) คุณพ่อโมฮัมเหม็ด ฮาดี้ด จึงมีธิดาและบุตรรวม 5 ราย ได้แก่ สองสาวซ้ายสุดกับขวาสุด เป็นธิดาจากการสมรสครั้งแรก ส่วน จีจี้ เบลลา และอันวาร์ ฮาดี้ด เป็นพยานรักจากการสมรสครั้งที่สอง
ข้อความของจีจี้ ฮาดี้ด สาวพฤษภผู้แข็งแกร่ง ที่ว่าบาดใจรัฐบาลยิวนักหนานั้น ยังต้องนับว่าออมชอมทีเดียวเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับซูเปอร์สตาร์ เบลลา ฮาดี้ด น้องสาวผู้กล้าต่อสู้เพื่อความยุติธรรมอันเป็นลักษณะเด่นของสาวราศีตุลย์

แต่ในโศกนาฏกรรมและสงครามยิว-ปาเลสไตน์ ปี 2023 สุขภาพของซุปตาร์เบลลายังไม่ฟื้นคืนความแข็งแรงเต็มที่จากการเข้ารับการบำบัดรักษาโรคลายม์ ที่ทำให้อ่อนแรงและเหี่ยวแห้ง เธอจึงมิได้ออกมาแสดงความคิดเห็น

อย่างไรก็ตาม เดลิเมลออนไลน์เล่าถึงไฮไลท์แห่งการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของ เบลลา ฮาดี้ด ในอดีตว่าเธอมักที่จะแสดงออกบนโซเชียลมีเดียอย่างตรงไปตรงมาขั้นสุด โดยในเดือนมิถุนายน 2022 สาวสวยที่เกิดและเติบโตในสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ขึ้นอินสตาแกรมว่า

“ฉันจะไม่ยอมให้ใครลืมปาเลสไตน์ที่แสนงดงามของเรา ตลอดจนผู้คนที่น่ารักในปาเลสไตน์

“ในแต่ละวัน ฉันอยากจะย้อนเวลากลับสู่อดีตสมัยที่ฉันยังเด็ก เพื่อที่จะเริ่มการต่อสู้เพื่อปาเลสไตน์ให้เร็วกว่านี้ เพื่อให้ผู้เฒ่าผู้แก่ของฉัน และประชาชนแห่งปาเลสไตน์ ได้ผ่านพ้นออกจากการถูกยึดครองที่ไม่ถูกต้องและแสนเจ็บปวดนี้”

นอกจากนั้น ครอบครัวฮาดี้ดยังมีน้องชายคนเล็ก อันวาร์ ฮาดี้ด ที่กล่าวสนับสนุนช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในคราวที่เขาได้ขึ้นหน้าปกนิตยสาร GQตะวันออกกลาง เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น

พร้อมบอกด้วยว่า อันวาร์ ฮาดี้ด กับเพื่อนช่วยกันผลิตภาพยนตร์ซึ่ง GQตะวันออกกลาง ชื่นชมด้วยคำว่า “เป็นสารคดีใหม่ที่เปิดดวงตาให้ผู้คนสามารถเข้าถึงความเจ็บปวดของชาวปาเลสไตน์ และได้ตระหนักถึงพลังของชาวปาเลสไตน์ในการต่อต้านอิสราเอล

ในบทสัมภาษณ์ที่ให้แก่ GQตะวันออกกลาง อันวาร์ ฮาดี้ดบอกว่า

“ตอนที่สร้างภาพยนตร์ เรามีแรงบันดาลใจว่าหนังเรื่องนี้จะช่วยให้เห็นชาวปาเลสไตน์เป็นมนุษย์ขึ้นมา และเปิดโอกาสให้ได้ฟังความคิดความรู้สึกของพวกเรา ที่พวกเราพูดออกมาอย่างเสรีและเป็นตัวแทนของชาวปาเลสไตน์ได้น่ะครับ” เดลิเมลออนไลน์รายงาน


คอลัมน์ PLANET No.3

โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา: เดลิเมลออนไลน์ นิวยอร์กโพสต์ ลิงค์อิน อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ นิวยอร์กไทมส์ ซีเอ็นเอ็น เอพี อัลญะซีเราะห์ ฮิสทอรีดอทคอม cbs.gov.il indy100.com TMZ วอชิงตันโพสต์ เพจซิกซ์)
กำลังโหลดความคิดเห็น