ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เตือนในวันพุธ (25ต.ค.) ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาส อาจลุกลามออกไปนอกตะวันออกกลาง และชี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ที่ผู้หญิง เด็ก และคนชรา ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ในฉนวนกาซา ต้องมาถูกลงโทษสำหรับอาชญากรรมที่คนอื่นเป็นคนก่อ
ปูติน แสดงความคิดเห็นระหว่างประชุมในวังเครมลิน ร่วมกับบรรดาผู้นำทางศาสนาในรัสเซีย ที่มีความเชื่อแตกกันออกไป โดยบอกว่าจำเป็นต้องหยุดการนองเลือดในภูมิภาคนี้ พร้อมเผยเขาได้บอกกับบรรดาผู้นำโลกคนอื่นๆ ผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์ว่าถ้าไม่เป็นเช่นนั้น มีความเสี่ยงสถานการณ์ลุกลามขยายวงกว้างกว่านี้มาก
"หน้าที่ของเราในวันนี้ ภาระหลักของเราก็คือ หยุดการนองเลือดและความรุนแรง" ปูตินกล่าว "มิเช่นนั้นแล้ว สถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายของวิกฤตนี้จะก่อผลลัพธ์เลวร้าย ทำลายล้างและเป็นอันตรายอย่างยิ่งยวด ไม่ใช่แค่กับภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่มันอาจลุกลามออกไปนอกเขตแดนของตะวันออกกลาง"
ในการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ตะวันตก ปูติน บอกว่ามีขุมกำลังที่ไม่ขอเอ่ยชื่อบางชาติ กำลังหาทางยั่วยุปลุกปั่นให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย และพยายามลากประเทศอื่นๆ และประชาชนเข้าสู่ความขัดแย้งมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
"เป้าหมายก็คือ เพื่อปลดปล่อยระลอกคลื่นแห่งความยุ่งเหยิงและความเกลียดชังกันและกัน ไม่ใช่แค่ในตะวันออกกลาง แต่ออกไปไกลนอกเขตแดนของพวกเขา และเพื่อจุดประสงค์นี้ เช่นเดียวกับจุดประสงค์อื่นๆ พวกเขาพยายามเล่นกับความรู้สึกภักดีต่อชาติและศาสนาของประชาชนหลายล้านคน" ผู้นำรัสเซียกล่าว
ประธานาธิบดีรัสเซีย ยังได้ถ่ายทอดความเสียใจของเขา ส่งถึงครอบครัวชาวอิสราเอลและครอบครัวของพลเมืองประเทศอื่นๆ ที่ต้องมาเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุโจมตีนองเลือดเล่นงานอิสราเอลของพวกนักรบฮามาส ในวันที่ 7 ตุลาคม
เขาบอกว่ามอสโกจะเดินหน้าสนับสนุนทางออกแบบ 2 รัฐ สำหรับคลี่คลายประเด็นปัญหาระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอล บางอย่างที่เขาเชื่อว่าเป็นทางออกเดียวสำหรับการคลี่คลายปัญหาในระยะยาว
นอกจากนี้ ปูตินเน้นย้ำอย่างชัดเจนว่า อิสราเอลกำลังทำผิดที่เดินหน้าทิ้งบอมบ์ถล่มฉนวนกาซา แก้แค้นเหตุฮามาสบุกโจมตีเข่นฆ่าและจับตัวประกัน เนื่องจากมันทำให้ผู้หญิง เด็กและคนชรา ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ต้องมารับกรรมแทน
"มันชัดเจนสำหรับเราเช่นกันว่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่ควรต้องรับผิดชอบต่ออาชญากรรมที่ก่อโดยคนอื่นๆ" ปูตินกล่าว "การสู้รบกับก่อการร้ายไม่อาจดำเนินการภายใต้หลักการรับผิดชอบร่วมกัน เมื่อคนชรา ผู้หญิง เด็กๆ ทั้งครอบครัวและประชาชนอีกหลายแสนคนต้องใช้ชีวิตโดยปราศจากแหล่งพักพิง อาหาร น้ำ ไฟฟ้า และการรักษาทางการแพทย์"
(ที่มา : รอยเตอร์)