เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ กีลาด เออร์ดาน (Gilad Erdan) แถลงวันพุธ (25 ต.ค.) ว่า เทลอาวีฟจะไม่อนุมัตวีซ่าเข้าประเทศแก่เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ เกิดขึ้นหลังจากเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติแถลง การโจมตีอิสราเอลมีคนเสียชีวิตกว่า 1,400 คนนั้นไม่ได้มาจากสุญญากาศ ย้ำชัดการโจมตีป่าเถื่อนจากฮามาสยังเทียบไม่ได้กับการลงโทษแบบเหมารวมของอิสราเอล ขณะที่ IDF ของอิสราเอลแฉภาพคลังน้ำมันร่วมครึ่งล้านลิตรที่กลุ่มฮามาสกักตุนแต่ปล่อยให้โรงพยาบาลกาซาซึ่งเป็นที่พึ่งคนเจ็บทุกวันต้องปิด ด้านฮามาสและติดอาวุธญิฮัดปาเลสไตน์ PIJ หารือผู้นำฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ท่ามกลางฉากหลังภาพผู้นำจิตวิญญาณอิหร่าน
อัลญะซีเราะห์ สื่อกาตาร์ รายงานวันนี้ (25 ต.ค.) ว่า เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ กีลาด เออร์ดาน (Gilad Erdan) แถลงวันพุธ (25 ต.ค.) ว่า สาเหตุจากคำแถลงของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตร์เรส ที่ให้ความชอบธรรมต่อการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธฮามาสต่อดินแดนอิสราเอล แต่กลับประณามปฎิบัติการโจมตีของอิสราเอลต่อเขตฉนวนกาซาว่าเป็นการลงโทษแบบเหมารวมจนทำให้ผู้บริสุทธิ์รับเคราะห์นั้นเป็นสิ่งที่เทลอาวีฟไม่สามารถรับไม่ได้
เออร์ดานชี้ว่า เทลอาวีฟจะไม่อนุมัติวีซ่าเข้าประเทศแก่เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ
อ้างอิงจากสื่อไทม์ออฟอิสราเอลรายงานว่า ทั้งนี้ ในวันอังคาร (24) ผู้นำสหประชาชาติได้ออกมาวิจารณ์ “อิสราเอล” ทางอ้อมจากคำสั่งอพยพชาวปาเลสไตน์และรวมไปถึงพูดว่า การโจมตีจากกลุ่มฮามาสเข้าไปในดินแดนอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.นั้นไม่ได้มาจากสุญญากาศ แต่เป็นเพราะชาวปาเลสไตน์ตลอดเวลา 56 ปีต้องขมขื่นที่ได้เห็นดินแดนของตัวเองถูกฮุบไปอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มผู้สร้างนิคมตนเอง และจากปัญหาความรุนแรง เศรษฐกิจปาเลสไตน์ถูกกดขี่ บ้านเรือนของพวกเขาโดนรื้อทำลายและคนต้องพลัดถิ่น และความหวังทางออกทางการเมืองต้องสลายไป
กูเตร์เรส กล่าวต่อว่า “ความยากลำบากของประชาชนปาเลสไตน์นั้นไม่สามารถแสดงความชอบธรรมให้กับการโจมตีอย่างน่าสะพรึงกลัวของกลุ่มฮามาส (ต่ออิสราเอล)” เขาย้ำว่า “และการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของคนเหล่านั้น (กลุ่มฮามาส) ไม่สามารถแสดงความชอบธรรมต่อการลงโทษแบบเหมารวม (ของอิสราเอล) ต่อประชาชนปาเลสไตน์”
สื่อกาตาร์รายงานว่า มีประเทศมากมายแสดงความชื่นชมต่อคำแถลงของกูเตร์เรสว่ามีความสมดุลที่ดีมาก แต่ทว่าคำแถลงนี้สร้างความโกรธเคืองให้เทลอาวีฟ จนถึงเรียกร้องให้กูเตร์เรสลาออกจากตำแหน่ง
เออร์ดานแถลงว่า “เนื่องมาจากคำแถลงของเขาพวกเราจะปฏิเสธการออกวีซ่าให้เหล่าผู้แทนสหประชาชาติ” และเสริมต่อว่า “พวกเราได้ปฏิเสธวีซ่าของ มาร์ติน กริฟฟิธส์ (Martin Griffiths) รองเลขาธิการฝ่ายกิจการมนุษยธรรม และผู้ประสานงานด้านการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินขององค์การสหประชาชาติ ถึงเวลาที่ต้องให้บทเรียนคนเหล่านี้บ้าง”
อย่างไรก็ตาม กูเตร์เรสในเวลาต่อมาแสดงความเห็นว่า เขารู้สึกตกใจต่อการตีความอย่างผิดพลาดของอิสราเอล พร้อมยืนยันว่าเขาได้ประณามต่อความป่าเถื่อนต่อความโหดร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.โดยฝีมือของฮามาส และย้ำว่าไม่มีสิ่งใดสามารถแสดงความชอบธรรมต่อการจงใจสังหารและลักพาตัวพลเรือนผู้บริสุทธิ์หรือการใช้จรวดมิสไซล์ที่มีพลเรือนเป็นเป้า
อัลญะซีเราะห์รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขกาซาแถลงตัวเลขผู้เสียชีวิตในกาซาล่าสุดตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. อยู่ที่ 6,546 คน โดยหน่วยงานผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ของสหประชาชาติแถลง โรงพยาบาลกาซาต้องปิดลงในวันพุธ (25) เนื่องมาจากปัญหาการขาดเชื้อเพลิงซึ่งถึงแม้จะมีการอนุญาตส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์พื้นฐานจากอียิปต์เข้ามาที่เขตฉนวนกาซาได้แต่ทว่าไม่รวมเชื้อเพลิงเนื่องมาจากอิสราเอลเกรงว่ากลุ่มฮามาสจะได้ไป
สื่ออิสราเอลรายงานว่า กองกำลังป้องกันตัวเองอิสราเอล IDF ยืนยันว่า กลุ่มติดอาวุธฮามาสมีน้ำมันดีเซลกักตุนไว้มากกว่าครึ่งล้านลิตรภายในเขตฉนวนกาซาโดยเป็นภาพถังเก็บน้ำมันเรียงตั้ง 2 แถวอย่างชัดเจนใกล้จุดข้ามแดนราฟาห์ติดอียิปต์
และหากว่าเป็นความจริงตามการยืนยันของ IDF ยิ่งสร้างความฉงนว่าเหตุใดฮามาสจึงไม่นำน้ำมันออกมาเพื่อแจกจ่ายประชาชนทั่วไป ร้านเบเกอรีซึ่งเป็นอาหารหลัก และโดยเฉพาะโรงพยาบาลกาซาที่จำเป็นต้องการเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ช่อง 12 ของอิสราเอลรายงานว่า น้ำมันดีเซลในคลังกลุ่มฮามาสนั้นสามารถส่งให้โรงพยาบาลทั้งหมดในกาซาช่วยคนป่วยไปได้หลายวันโดยที่ไม่ต้องปิดอย่างที่เห็น
ไทม์สออฟอิสราเอลรายงานว่า สมาชิกกลุ่มติดอาวุธฮามาส ตัวประกันไม่ต่ำกว่า 200 คนมาจากหลายชาติและประชาชนปาเลสไตน์ต้องติดอยู่ในเขตฉนวนกาซาท่ามกลางการโจมตีทางอากาศจากเทลอาวีฟเพื่อกดดัน แต่ทว่าที่กรุงเบรุตผู้นำกลุ่มฮามาสและผู้นำกลุ่มติดอาวุธญิฮัดอิสลามปาเลสไตน์ PIJ ที่สหรัฐฯ อ้างเป็นเจ้าของจรวดขัดข้องจนตกลงใส่โรงพยาบาลอาห์ลี (Ahli) ในกาซาเมื่อวันที่ 17 ต.ค.และมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 500 คน กลับมาหารือร่วมกับหัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์อย่างเปิดเผยในวันพุธ (25)
ตามการรายงานพบว่าเป็นการหารือเพื่อหยุดความก้าวร้าวของอิสราเอล ซึ่งผู้นำฮิซบอลเลาะห์เห็นชอบกับผู้นำกลุ่มติดอาวุธทั้งสองรวมไปถึงกลุ่มติดอาวุธอื่นภายใต้การสนับสนุนของอิหร่านถึง “แผนการขั้นต่อไป” ที่ไม่มีการเปิดเผย โดยชี้ว่าสมควรที่จะลงมือในช่วงเวลาที่อ่อนไหวนี้
