เอเจนซีส์ - กลายเป็นภาพแห่งความโหดร้ายพิสูจน์ปฏิบัติการทหารโต้กลับกลุ่มฮามาสของอิสราเอลที่ทั้งองค์กรแพทย์ไร้พรมแดนเปิดเผยคืนวันอาทิตย์ (15 ต.ค.) ว่าเทลอาวีฟโจมตีทั้งโรงพยาบาลและรถพยาบาลฉุกเฉิน ภาพผ้าขาวห่อศพ 13 ชีวิตรวมเด็ก 7 คนของครอบครัวชาวกาซา อาเอ็ด อัล-อัจรามี (Aaed Al-Ajrami) ที่ต้องตายทั้งๆ ที่ทำตามคำสั่งทหารอิสราเอลที่โทร.บอกให้อพยพออก แต่ในวันถัดมาทั้งหมดกลับเสียชีวิตจากโจมตีทางอากาศแบบปูพรมหลังไปตามเส้นทางอพยพตามคำสั่ง
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานวันอังคาร (17 ต.ค.) ว่า ในช่วงต้นของวันศุกร์ (13) อาเอ็ด อัล-อัจรามี (Aaed Al-Ajrami) และหลานชาย ราจี (Raji) วัย 32 ปี ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่กองทัพอิสราเอล เตือนให้รีบพาทุกคนที่รู้จักอพยพออกไปและสั่งให้มุ่งหน้าไปทางใต้ทันที ราจีที่รอดชีวิตมาได้หวุดหวิดเปิดเผยกับสื่อสหรัฐฯ
และถึงแม้จะเดินทางออกไปได้และมุ่งหน้าไปทางใต้ตามเส้นทางอพยพ แต่ทว่าครอบครัวของอาเอ็ดเสียชีวิตทั้งหมดจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในวันเสาร์ (14)
ในเสียงบันทึกของการสนทนาทางโทรศัพท์ที่ CNN ได้เห็นแสดงถึงรายละเอียดการสนทนาสั้นๆ รวมถึงคำสั่งของ IDF ที่ให้หนีไปทางใต้ของโซนอพยพและไม่มีคำแนะนำในรายละเอียดว่าจะไปถึงที่นั่นได้อย่างไร
หลานชายกล่าวว่า หลังจากทุกคนรู้ว่าใครเป็นผู้โทรศัพท์ได้ต่างเริ่มบันทึกการสนทนาไว้เพื่อสามารถแสดงให้คนอื่นในครอบครัวได้รับรู้
เสียงเจ้าหน้าที่กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า “พวกคุณทุกคนไปทางใต้ คุณและสมาชิกครอบครัวทุกคน ขอให้นำข้าวของตัวเองติดไว้กับตัวและมุ่งหน้าไปที่นั่น”
แต่ทว่าลุงของเขาต้องการรู้ว่าถนนเส้นใดที่จะปลอดภัยในการเดินทางและช่วงเวลาใดที่ควรออกเดินทาง แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลยืนยันว่า “มันไม่สำคัญว่าเป็นถนนเส้นไหน” และกล่าวต่อว่า “ขอให้รีบไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่มีเวลาเหลือแล้ว”
อาเอ็ดระมัดระวังต่อคำเตือน ภายในรุ่งสางของวันศุกร์ (13) เขามุ่งสู่ทางใต้พร้อมกันทั้งครอบครัวและญาติเพื่ออาศัยกับเพื่อนใน Deir Al Balah เมืองที่อยู่ราว 8 ไมล์ทางใต้ของ วาดี กาซา (Wadi Gaza) และนอกเขตอพยพ
แต่ทว่าในวันถัดมาหรือวันเสาร์ (14) อิสราเอลโจมตีทางอากาศในพื้นที่ทำลายบางส่วนของตึกที่ทั้งครอบครัวของอาเอ็ด เข้าไปพักและสังหารตัวเขาและสมาชิกครอบครัวทั้งหมด 12 คน รวมเด็ก 7 คน กลายเป็นภาพติดตาต่อผู้พบเห็น
ขณะที่หลานชายราจีวัย 32 ปี ที่อาศัยแยกอยู่ที่ตึกอีกหลังรอดตายมาได้เล่าว่าได้ยินเสียงระเบิดดังและรู้สึกสังหรณ์ใจ เขารีบวิ่งไปที่เกิดเหตุหลังได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าสมาชิกครอบครัวของลุงรวมอยู่ในกลุ่มเหยื่อผู้เสียชีวิต