xs
xsm
sm
md
lg

โลกส่อลุกเป็นไฟ! รายงานชี้สหรัฐฯ เสี่ยงเผชิญสงครามกับ ‘จีน-รัสเซีย’ พร้อมกัน 2 ด้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คณะกรรมาธิการสภาคองเกรสออกรายงานเตือนสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะต้องทำสงครามกับ “จีน” และ “รัสเซีย” พร้อมๆ กัน และควรเตรียมความพร้อมด้วยการเพิ่มขนาดกองทัพ ผนึกกำลังกับชาติพันธมิตร และยกระดับโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น

คณะกรรมาธิการจุดยืนด้านยุทธศาสตร์ (Strategic Posture Commission) เผยแพร่รายงานวานนี้ (12 ต.ค.) ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในกรณีไต้หวัน และประเด็นอื่นๆ รวมไปถึงความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับรัสเซียเนื่องจากสงครามในยูเครน

เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งซึ่งมีส่วนร่วมจัดทำรายงานนี้ยังปฏิเสธที่จะพูดว่า คณะกรรมาธิการได้รับข่าวกรองว่าจีนกับรัสเซียมีความร่วมมือในด้านนิวเคลียร์กันหรือไม่

“เรากังวลว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาอาจจะหันมาร่วมมือกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ ต้องเผชิญศึก 2 ด้าน” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว

ผลการศึกษานี้อาจทำให้สหรัฐฯ ต้องปรับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงซึ่งกำหนดให้ประเทศมุ่งแสวงหาชัยชนะในสงครามหนึ่ง และป้องปรามไม่ให้เกิดสงครามซ้อนขึ้นมา และนั่นเท่ากับว่าสหรัฐฯ อาจจะต้องใช้งบประมาณกลาโหมเพิ่มขึ้นอีก โดยยังไม่แน่ว่าสภาคองเกรสจะอนุมัติหรือไม่

“เราตระหนักถึงความเป็นจริงในเรื่องงบประมาณ แต่เชื่อว่าสหรัฐฯ จำเป็นจะต้องลงทุนในด้านนี้” มาเดอลีน ครีดอน ประธานคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าสำนักงานกำกับดูแลอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ และจอน คีล อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งเป็นอดีต ส.ว.รีพับลิกัน ระบุในรายงาน

คีล ยังเรียกร้องให้ประธานาธิบดีและสภาคองเกรสชี้แจงความจำเป็นให้ชาวอเมริกันได้ทราบว่า การใช้จ่ายงบกลาโหมเพิ่มขึ้นนั้น “เป็นราคาที่เล็กน้อยมาก” หากมันจะช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย

รายงานฉบับนี้ดูเหมือนขัดแย้งกับจุดยืนของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ยืนยันว่า คลังแสงนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ในปัจจุบันมีจำนวนมากพอที่จะป้องปรามได้ทั้งกองกำลังของจีนและรัสเซีย

คณะกรรมาธิการฯ ยังลงความเห็นสอดคล้องกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ประเมินว่า จีนจะมีหัวรบนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 1,500 หัวรบ ภายในปี 2035 ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ ต้องเผชิญหน้ากับมหาอำนาจนิวเคลียร์คู่แข่งรายที่ 2 นอกเหนือไปจากรัสเซีย

รายงานความยาว 145 หน้ากระดาษยังเตือนด้วยว่า ภัยคุกคามจากจีนและรัสเซียจะกลายเป็นเรื่องฉับพลันร้ายแรง (acute) สำหรับสหรัฐฯ ภายในกรอบเวลาปี 2027-2035 ดังนั้นสหรัฐฯ จึง “จำเป็นที่จะต้องตัดสินใจในวันนี้เพื่อเตรียมประเทศให้พร้อม”

รายงานฉบับนี้ระบุว่า โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มต้นเมื่อปี 2010 และมีการคาดการณ์เอาไว้เมื่อปี 2017 ว่าจะใช้งบประมาณถึง 400,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2046 จะต้องได้รับทุนสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่ออัปเกรดศักยภาพของหัวรบ ระบบยิงขีปนาวุธ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้ทันต่อกรอบเวลาที่วางไว้

คณะกรรมาธิการฯ ยังแนะนำให้สหรัฐฯ ส่งอาวุธทางยุทธวิธีเข้าไปประจำการเพิ่มเติมทั้งในเอเชียและยุโรป จัดเตรียมแผนประจำการหัวนิวเคลียร์สำรองบางส่วนหรือทั้งหมด รวมถึงผลิตเครื่องบินทิ้งระเบิดชนิดหลบหลีกเรดาร์ B-21 และเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ชั้นโคลัมเบียเพิ่มเติมจากจำนวนที่วางแผนเอาไว้

รายงานฉบับนี้ยังเตือนให้สหรัฐฯ เพิ่มศักยภาพของกองกำลังแบบดั้งเดิม (conventional forces) ทั้งในแง่ของ “ขนาด ประเภท และจุดยืน” และหากไม่ดำเนินการตามนี้ โอกาสที่อเมริกาจะจำเป็นต้องใช้ “อาวุธนิวเคลียร์” ก็มีสูงขึ้น

ที่มา : รอยเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น