ราคาน้ำมันขยับลงในวันอังคาร (10 ต.ค.) คลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อตลาดพลังงาน จากการปะทะกันระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก 3 วันติด แต่นักลงทุนยังจับตาความเสี่ยงจากสงครามดังกล่าว ในขณะที่ทองคำดีดตัวขึ้นเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 41 เซนต์ ปิดที่ 85.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 50 เซนต์ ปิดที่ 87.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ก่อนหน้านี้ น้ำมันดิบทั้ง 2 สัญญาพุ่งขึ้นอย่างแรงเมื่อวันจันทร์ (9 ต.ค.) จากความกังวลต่อความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ตามหลังเกิดวิกฤตด้านการทหารระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
ดาเนีบล ไฮนส์ นักยุทธศาสตร์สินค้าโภคภัณฑ์ของออสเตรเลียแอนด์นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป แสดงความคิดเห็นว่า "แม้บทบาทของอิสราเอลในอุปทานน้ำมันโลกมีอย่างจำกัด แต่มันก็มีความเสี่ยงที่ความขัดแย้งอาจลุกลามบานปลายสู่ระดับภูมิภาค"
ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ผลักนักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำในวันอังคาร (10 ต.ค.) ปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 11.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,875.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก 3 วันติดในวันอังคาร (10 ต.ค.) หลังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกาอ่อนตัวลงจากระดับสูงเมื่อเร็วๆ นี้ ในขณะที่นักลงทุนจับตาความเสี่ยงต่างๆ จากสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 134.65 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 33,739.30 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 22.58 จุด (0.52 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,358.24 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 78.60 จุด (0.58 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,562.84 จุด
พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นอัตราอ้างอิงสำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง ปรับลดเพิ่มเติม หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) บ่งชี้ว่าบางทีพวกเขาอาจเสร็จสิ้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว
อัตราดอกเบี้ยระดับสูงเป็นเวลานาน อาจหมายความอีกอย่างหนึ่งว่า "มีความจำเป็นน้อยลง" สำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง จากความเห็นของ ลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวในวันจันทร์ (9 ต.ค.)
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)