ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้ทะเลสาบธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยเกิดการพังทลายจนก่อวิกฤตน้ำท่วมฉับพลันในรัฐสิกขิมของอินเดีย ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 14 ราย และยังมีผู้สูญหายไม่ทราบชะตากรรมอีก 102 คน
ทะเลสาบโลนัค (Lhonak Lake) ในรัฐสิกขิมซึ่งมีปริมาณน้ำเอ่อล้นจนพังทลายเมื่อวันพุธ (4 ต.ค.) ทำให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ขึ้น และมีประชาชนได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า 22,000 คน ตามรายงานของเจ้าหน้าที่
ภัยพิบัติครั้งนี้ยังถือเป็นสัญญาณเตือนว่า ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกำลังส่งผลกระทบรุนแรงต่อการดำรงอยู่ของธารน้ำแข็งบนเทือกเขาสูงในภูมิภาคเอเชียใต้
โฆษกกองทัพอินเดียแถลงว่า “ปฏิบัติการค้นหายังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าฝนจะตกไม่หยุด น้ำที่ไหลเชี่ยวกรากในแม่น้ำ Teesta ทำให้ถนนและสะพานพังเสียหายหลายจุด”
สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งรัฐสิกขิมแถลงอัปเดตสถานการณ์เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (5 ต.ค.) ว่า มีรายงานผู้บาดเจ็บแล้วอย่างน้อย 26 คน สูญหาย 102 คน ในจำนวนนี้เป็นทหาร 22 นาย และยังมีสะพานที่ถูกน้ำซัดพังไปอีก 11 แห่ง
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในระยะนี้ส่งผลให้ทะเลสาบ Lhonak Lake ซึ่งตั้งอยู่บริเวณฐานของธารน้ำแข็งรอบๆ ยอดเขาคังเช็นเจองา (Kangchenjunga) ที่มีความสูงมากเป็นอันดับ 3 ของโลกเกิดการแตกทำลาย และเมื่อมวลน้ำจากบนภูเขาไหลหลากลงมายังแม่น้ำที่เอ่อท้นจากอิทธิพลของฝนในฤดูมรสุมอยู่แล้วจึงทำให้เขื่อนแตก พัดพาเอาบ้านเรือนและสะพานจมหายไปกับกระแสน้ำ
ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดเผยให้เห็นว่าทะเลสาบโลนัคเหือดแห้งไปราวๆ 2 ใน 3
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดียเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังอันตรายจากดินถล่ม รวมถึงเที่ยวบินต่างๆ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากฝนที่จะตกหนักต่อเนื่องไปอีก 2 วันในบางส่วนของรัฐสิกขิม และรัฐใกล้เคียง
ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี