เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - สื่อธุรกิจชื่อดังรายงานพบมีบริษัทไฮเทคไต้หวันอย่างน้อย 4 บริษัทรวม บริษัท United Integrated Services บริษัท Topco Scientific บริษัท L&K Engineering Co และบริษัท Cica-Huntek Chemical Technology Taiwan Co แอบช่วยหัวเว่ยหลบเรดาร์แซงชั่นสหรัฐฯสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายโรงงานไมโครชิปทั่วทางใต้ของจีน แต่รมว.เศรษฐกิจไทเปโร่ปฎิเสธ ขณะที่ EU เปิดแผนประกาศปกป้อง 4 เทคโนโลยีอ่อนไหวจากจีน เชื่ออาจควบคุมส่งออกไปปักกิ่งทั้งเซมิคอนดักเตอร์ AI ควอนตัมคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีชีวภาพ
ไต้หวันนิวส์รายงานวานนี้(3 ต.ค)ว่า สื่อธุรกิจบลูมเบิร์กได้ออกรายงานเชิงสอบสวนในวันอังคาร(3) เปิดเผยชื่อ 4 บริษัทสำคัญสัญชาติไต้หวันที่ช่วยวางระบบโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ให้กับ "หัวเว่ย"ที่ถูกสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำท่ามกลางการสนับสนุนจากรัฐบาลปักกิ่ง
ตามรายงานพบว่าบริษัทแต่ละแห่งนั้นเป็นบริษัทที่สำคัญของระบบห่วงโซ่อุปทาน(supply chain)ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไต้หวันใหญ่ระดับโลกที่เป็นหัวใจหลักสำคัญทางเศรษฐกิจไทเป
การเผชิญหน้าอย่างตรึงเครียดระหว่างไต้หวันที่ได้รับการสนับสนุนจากวอชิงตันที่มีต่อปักกิ่ง ทำให้ถือเป็นเรื่องไม่ปกติสำหรับบริษัทธุรกิจไต้หวันในการให้ความช่วยเหลือบริษัทจีนเช่น หัวเว่ย ซึ่งโดนอเมริกาขึ้นบัญชีดำ
รายชื่อของบริษัทไต้หวันทั้ง 4 แห่งได้แก่บริษัท United Integrated Services บริษัท Topco Scientific บริษัท L&K Engineering Co และบริษัท Cica-Huntek Chemical Technology Taiwan Co
ซึ่งปีเตอร์ เอลสโตรม (Peter Elstrom) จากบลูมเบิร์กซึ่งรายงานเชิงสอบสวนในเรื่องนี้แสดงความเห็นกับทีวีบลูมเบิร์กว่า
“บริษัทไต้หวันต่างๆที่เกี่ยวข้องนี้รวมไปถึงบริษัทลูกในจีนของ Topco Scientific และ L&K engineering” และเขากล่าวต่อว่า “ถึงแม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะค่อนข้างเล็กแต่ทว่าบริษัทเหล่านี้ร่วมกันในการสร้างอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่ทรงอำนาจในโลกที่ไต้หวัน และในเวลานี้บริษัทเหล่านี้กำลังช่วยหัวเว่ย”
แต่ทว่ารัฐมนตรีเศรษฐกิจไต้หวัน หวังเหมยฮัว (Wang Mei-hua ) ออกมายืนยันวันอังคาร(3) ในรายงานของสื่อโฟกัสไต้หวันว่า บริษัทไต้หวันที่มีรายชื่อถูกแฉออกมาจากหน้าสื่อธุรกิจชื่อดังไม่ได้ ส่งมอบเทคโนโลยีสำคัญหรืออุปกรณ์ให้กับหัวเว่ยแต่อย่างใด
ในการให้สัมภาษณ์รัฐมนตรียืนยันว่า กฎหมายไต้หวันประกาศห้ามอย่างชัดเจนไม่ให้บริษัทไต้หวันส่งมอบเทคโนโลยีสำคัญให้กับจีน
โฟกัสไต้หวันชี้ว่าตามการรายงานบลูมเบิร์กได้อ้างสมาพันธ์อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor Industry Association) ที่เปิดเผยว่า บริษัทหัวเว่ยได้สร้างเครือข่ายเงาของผู้ผลิตไมโครชิปภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลจีน
นอกเหนือจากนี้หัวเว่ยยังต้องพึ่งต่อบริษัท 3 แห่งที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่าในเมืองเซินเจิ้นคือ Pengxinwei IC Manufacturing Co. บริษัท Pensun Technology และ SwaySure Technology Co. ในการผลิตไมโครชิปตามการออกแบบของตัวเอง
รัฐมนตรีเศรษฐกิจไต้หวันหวังกล่าวว่า นักลงทุนไต้หวันทั้งหมดในจีนสมควรที่ไม่แต่ต้องปฎิบัติตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติไต้หวันเท่านั้นแต่ทว่ายังต้องเฝ้าสำรวจว่าพวกเขาได้ละเมิดมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯหรือไม่หากว่าอุปกรณ์เครื่องมือที่พวกเขาใช้โดนจำกัดตามกฎหมายสหรัฐฯ
โฟกัสไต้หวันชี้ว่าขณะที่จ้าหน้าที่อื่นในกระทรวงเศรษฐกิจไต้หวันยืนยันว่า ทางกระทรวงจะยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดต่อการทำธุรกิจของบริษัทไต้หวันร่วมกับหัวเว่ยเพื่อปกป้องผลประโยชน์
บริษัทไต้หวันที่มีชื่อในรายงานออกมาตอบโต้เช่นกันเป็นต้นว่า บริษัท United Integrated Services และบริษัทTopco Scientific ที่ยืนยันว่าไม่ได้ละเมิดกฎหมายระหว่างการทำธุรกิจในจีน
ด้านสหภาพยุโรปในวันอังคาร(3)เปิดแผนปกป้องเทคโนโลยีล้ำยุคที่อ่อนไหวจากจีน
เอพีรายงานว่า รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เวียรา ยูโรวา(Vera Jourova) กล่าวว่า “เทคโนโลยีปัจจุบันกลายเป็นหัวใจของการแข่งขันการเมืองเชิงภูมิศาสตร์และ EU ต้องการที่จะเป็นผู้เล่นไม่ใช่เป็นแค่สนาม”
DW ของเยอรมันวิเคราะห์ว่า ทางกลุ่มในที่สุดสามารถจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีสำคัญไปยังจีน แต่ทว่าการที่จะทำให้สมาชิกชาติ EU ทั้งหมดเห็นด้วยในการที่สหภาพยุโรปจะมีจุดยืนที่แข็งกร้าวมากขึ้นต่อจีนนั้นยังคงห่างไกล
ทั้งนี้สหภาพยุโรปเปิดเผยว่ามีเทคโนโลยีอ่อนไหว 4 ด้านที่เสี่ยงจะตกอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะจากจีน อ้างอ้างจากบรรดานักวิเคราะห์ ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปต่างออกมาอ้างว่า EU ไม่ได้วิตกไปยังประเทศใดประเทศหนึ่ง
สหภาพยุโรปมีเป้าหมายในการป้องกันเทคโนโลยีอ่อนไหว 4 ด้านได้แก่ (1) เซมิคอนดักเตอร์ (2) ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (3) ควอนตัมคอมพิวเตอร์ หรือซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ และ(4) เทคโนโลยีชีวภาพ
ทั้งนี้ อกาธ ดีมารีส์ ( Agathe Demarais) นักวิเคราะห์จากคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป(European Council)ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเปิดเผยกับ DW ว่า มันเป็นที่ชัดเจนว่า สาขาที่เลือกเหล่านี้เป็นเป้าหมายความเสี่ยงจากจีน
“ทั้ง EU และสหรัฐฯมีความวิตกต่อการทำอะไรก็ตามที่จะช่วยจีนให้มีความสามารถเพิ่มมากขึ้นทางด้านการทหารของตัวเอง” ดีมารีส์แสดงความเห็น