ปริมาณหนี้สินโลกเพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แตะระดับ 307 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2023 จากรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (19 ก.ย.) พร้อมระบุว่า สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในตลาดที่ผลักยอดหนี้โลกพุ่งสูง
กองทุนการเงินระหว่างประเทศระบุว่าสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยระดับสูงเกือบทั่วทุกชาติในโลก ส่งให้ปริมาณหนี้สินโลกพุ่งทะยาน และส่งผลให้ระดับหนี้สินโลกในปัจจุบันสูงกว่าเมื่อ 1 ทศวรรษก่อนถึง 100 ล้านล้านดอลาร์
"หลังจากพบเห็นลดลง 7 ไตรมาสติดต่อกัน สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีกลับคืนสู่วงจรขาขึ้นอีกครั้งในช่วง 2 ไตรมาสของปีนี้ ตอนนี้แกว่งตัวอยู่ที่ระดับ 336% เพิ่มขึ้นจากระดับ 334% ของไตรมาส 4 ปี 2022" รายงานของไอเอ็มเอฟระบุ
เมื่อมองเป็นรายประเทศจะพบว่ามากกว่า 80% ของระดับหนี้มาจากประเทศพัฒนาแล้ว อย่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อังกฤษ และฝรั่งเศส ที่มีระดับหนี้เพิ่มขึ้นสูงสุด ส่วนจีน อินเดีย และบราซิล นำทีมประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีก่อหนี้เพิ่มขึ้นสูงสุด อ้างอิงจากรายงานของไอเอ็มเอฟ
ในรายงานดังกล่าวยังไม่ได้คำนวณผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่อาจเกิดขึ้น
นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในกรอบ 5.25-5.5% ต่อไปอย่างน้อยจนถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้า และอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังคงอยู่ในระดับสูงไปอีกนานสำหรับสหรัฐฯ
รายงานยังเตือนด้วยว่าหนี้สินภายในประเทศของรัฐบาลอยู่ในระดับที่น่ากังวลในหลายชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ ขณะเดียวกันภาระหนี้ของผู้บริโภคในตลาดที่เติบโตแล้วส่วนใหญ่ยังคงบริหารจัดการได้ ทำให้ยังมีที่ว่างเพิ่มเติมสำหรับธนาคารกลางจะกระชับนโยบายทางการเงิน หากว่าแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อยังคงมีอยู่
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์/รอยเตอร์)