เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - งานนี้มีแต่ได้สำหรับปักกิ่งซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงทางเศรษฐกิจให้ทั้งรัสเซียและเกาหลีเหนือเล็งผลประโยชน์ที่จะได้ในการกระชับความสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างปูติน-คิม จองอึนซัมมิต เดินหน้าแผนควบรวมไต้หวันตามตาราง เล็งใช้ซอฟต์เพาเวอร์ให้มณฑลฝูเจี้ยนเป็นนกต่อเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและสังคมระหว่างช่องแคบไต้หวัน ดึงบริษัทไต้หวันเข้ามาสู่ตลาดหุ้นจีน กระตุ้นชาวไทเปเข้ามาช้อนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในมณฑล
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานวันศุกร์ (15 ก.ย.) ว่า การพบกันครั้งสำคัญระหว่างประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน สร้างความวิตกให้โลกตะวันตกทั้งสหรัฐฯ นาโต ลามไปถึงยูเครนและเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่ได้เห็นทั้ง 2 ฝ่ายประกาศจับมือใกล้ชิดทางการทหาร โดยมีภาพประธานาธิบดีเกาหลีเหนือสำรวจใกล้ชิดเครื่องบินทิ้งระเบิดทรงอานุภาพรัสเซีย เรือรบ รวมถึงจรวดมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกสุดล้ำ ที่ไม่รู้ว่าโลกจะเป็นเช่นไรหากว่าเปียงยางมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในคลังแสงของตัวเอง
สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า แต่เชื่อว่า "จีน" ซึ่งถือเป็นประเทศออกหน้าและยังเป็นท่อน้ำเลี้ยงหลักทางเศรษฐกิจให้ชาติทั้งสองนั้นคาดว่าจะมองด้วยสายตาที่ต่างออกไป โดยบรรดานักวิเคราะห์แสดงความเห็นว่า ปักกิ่งอาจมองเห็นถึงประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการที่ตัวเองจะก้าวขึ้นเป็นขั้วใหม่ของโลกในการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ
ขณะนี้ยังไม่เป็นที่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จีนมองการประชุมซัมมิตปูติน-คิมนี้อย่างไร แต่เชื่อว่าการตกลงระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือคงจะไม่ลึกซึ้งมากนักในเวลานี้
อเล็กซานเดอร์ โคโรเลฟ (Alexander Korolev) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประจำมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ (University of New South Wales) ในออสเตรเลีย แสดงความเห็นว่า
“จีนเป็นชาติที่สำคัญเป็นอย่างมากสำหรับทั้งรัสเซียและเกาหลีเหนือ ดังนั้นแล้วมันจะดูโง่จนเกินไปหากกว่าจะตกลงทำอะไรลับหลังปักกิ่งในสิ่งที่ไม่ชื่นชอบ”
CNN ชี้ว่าแต่กระนั้นปักกิ่งยังออกมาประกาศส่งสัญญาณให้ภายนอกรับทราบว่า การประกาศร่วมมือทางการทหารระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือที่เกิดขึ้น ปักกิ่งอ้างต่อภายนอกว่า "เป็นเรื่องเฉพาะระหว่าง 2 ชาติเท่านั้น" ซึ่งถึงแม้ปักกิ่งจะอุ้มชูเกาหลีเหนือแต่ยังต้องกังวลถึงปัญหาผู้อพยพล้นทะลักข้ามพรมแดนเข้าดินแดนจีนหากเปียงยางเกิดมีเรื่องกับสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ขึ้นมาจริง
สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า ศูนย์กลางของปักกิ่งยังคงมุ่งมั่นในแผนการผนวกไต้หวัน
โดยในวันอังคาร (12) ปักกิ่งเปิดแผนพิมพ์เขียวรวบรวมไต้หวันโดยสมบูรณ์ด้วยการใช้ความสัมพันธ์การพัฒนาทางเศรษฐกิจระหว่างช่องแคบไต้หวันระหว่างใช้วิธีการข่มขู่ทางการทหารไทเปอย่างไม่หยุด
CNN ชี้ว่าเป็นคำสั่งร่วมออกมาจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน CCP และคณะมนตรีรัฐกิจจีน (State Council) ประกาศให้มณฑลฝูเจี้ยนเป็นตัวกลางการพัฒนาทางเศรษฐกิจร่วมกับไต้หวัน
ตามแผนพิมพ์เขียวมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างทางเศรษฐกิจและการพัฒนาทางสังคมระหว่างมณฑลฝูเจี้ยนและไต้หวัน หว่านล้อมให้บริษัทไต้หวันเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีน เกิดขึ้นก่อนหน้าที่ไต้หวันกำลังจะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า และท่ามกลางการกดดันไทเปอย่างหนักทางการทหารพร้อมกัน
เอเอฟพีรายงานว่า ไทเปในวันเช้าวันอาทิตย์ (16) พบเครื่องบินจีน 28 ลำข้ามเส้นเมเดียนระหว่างช่องแคบไต้หวัน
หลังก่อนหน้าวันพฤหัสบดี (14) อัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ รายงานว่า กองทัพจีนฝึกซ้อมรอบไต้หวันด้วยฝูงเครื่องบินรบ 68 ลำ และเรือรบอีก 10 ลำ รวมเรือรบบรรทุกเครื่องบินจีน ซานตง (Shandong) เมื่อเวลา 06.00 น. ของเช้าวันพฤหัสบดี (14)
ตามแผนการพิมพ์เขียว ปักกิ่งซึ่งในเวลานี้กำลังมีปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่ยังแก้ไม่ตกหวังให้มณฑลฝูเจี้ยนเป็นเสมือน "โซนสาธิต" สำหรับการควบรวมในอนาคต
เดลีบีสต์รายงานวานนี้ (16) ว่า แผนการย้ำว่า จะมีการทำให้ง่ายขึ้นสำหรับพนักงานไต้หวันและครอบครัวเข้ามาอาศัยและทำงานภายในมณฑลฝูเจี้ยน
นอกจากนี้ นักเรียนไต้หวันยังสามารถเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาที่มณฑลฝูเจี้ยน แผนพิมพ์เขียวยังประกาศสนับสนุนให้ประชาชนไต้หวันหันมาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มณฑลฝูเจี้ยนซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับไต้หวัน
และที่สำคัญแผนการพัฒนายังเกิดขึ้นในด้านโครงสร้างพื้นฐานเพราะจะมีโปรเจกต์พัฒนาสำรวจร่วมกันทางด้านไฟฟ้าและแก๊สระหว่างเมืองท่าเซี่ยเหมินของมณฑลฝูเจี้ยน และเกาะจินเหมิน (Kinmen) ของไต้หวัน เดลีบีสต์รายงาน
ตามพิมพ์เขียวยังเปิดโปรเจกต์ไฟฟ้า น้ำประปา แก๊ส และสะพานเชื่อมระหว่างเมืองฝูโจว (Fuzhou) ซึ่งใหญ่ที่สุดของมณฑลฝูเจี้ยนและเกาะหมาจู่ (Matsu) ของไต้หวัน
ปักกิ่งยังมุ่งมั่นที่จะให้มีเส้นทางการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างกันให้มากขึ้นระหว่างมณฑลฝูเจี้ยนและไทเปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ประชาชนในไต้หวันต่างแสดงความเห็นในวันพุธ (13) หลังแผนพิมพ์เขียวผนวกดินแดนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงออกมาว่า
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษได้สอบถามความเห็นชาวไต้หวันในย่านใจกลางกรุงไทเปวันพุธ (13) ถึงแผนพิมพ์เขียวนี้ พบว่ามีเป็นจำนวนมากแสดงความเห็นไม่สนใจ
หนึ่งในนั้นคือ เทอร์รี ฮอง (Terry Hung) วัย 37 ปี ทำงานงานในอุตสาหกรรมยาฟามาซูติคอลของไต้หวันชี้ว่า แผนนี้ดูมีความเสี่ยงมาก
“ผมไม่ต้องการที่จะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศคอมมิวนิสต์ ต้องแบ่งทรัพย์สินของผมกับรัฐบาลนั้น ผมไม่ต้องการทำงานในประเทศเผด็จการเพราะสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงานนั้นโดนควบคุมทั้งหมดจากรัฐบาล”
และเสริมต่อว่า “หากว่าวันหนึ่งข้างหน้าเกิดความเห็นของคุณบังเอิญไม่ตรงกับจุดยืนของรัฐบาล คุณเสี่ยงที่จะโดนจับหรือถูกจำคุกได้”
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ในวันพุธ (13) หวัง ติงหยู (Wang Ting-yu) ส.ส.ไต้หวันจากพรรครัฐบาลพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าไต้หวัน (Democratic Progressive Party) แสดงความเห็นถึงพิมพ์เขียวของปักกิ่งว่า “มันช่างน่าขบขัน”
และยังแสดงคำแนะนำฝากไปให้ปักกิ่งว่า “จีนสมควรคิดหาหนทางในการดูแลหนี้เสียของตัวเอง แต่ไม่ใช่การผนึกกำลังแนวหน้าเพื่อต่อต้านไต้หวัน”