สหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (13 ก.ย.) อนุมัติขายฝูงบิน F-35 เครื่องบินล้ำสมัยสุดที่มีศักยภาพล่องหนแก่เกาหลีใต้ ในมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.7 แสนล้านบาท) ท่ามกลางความตึงเครียดที่พุ่งสูงกับเกาหลีเหนือ
กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งต่อสภาคองเกรส ว่าพวกเขาไฟเขียวขายเครื่องบินขับไล่ที่ผลิตโดยบริษัทล็อคฮีด มาร์ติน จำนวน 25 ลำ แก่เกาหลีใต้ เช่นเดียวกับเครื่องยนต์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า "การขายจะช่วยยกระดับศักยภาพของเกาหลีใต้ในการรับมือกับภัยคุกคามในปัจจุบันและอนาคต ด้วยการมอบแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองที่น่าเชื่อถือ สำหรับป้องปรามการรุกรานในภูมิภาคและรับประกันการทำงาร่วมกับกองกำลังสหรัฐฯ"
นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เน้นย้ำด้วยว่า "ข้อเสนอขายอุปกรณ์นี้และการสนับสนุนจะไม่เปลี่ยนแปลงสมดุลพื้นฐานทางทหารในภูมิภาคแถบนี้"
เกาหลีใต้มีฝูงบิน F-35 ในประจำการมาตั้งแต่ปี 2018 ในขณะที่สหรัฐฯ จะอนุมัติขายเครื่องบินรุ่นนี้เฉพาะกับพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดเท่านั้น ส่วนตุรกี ถูกเขี่ยออกจากโครงการร่วม F-35 หลังทำการจัดซื้อระบบป้องกันขีปนาวุธจากรัสเซีย
การขายครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ กับเกาหลีเหนือ ซึ่งเพิ่งทำการทดสอบขีปนาวุธรอบล่าสุด ระหว่างที่คิม จองอึน ผู้นำของพวกเขาเดินทางเยือนรัสเซีย เพื่อหารือเกี่ยวกับการยกระดับความร่วมมือด้านอาวุธกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
ในส่วนของสหรัฐฯ ได้ยกระดับความร่วมมือไตรภาคีกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ 2 พันธมิตรที่มีทหารสหรัฐฯ ประจำการอยู่ ทั้งนี้ ทั้ง 2 ชาติ บ่อยครั้งมักมีปัญหาไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับประเด็นโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ แต่เริ่มกลับมาพูดคุยกันอีกครั้ง ภายใต้การทาบทามของ ยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้
ณ ที่ประชุมเมื่อเดือนที่แล้ว ที่แคมป์เดวิด บ้านพักตากอากาศของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใกล้วอชิงตัน ประธานาธิบดีไบเดน ยุน และฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้สัญญาจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในประเด็นเกาหลีเหนือและความท้าทายอื่นๆ
(ที่มา : เอเอฟพี)