เอพี/เอเจนซีส์/รอยเตอร์/เอเอฟพี – เจ้าหน้าที่กู้ภัยลิเบียยังคงพยายามค้นหาต่อไปในวันพุธ(13 ก.ย)หลังเขื่อน 2 แห่งแตกสุดสัปดาห์ทางตะวันออกของลิเบียหลังพายุแดเนียลพัดเข้า ยอดเสียชีวิตล่าสุดเกิน 5,100 คน บาดเจ็บอีก 7,000 คน ขณะที่ในโมร็อกโกยอดเสียชีวิต 2,901 คน บาดเจ็บ 5,530 คน ท่ามกลางความสับสนกษัตริย์แห่งโมร็อกโกทรงปฎิเสธความช่วยเหลือจากฝรั่งเศส ทำปธน.เอ็มมานุเอล มาครง ตัดพ้อผ่านทวิตเตอร์
เอพีรายงานวันนี้(13 ก.ย)ว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยลิเบียพยายามค้นหาตามท้องถนน ซากปรักหักพัง และแม้แต่ในทะเลทางตะวันออกของลิเบียในวันพุธ(13)
เกิดขึ้นหลังพายุแดเนียลพัดเข้าลิเบียในวันอาทิตย์(10)ทำให้เกิดฝนตกหนักจนเขื่อน 2 แห่งในแม่น้ำแม่น้ำวาดี เดอร์นา (Wadi Derna)เกิดพังส่งมวลน้ำมหาศาลออกมาและทำให้เกิดน้ำท่วมที่เมืองเดอร์นา(Derna)และเมืองอื่นๆ
เอพีรายงานว่าเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเขื่อนแตกอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 5,100 คน บาดเจ็บอีก 7,000 คน สูงกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตแผ่นดินไหวโมร็อกโกล่าสุดอยู่ที่ 2,901 คน บาดเจ็บ 5,530 คน อ้างอิงจากรอยเตอร์
เจ้าหน้าที่พยายามจะนำเครื่องบรรเทาทุกข์เข้าไปให้ถึงเมืองเดอร์นา และได้เห็นสภาพความเสียหายอย่างหนักในใจกลางเมืองที่มีผู้สูญหายอีกหลายพันและประชาชนไร้ที่อยู่อีกหลายหมื่น
“มีศพทุกที่ทั้งภายในบ้าน ตามถนนและในทะเล ทุกที่ที่คุณไป คุณจะเจอคนตายทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก” Emad al-Falah เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์จากเมืองเบงกาซีให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากเมืองเดอร์นา
เดอร์นาถือเป็นจุดที่หนักสุดที่เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆที่พายุแดเนียลจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนพัดเข้ามา เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันออกของเมืองเบงกาซีราว 250 ก.ม ที่ซึ่งบรรดาเจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาทุกข์นานาชาติเดินทางมาถึงเมื่อวันอังคาร(12)
ยานน์ ฟรีเดซ (Yann Fridez) หัวหน้าผู้แทนองค์การสภากาชาดสากล ICRC ในลิเบียให้สัมภาษณ์กับสื่อฟรานซ์ 24 ว่า คลื่นน้ำท่วมฉับพลันที่นี่สูงถึง 7 เมตร
เจ้าหน้าที่เชื่อว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเพิ่มกว่าห้าพันที่บันทึกไว้ได้ในเมืองเดอร์นาเนื่องมาจากการที่ค้นหายังคงไม่ยุติ และมีจำนวนตัวเลขเสียชีวิตได้จากที่อื่นๆอีก 100 คนทางตะวันออกของลิเบีย
ผู้บาดเจ็บกว่า 7,000 คนเกิดขึ้นในเมืองเดอร์นาที่ส่วนใหญ่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนาม และมีผู้สูญหายอีก 9,000 คนและประชาชนพลัดถิ่นอีก 30,000 คน
อย่างไรก็ตามเอพีชี้ว่า กระทรวงมหาดไทยประจำรัฐบาลลิเบียตะวันออกในเขตอิทธิพลของจอมพล คาลิฟา ฮัฟตาร์ ให้ยอดผู้เสียชีวิตที่ 5,300 คน
ความช่วยเหลือลั่งไหลมาจากเพื่อนบ้านทั้งอียิปต์ แอลจีเซีน และตูนิเซีย รวมไปถึงตุรกี ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เปิดเผยว่า สหรัฐฯจะส่งเงินช่วยเหลือฉุกเฉินผ่านองค์การบรรเทาทุกข์และสหประชาชาติให้แก่ลิเบีย
เอพีชี้ว่าขณะเดียวที่โมร็อกโก พบว่าทีมกู้ภัยกำลังรู้สึกวิตกกังวลหลังโมร็อกโกไม่ยอมเปิดกว้างรับความช่วยเหลือจากนานาชาติ
ทีมกู้ภัยฝรั่งเศส Rescuers Without Borders ยังไม่ได้รับไฟเขียวนานกว่า 24 ชั่วโมงจากรัฐบาลโมร็อกโกเพื่อให้เครื่องบินสามารถร่อนลงจอดที่ล่าสุดมีจำนวนผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 2,900 คน และบาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 5,530 คน
กลุ่มบรรเทาทุกข์หลายกลุ่มในฝรั่งเศสนั้นอยู่ในความอึดอึดและวิตกที่โมร็อกโกไม่ยอมเปิดประตูกว้างเพื่อตอบรับความช่วยเหลือจากภายนอก
เมื่อเปรียบเทียบกับของอังการาสำหรับเหตุแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงเดือนกุมภาพันธ์ต้นปี กลับพบว่าประธานาธิบดีตุรกี เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ภายในไม่กี่ชั่วโมงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ ส่งผลทำให้มีทีมกู้ภัยกว่า 90 ประเทศเดินทางเข้าไปเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตออกมาได้สำเร็จ
CBC ของแคนาดารายงานวานนี้(12)ว่า สมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6 ทรงตรัสขอบใจในวันอาทิตย์(10)ต่อ 4 ประเทศสำหรับความช่วยเหลือหลังจากอีก 2 ชาติได้แก่ฝรั่งเศสและเยอรมันไม่ได้มีรายชื่อรวมอยู่ด้วย
โดยทั้งเยอรมันและฝรั่งเศสที่เสียหน้าจากการถูกตอบปัดพยายามที่จะไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ สื่อแคนาดารายงาน
เอพีชี้ว่าโมร็อกโกจำกัดการรับความช่วยเหลือฉุกเฉิน พบว่าโมร็อกโกตอบรับทีมกู้ภัยค้นหาจากสเปน กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอังกฤษ และปฎิเสธความช่วยเหลือฉุกเฉินจากฝรั่งเศส สหรัฐฯ และที่อื่นๆ เอพีชี้
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง ล่าสุดค่ำวันอังคาร(12)ยืนยันว่า ไม่มีเหตุผลที่จะต้องออกมาโต้เถียงถึงความช่วยเหลือฝรั่งเศสต่อโมร็อกโก ท่ามกลางการรายงานก่อนหน้ามานานแล้วว่า โมร็อกโกไม่ยอมตอบรับความช่วยเหลือจากปารีส
“มันชัดเจนว่าต้องขึ้นอยู่กับฝ่าพระบาท(สมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6)และรัฐบาลโมร็อกโกในการจัดการบรรเทาทุกข์นานาชาติภายใต้อำนาจอธิปไตยสมบูรณ์และพวกเราพร้อมที่จะตอบสนองต่อความต้องการทางอธิปไตยของพวกเขา” มาครงกล่าวผ่านวิดีโอคลิปบนทวิตเตอร์
และเสริมต่อว่า “ผมหวังว่าทุกการโต้เถียงที่จะทำให้เกิดการแบ่งแยกและความยุ่งยากนี้ที่มันได้กลายเป็นความน่าสยดสยองจะสิ้นสุดลงด้วยความเคารพต่อทุกฝ่าย”
เอเอฟพีชี้ว่า การที่โมร็อกโกไม่ยอมตอบรับข้อเสนอจากปารีสสำหรับการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินนั้นทำให้เกิดคำถามไปถึงความตรึงเครียดระหว่างรัฐบาล 2 ชาติ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญออกมาชี้ว่า โมร็อกโกไม่มีความสุขในความพยายามของฝรั่งเศสที่จะใกล้ชิดแอลจีเรีย ประเทศเพื่อนบ้าน และอีกทั้งแผนการที่ยาวนานสำหรับประธานาธิบดีฝรั่งเศสในการจะเยือนโมร็อกโกอย่างเป็นทางการยังไม่ได้รับไฟเขียว