เอเจนซีส/MGRออนไลน์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน วานนี้ (12 ก.ย.) ร่วมพิธีรำลึกเหตุครบรอบสหรัฐฯ ถูกก่อการร้าย 11 ก.ย. ปี 2001 ที่ตึกเวิลด์เทรดไกลถึงรัฐอะแลสกา ห่างจากกราวด์ซีโรถึง 4,300 ไมล์ ขณะที่ลอนดอนโดนสื่ออังกฤษวิจารณ์ ก้มสยบให้จีนที่กำลังก่อสงครามทำลายล้างอารยธรรมตะวันตกอยู่เวลานี้
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานวานนี้ (11 ก.ย.) ว่า กลายเป็นเรื่องเมื่อผู้นำสหรัฐฯ โจ ไบเดน หลังจากเดินทางกลับจากเวียดนามซึ่งนอกจากมีการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและระหว่างกันทั้ง 2 ชาติตามธรรมเนียมแล้ว ยังได้ไปไว้อาลัยด้วยการวางพวงหรีดที่อนุสรณ์สถานอดีตเชลยทหารจีไออเมริกัน ส.ว.จอห์น แม็คเคน ที่กรุงฮานอยในวันจันทร์ (11)
ซึ่งไบเดนอ้างอิงจากสื่อเดอะฮิลล์ของสหรัฐฯ ได้เอ่ยถึงฮีโร่สงครามเวียดนามว่า ตัวเขาคิดถึงแม็คเคน และกล่าวต่อว่า แม็คเคนเป็นเพื่อนที่ดี
ในพิธีรำลึกเหตุการณ์ 11 กันยายน ปี 2001 ที่ตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถูกเครื่องบินพุ่งชนโดยฝีมือเครือข่ายกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตอ้างว่า ภัยคุกคามจากการก่อการร้ายต่อสหรัฐฯ ในเวลานี้อยู่ในระดับต่ำ
“ภัยคุกคามทุกประเภทจากอัฟกานิสถานและปากีสถานมาถึงจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์” ไบเดนกล่าว และเสริมต่อว่า “ทั้งหมดนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา”
แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกคำเตือนไปถึงภัยคุกคามอเมริกันชนที่มาจากการเพิ่มของลัทธิสุดโต่งและความรุนแรงทางการเมืองในประเทศ
เดลีเมลรายงานว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ได้ทำพิธีรำลึกในจุดใดจุดหนึ่งจากทั้งหมด 3 จุดที่เกิดเหตุ เขาร่วมพิธีรำลึกจากรัฐอะแลสกาห่างออกไปถึง 4,300 ไมล์ห่างจากศูนย์กลางพื้นที่กราวด์ซีโรที่มีรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส และนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ซิตี เอริก อดัมส์ ทำหน้าที่แทน
และพิธีรำลึกที่รัฐอะแลสกานั้นเกิดขึ้นหลังพิธีจริงที่กราวด์ซีโรเกิดขึ้นไปแล้วถึง 7 ชม. และทำให้บางส่วนของครอบครัวผู้สูญเสียออกมาโจมตีไบเดนที่ไม่ยอมมาทำพิธีที่ศูนย์กลางซึ่งภายในพิธีมีการขึ้นอ่านรายชื่อผู้สูญเสียยาวเหยียด
มีสมาชิกครอบครัวเหยื่อ 9/11 จำนวน 2 คนที่สูญเสียพ่อของพวกเขาไประหว่างเหตุโศกนาฏกรรมได้ประณามการที่ไบเดนหายตัวไปจากพิธีรำลึกที่กราวด์ซีโร่ว่า “เป็นคนทรยศ”
ทว่าผู้นำสหรัฐฯ ได้พูดต่อหน้าผู้ชมของเขาในรัฐอะแลสกาว่า “ไม่เคยลืมไม่เคยลืม พวกเราไม่เคยลืม ผมจำการที่ได้ยืนอยู่ที่นั่นในวันถัดไปและจ้องมองไปที่ตึก ผมรู้สึกเหมือนผมได้มองจ้องผ่านประตูนรกเข้าไป”
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์อังกฤษ เดลีเทเลกราฟ รายงานวันนี้ (12) โดยเตือนภัยคุกคามใหม่ที่กำลังทำสงครามล้างอารยธรรมตะวันตก
โดยชี้ว่า เมื่อ 22 ปีก่อนในวันนี้ (12) ตะวันตกตื่นขึ้นมาพร้อมกับฝันร้ายที่ได้เห็นกองทัพปิศาจมาจากการบัญชาของหัวหน้าก่อการร้ายอัลกออิดะฮ์ อุซามะฮ์ บิน ลาดิน ที่หลงใหลคลั่งไคล้นักร้องอเมริกันผิวสีชื่อดัง วิทนีย์ ฮุสตัน แต่กระนั้นยังหยามเหยียดลัทธิบริโภคนิยมแบบอเมริกันชน
ตะวันตกที่เคยเบาใจได้ว่าศัตรูตัวฉกาจในยุคสงครามเย็นเช่นอดีตสหภาพโซเวียตที่ล่มสลายลงไปนั้นได้จบลงแล้ว
แต่ทว่า (จากเหตุการณ์วันที่ 11 ก.ย. ปี 2001) ยังทำให้ได้รู้ว่ากระนั้นกลับยังมีกลุ่มคนที่ยอมต้องการระเบิดตัวเองด้วยเป้าหมายเพื่อทำลายตะวันตก
หลักการของคนเหล่านั้นคือการปฏิเสธอารยธรรมโลกตะวันตกโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะในแนวคิดเสรีภาพที่ยืนหยัดปักหมุดในเสรีภาพส่วนบุคคลและการกำหนดชะตาชีวิตตัวเองมากกว่าการยอมจำนนตนเองอย่างไร้คำถามต่อพระผู้เป็นเจ้า (ที่ทางฝ่ายโลกตะวันตกได้กรำศึกผ่านมาแล้วอย่างหนักจากยุคมืดและชนะ)
และในวันนี้ หนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟชี้ว่า ศัตรูที่พวกเรากำลังเผชิญหน้าคือ พรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือ CCP ที่ในบางหนทางนั้นดูน่ากลัวและร้ายแรงกว่าอัลกออิดะฮ์ เป็นเพราะ..
ศัตรูใหม่นี้ไม่เปิดหน้าทำสงครามเพื่อทำลายล้างคุณค่าตะวันตก แต่กลับบั่นทอนคุณค่าเหล่านี้ได้แก่เสรีภาพและประชาธิปไตยผ่านการแทรกซึมระบบเศรษฐกิจและการเมืองจากเงามืด
พวกคอมมิวนิสต์ CCP ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในการจับระบบเศรษฐกิจอังกฤษแดนผู้ดี หรือ Britain plc ที่หมายปอง
และเหตุการณ์ต้องสงสัยถึงการยื่นมือไปถึงหัวใจระบอบประชาธิปไตยของพวกเราที่มีสปายแฝงตัวอยู่ภายในรัฐสภา
โดยสื่ออังกฤษชี้ให้เห็นถึงความรุนแรงที่ปักกิ่งก่อขึ้นจากเหตุสอดแนมรัฐสภาเวสต์มินสเตอร์ว่า
การแทรกซึมในทุกมิติของชีวิตชาวแดนผู้ดีเพื่อเป้าประสงค์จากการที่ปักกิ่งต้องการเงียบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังของสถิติการละเมิดสิทธิมนุษยชนอันเลวร้ายและความก้าวร้าวที่มีต่อไต้หวันไป และมันเทียบเท่ากับการโจมตีตะวันตกในรูปแบบใหม่ที่ไม่ได้ออกมาจากการทำงานโดยกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ แต่ทว่าเป็นรัฐสองหน้าที่ไร้ความปรานีแทน
ที่น่าหวาดหวั่นก็คือการมีเป้าหมายไปที่ “อังกฤษ” นั้นอาจเป็นแค่การสาธิตในการแสวงหาอำนาจของปักกิ่งโดยไม่สนใจต้นทุน
การมีอิทธิพลต่อทรัพย์สินอังกฤษจะช่วยส่งให้ปักกิ่งนั้นสามารถไปพร้อมกับความก้าวร้าวแบบชาตินิยมในทะเลจีนใต้
ซึ่งเคสสายลับจีนในรัฐสภาอังกฤษที่ถึงแม้จะโดนจับกุมมาตั้งแต่เดือนมีนาคม และอีกทั้งคนกระทำผิดออกมาปฏิเสธข้อหาที่พวกเราเพิ่งได้รู้นั้นชี้ไปว่า รัฐบาลอังกฤษสนใจแต่จะควบคุมความโกรธเคืองจากสังคมมากกว่าทำความสะอาดบ้านตัวเอง มากกว่าที่จะเป็นผู้นำต่อต้านจีน อังกฤษได้ยอมสยบไปจำนนเสียแล้ว
ทั้งนี้ เดลีเทเลกราฟได้ทิ้งท้ายเตือนว่า โลกตะวันตกกำลังตกอยู่ในอันตรายจากการหลงลืมบทเรียนนี้ วัฒนธรรมการเมืองจีนนั้นในอีกทางถูกควบคุมไว้โดยบรรดาผู้นำเผด็จการไม่เคยเรียนรู้มัน