รอยเตอร์/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – มีทูตต่างชาติอย่างน้อย 10 คนในกรุงปักกิ่งเปิดเผยความวิตกหลังประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ไม่เดินทางเข้าร่วมการประชุม G-20 ที่อินเดียท่ามกลางผู้นำต่างๆเข้าร่วมอย่างคึกคัก เกรงจีนจะกลับไปปิดตัวอีกครั้งท่ามกลางข่าวลือ สาเหตุผู้นำปักกิ่งไม่เดินทางไปร่วมหลังได้รับคำตำหนิจากผู้ใหญ่ในพรรคคอมมิวนิสต์จีน CCP
รอยเตอร์รายงานวานนี้(6 ก.ย)ว่า นักการทูตต่างชาติในกรุงปักกิ่งไม่ต่ำกว่า 10 คนได้เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า มีความยากลำบากมากขึ้นในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่จีนและแหล่งข่าวอื่นๆในประเทศจีนซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก
ซึ่งสำหรับนักการทูตไม่กี่ประเทศประจำในกรุงปักกิ่งสำหรับข่าวการที่ผู้นำจีนไม่เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมซัมมิต G-20 ที่อินเดียในสัปดาห์นี้แล้ว เป็นการยืนยันแนวโน้มที่น่าวิตกที่ชี้ไปว่า จีนกำลังปิดตัวจากตะวันตกและพันธมิตรทั้งหลาย
บรรดานักการทูตที่ไม่สามารถเปิดชื่อได้กล่าวว่า มันเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2023 ที่ถึงแม้จีนจะออกจากมาตรการป้องกันโควิด-19ที่เคร่งครัดและไม่มีความเคลื่อนไหวทางการทูตมากนักมานานถึง 3 ปี
ผู้อำนวยการความเห็นสาธารณะและนโยบายต่างประเทศประจำสถาบันโลวีย์ (Lowy Institute) ไรอัน นีลแลม( Ryan Neelam) ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนักการทูตออสเตรเลียประจำฮ่องกงแสดงความเห็นว่า เทรนด์การพัฒนาเช่นนั้นแสดงให้เห็นว่า ภายใต้รัฐบาลที่เข้มงวดของเขา เจ้าหน้าที่จีนต่างมีความวิตกเพิ่มมากขึ้นในการติดต่อกับประเทศมหาอำนาจ
“มันเหมือนทฤษฎีฝนหล่นจากฟ้า(trickle-down effects) ที่เกิดทั่วทั้งระบบในขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้น้อย ระบบราชการ และบรรดานักการทูตต่างพยายามที่จะไม่ออกนอกสคริป”
รอยเตอร์ชี้ว่า ปักกิ่งไม่ได้แสดงคำอธิบายเหตุผลที่สีไม่ยอมไปเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ที่กรุงนิวเดลีทั้งๆที่ผ่านมาเขาเดินทางร่วมการประชุมมาโดยตลอด ปักกิ่งกล่าวเพียงว่านายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เฉียง จะเดินทางเข้าร่วมแทน
การที่สีไม่เข้าร่วมการประชุม G-20 อาจมาจากเหตุผลประเด็นความระหองระแหงกับอินเดียเจ้าภาพที่นักวิเคราะห์ชี้อาจเป็นประเด็นแต่ทว่าตั้งแต่ต้นปี 2023 ผู้นำจีนเดินทางออกนอกประเทศน้อยครั้งมากแค่ 2 ครั้งเท่านั้นคือการบินไปเยือนประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ที่กรุงมอสโก และการบินร่วมการประชุมกลุ่ม BRICS ที่แอฟริกาใต้ แต่กลับไม่ปรากฎตัวขึ้นกล่าวปาฐกถาสำคัญภายในงานอย่างไม่ให้เหตุผลจนเป็นข่าวดัง
แต่สำหรับนักการทูตต่างประเทศตะวันตกไม่กี่คนในกรุงปักกิ่ง ที่มักสามารถเข้าถึงเจ้าหน้าที่จีนหรือแม้กระทั่งนักวิชาการจากสถาบันธิงแท็งก์เชื่อมโยงกับรัฐบาลปักกิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการอธิบายนโยบายปักกิ่งต่อโลกนั้นลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 คนเหล่านี้เปิดเผย
ทั้งนี้พบว่าเมื่อมีการพบปะ เจ้าหน้าที่จีนมักจะจำกัดให้ความเห็นเฉพาะเป็นไปตามเนื้อหา แหล่งข่าวนักการทูตเปิดเผย ขณะที่มีบางส่วนได้แสดงความเห็นถึงพฤติกรรมแสดงการเป็นปฎิปักษ์จากนักวิชาการจีนสายชาตินิยม
แหล่งข่าวนักการทูตทั้งหลายยอมรับว่า สิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรคทำให้บรรดานักการทูตไม่สามารถได้ข้อมูลเพื่อส่งกลับประเทศได้
ทั้งนี้รอยเตอร์รายงานก่อนหน้าเมื่อกรกฎาคมว่า มีนักการทูตบางส่วนพบกับการตรวจสอบเพิ่มมากขึ้นและการขัดขวางจากเจ้าหน้าที่จีน
แต่ทว่าไม่ได้เกิดขึ้นกับทูตต่างชาติทุกคนเพราะมีนักการทูตจาก 2 ชาติที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดจีนเปิดเผยว่า ไม่เคยมีปัญหาเช่นนี้
ไทม์สออฟอินเดียรายงานวันพุธ(6)ว่า มีรายงานถึงสาเหตุที่ประธานาธิบดีสีไม่ได้เข้าร่วมการประชุมที่กรุงนิวเดลีในสัปดาห์นี้มาจากเหตุผลว่า เขาได้รับคำตำหนิจากบรรดาผู้อาวุโสจากในพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่รู้จักในนาม CCP
โดยตามรายงานที่มาจากนิคเคอิ เอเชีย แหล่งข่าววงในเปิดเผยกับสื่อญี่ปุ่นว่า ในการประชุมของปีนี้ กลุ่มผู้อาวุโสของพรรคที่เกษียณอายุตำหนิพร้อมกับตั้งคำถามต่อสีอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ซึ่งมี 2 คนที่ไม่ได้ร่วมการประชุมแบบพบหน้าได้แก่ อดีตประธานาธิบดีจีน เจียง เจ๋อหมิน ที่ถึงแก่อสัญกรรมไปในปีที่ผ่านมา และอดีตประธานาธิบดีจีน หู จิ่นเทา ที่หายหน้าไปจากสาธารณะหลังเคยมีประเด็นดราม่าเป็นคลิปไปว่อนโลกเมื่อเขาขอดูแฟ้มแดง จนถูกเชิญออกจากพิธีปิดประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนในปีที่ผ่านมา
ตามการรายงานระบุว่า มีผู้อาวุโสพรรคจำนวนไม่กี่คนเข้าร่วมการประชุม Beidaihe สารของคนเหล่านั้นต่อผู้นำจีนมีอย่างชัดเจนคือ “ความปั่นป่วนทางสังคม ทางเศรษฐกิจ และทางการเมืองที่ยังคงเกิดขึ้นต่อไปโดยปราศจากมาตรการรับมือที่ได้ผลนั้นสามารถบั่นทอนการสนับสนุนจากพรรคและยังเป็นการคุกคามต่อกฎ”
และหัวหอกของผู้อาวุโสเหล่านี้คือ อดีตรองประธานาธิบดีจีน เจิง ชิ่งหง (Zeng Qinghong) และคนของอดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน
สื่ออินเดียชี้ว่า ตามรายงานระบุว่า การตัดสินใจของสีที่จะไม่ไปร่วมงานประชุม G-20 นั้นเพื่อหลีกเลี่ยงต่อความขายหน้า
ทั้งนี้พบว่าประธานาธิบดีสีแสดงความหงุดหงิดใส่คนใกล้ชิด พร้อมกล่าวโทษพวกเขาต่อปัญหาต่างๆที่จีนกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ โดยบรรดารัฐมนตรีจีนต่างๆที่กำลังวิตกโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีจีน หลี่ ที่มีรับผิดชอบทางด้านเศรษฐกิจซึ่งกำลังเป็นพายุร้ายในเวลานี้
ตามการรายงาน และภายในที่ประชุม สี จิ้นผิง ยังได้ชี้นิ้วกล่าวโทษไปยังอดีตประธานาธิบดีจีน เติ้ง เสี่ยวผิง อดีตประธานาธิบดีหู จิ่นเทา และอดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน ที่ต่างส่งต่อปัญหาที่แก้ไม่ได้มาให้กับผู้นำจีนคนปัจจุบันต้องแบกภาระ