เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - ผู้นำเสียงข้างน้อยประจำสภาล่างสหรัฐฯ มิตช์ แม็คคอนเนล เป็นครั้งที่ 2 วันพุธ (30 ส.ค.) ระหว่างยืนตอบคำถามว่าจะลงเลือกตั้งต่อสมัยหน้าหรือไม่ แต่กลับยืนนิ่งเป็นหุ่นยนต์จนเพื่อนร่วมงานต้องพาตัวออกไป ท่ามกลางข่าวผู้ว่าการรัฐเคนตักกียังไม่เปิดเผยว่าจะตั้งส.ว.คนใหม่แทนหรือไม่ หลังแม็คคอนเนลเคยยืนช็อกระหว่างแถลงข่าวที่วอชิงตัน ดี.ซี.เมื่อกรกฎาคมก่อนหน้า หมอชี้เชื่อเกิดจาก "โรคลมชัก" โพลล่าสุดชี้ คนอเมริกันยี้ทั้ง 2 พรรคไม่ปลื้มประธานาธิบดีโจ ไบเดนเพราะแก่เกิน ส่วนคู่แข่งอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คอร์รัปชันตัวพ่อ
บิสซิเนสอินไซเดอร์ รายงานวันศุกร์ (1 ก.ย.) ว่า ล่าสุดผู้ว่าการรัฐเคนตักกี แอนดี เบเชียร์ (Andy Beshear) วันพฤหัสบดี (31 ส.ค.) ปฏิเสธที่จะเปิดเผยกับนักข่าวในรายงานของ NBC News วันเสาร์ (2) ว่า เขาจะใช้อำนาจตามกฎหมายของรัฐในการเลือก ส.ว.คนใหม่มาแทนที่ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรครีพับลิกัน ส.ว. มิตช์ แม็คคอนเนล (Mitch McConnell) ซึ่งเป็นแกนนำคนสำคัญของพรรครีพับลิกันก่อนที่สมัยการดำรงตำแหน่งเขาจะสิ้นสุดหรือไม่ โดยผู้ว่าการรัฐให้เหตุผลว่า “ตอนนี้ตำแหน่งยังคงไม่ว่าง”
เกิดขึ้นหลังวันพุธ (30) แม็คคอนเนลสร้างความแตกตื่นไปทั่วแวดวงการเมืองวอชิงตันอีกครั้งเมื่อเขาปรากฏยืนนิ่งเป็นหุ่นไม่ไหวติงนานร่วม 30 วินาที ระหว่างให้สัมภาษณ์หลังการแถลงที่เมืองโควิงตัน (Covington) รัฐเคนตักกี
CNN รายงานว่า เป็นที่ตกตะลึงเมื่อพบว่า แม็คคอนเนลไม่เคลื่อนไหว ตาแทบไม่กะพริบแต่จับจ้องไปข้างหน้าในช่วงระยะเวลาที่นักข่าวตะโกนถามว่าเขาจะลงชิงตำแหน่งอีกหรือไม่ ท่ามกลางความวิตกไปถึงปัญหาทางสุขภาพของ ส.ว.วัย 81 ปี ที่ก่อนหน้าเคยแสดงอาการคล้ายกันเป็นเวลาราว 30 วินาทีเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ระหว่างการแถลงข่าวที่วอชิงตัน ดี.ซี.
สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ในวันพุธ (30 ส.ค.) ผู้ช่วยรีบปรี่เข้ามาก่อนที่จะพยายามถามเพื่อให้แม็คคอนเนลรู้สึกตัว และเมื่อไม่ได้ผลผู้ช่วยได้ประกาศต่อหน้านักข่าวว่า ต้องขอเวลาสักครู่ก่อนนำแม็คคอนเนลออกไปหลังพบแม็คคอนเนลไม่สามารถโน้มตัวมากระซิบตอบโต้กลับได้
โฆษกประจำตัวแม็คคอนเนลในเวลาต่อมากล่าวเปิดเผยกับ CNN ว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุนั้นพบว่า เขารู้สึกป่วยหน้ามืดจนทำให้ต้องหยุดระหว่างการแถลงข่าววันนี้” พร้อมเสริมว่า “และเมื่อวุฒิสมาชิกอาการดีขึ้นเพื่อเป็นไปตามมาตรการที่เคร่งครัด เขาจะพบแพทย์ทันที”
อย่างไรก็ตาม พบว่าหลังจากนั้นผู้นำ ส.ว.เสียงข้างมาก มิตช์ แม็คคอนเนล เดินทางไปช่วยงานระดมทุนของลูกพรรค ส.ส. จิม แบงก์ส (Jim Banks) ที่ลงชิงตำแหน่ง ส.ว. ในรัฐอินเดียนา
อย่างไรก็ตาม บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 3 คนต่างชี้ว่า เชื่อว่าเหตุผลที่แม็คคอนเนลไม่ไหวติงและกลายเป็นหุ่นยนต์ไปชั่ว 30 วินาที จากทั้งในวันพุธ (30 ส.ค.) และเมื่อกรกฎาคมก่อนหน้า เนื่องมาจากเหตุที่เขาป่วยลมชักระดับอ่อนในเวลานั้น
ซึ่งอาการชักที่เกิดขึ้นกับวุฒิสมาชิกอเมริกันเรียกกันว่า "ชักแบบเหม่อลอย" (Absence Seizures) ตามรายงานระบุว่า มักเกิดขึ้นในเด็ก โดยจะเกิดอาการเหม่อลอย อาจมีการกะพริบตา หรือขยับริมฝีปากเพียงเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้เกิดการเสียการรับรู้ในระยะสั้นๆ ได้
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญ ดร.เดวิด ธาเลอร์ (David Thaler) หัวหน้านักประสาทวิทยาประจำโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ Tufts Medical Center ให้สัมภาษณ์กับ WCVB-TV ว่า
"นี่มันดูแตกต่างในแง่ระยะเวลาและความรุนแรง เมื่อเขาดูเหมือนที่จะสูญเสียความสามารถในการสื่อสารช่วงเวลาสำคัญนั้น"
และเสริมต่อว่า "นี่อาจเป็นการสันนิษฐานได้ว่าโรคลมชักอาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หกล้มที่เกิดขึ้นมาเป็นระยะๆ และการกระทบกระเทือนทางสมองที่แม็คคอนเนลประสบเมื่อมีนาคม"
นอกเหนือจากแม็คคอนเนลที่เป็นประเด็นสำหรับพรรครีพับลิกันสำหรับนักการเมืองสูงวัยแล้ว พรรคเดโมแครตนั้นก็มีปัญหาไม่แพ้กัน ส.ว.ไดแอนน์ ไฟน์สไตน์ (Dianne Feinstein) อายุ 90 ปี เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ก่อนหน้าได้ล้มภายในบ้านพักของตัวเองและต้องรับการรักษาพยาบาลช่วงสั้นๆ
ท่ามกลางกระแสกดดันจากเพื่อนร่วมพรรคให้เธอเกษียณทางการเมืองก่อนหมดสมัยโดยชี้ว่า เธอมีปัญหาทั้งด้านสุขภาพกายที่ไม่สามารถเดินเหินได้และความทรงจำ
ซึ่งเมื่อก่อนหน้าไฟน์สไตน์ไม่สามารถเดินทางมาวอชิงตันเพื่อโหวตได้นานเกือบ 3 เดือนหลังล้มป่วยโรคงูสวัด และผู้ช่วยยืนยันว่า ไฟน์สไตน์เกิดปัญหาป่วยโรคสมองอักเสบเนื่องมาจากการล้มป่วยโรคงูสวัด
อเมริกากำลังผจญกับปัญหานักการเมืองสูงอายุที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงอิทธิพลทั้ง ส.ว.มิตช์ แม็คคอนเนล ส.ว.ไดแอน ไฟน์สไตน์ ส.ว. เบอร์นีย์ แซนเดอร์ส อดีตประธานสภาคองเกรสสหรัฐฯ แนนซี เพลโลซี รวมไปถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กลายเป็นประเด็นเป็นที่โจษขานไปทั่ว
โดยโพล AP-NORC ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะเมื่อวันจันทร์ (28 ส.ค.) ที่ผ่านมา เผยว่า มีถึง 3 ใน 4 ของชาวอเมริกันที่รวมฐานเสียงพรรคเดโมแครตถึง 69% คิดว่า ไบเดนแก่เกินกว่าที่จะลงชิงต่อเป็นสมัยที่ 2 สำหรับการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปีหน้า
Deseret News ของสหรัฐฯ รายงานวันพุธ (30) ว่า โพลอเมริกันชี้ไปว่า โดยรวมกว่า 77% ของผู้ตอบแบบสอบถามรวมฐานเสียงพรรคเดโมแครตถึง 69% และฐานเสียงพรรครีพับลิกัน 89% คิดว่า ไบเดนปัจจุบันในวัย 80 ปีมีอายุมากเกินที่จะลงชิงปี 2024 สำหรับสมัยที่ 2
ขณะที่เมื่อเทียบกับคู่แข่งอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันปัจจุบันวัย 77 ปี มีแค่ 50% ของชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ที่คิดว่าเขาแก่เกินไปที่จะลงชิงปี 2024 โดยฐานเสียงฐานพรรคเดโมแครตมากถึง 71% คิดว่าทรัมป์มีอายุมากเกินไป ขณะที่มีฐานเสียงพรรครีพับลิกันแค่ 28% ที่คิดว่าทรัมป์สูงวัยเกินไป
เอพีรายงานว่า โพลแบบสอบถามจาก AP-NORC (NORC จากมหาวิทยาลัยชิคาโก) นี้ดูเหมือนสาธารณะจะแสดงความกังวลเกี่ยวกับไบเดนในประเด็นอายุ และทรัมป์ในด้านความผิดอาชญากรรมทั้งหลายของเขาที่ส่งผลทำให้ทรัมป์กลายเป็นผู้นำคนแรกที่ถูกดำเนินคดีทางอาญาและมีการทำภาพประวัตินักโทษเผยแพร่แพร่ไปทั่ว
ตามโพลพบว่า ความวิตกจากสาธารณะเกี่ยวข้องกับด้านการคอร์รัปชันและความผิดอาชญากรรมของฝ่ายไบเดนอยู่ที่ 6% ความวิตกต่อการโกหก การไม่ซื่อสัตย์อยู่ที่ 2% เมื่อเทียบกับของทรัมป์ที่นำโด่ง
โดยความวิตกต่อสาธารณะเกี่ยวข้องกับด้านการคอร์รัปชันและความผิดอาชญากรรมของทรัมป์อยู่ที่ 15% และความวิตกต่อการโกหก การไม่ซื่อสัตย์อยู่ที่ 8%
แต่ทว่า ไบเดนนั้นเอพีชี้ว่าสาธารณะในกลุ่มอายุวัยผู้ใหญ่มีความวิตกต่อตัวเขาในด้านความสับสน ช้า และการโพล่งออกมาอย่างผิดพลาดมีถึง 15% เมื่อเทียบกับของทรัมป์ที่สาธารณชนกลุ่มผู้ใหญ่มองว่าเขามีปัญหาใน เรื่องนี้แค่ 3%
โพล AP-NORC ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 10-14 ส.ค. ในกลุ่มผู้ร่วมตอบแบบสอบถามวัยผู้ใหญ่ 1,165 คนทั่วสหรัฐฯ ค่าความผิดพลาดอยู่ที่ +/- 3.8%
