เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - อพาร์ตเมนต์สูง 5 ชั้นในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ที่เป็นที่อาศัยของบรรดาผู้อพยพไร้ที่อยู่จากประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีควันพวยพุ่งหลังไฟไหม้ตั้งแต่ตอนตีหนึ่งกว่าของวันพฤหัสบดี (31 ส.ค.) เพลิงลุกโหมนาน 12 ชม. ควันดำขโมง ผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 74 คน รวมเด็ก 12 คน บาดเจ็บ 50 คน ฮือฮามีคนหนีไฟเสี่ยงตายยอมกระโดดออกนอกหน้าต่าง ภาพสยองศพเกลื่อน คนไม่พอใจหนักไฟไหม้ไปแล้วร่วมชั่วโมงกว่ารถดับเพลิงจะมาถึง ด้านประธานาธิบดี ซีริล รามาโฟซา มาดูที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (31 ส.ค.) ว่า อาคารที่อาศัยสูง 5 ชั้นต้นเพลิงในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ยังคงมีควันดำพวยพุ่งถึงแม้จะผ่านมานานร่วม 12 ชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุเมื่อช่วงต้นของวัน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารขนาด 5 ชั้น อยู่ในย่านถิ่นยากจนเมืองโจฮันเนสเบิร์ก
รอยเตอร์รายงานว่า อพาร์ตเมนต์แห่งนี้เป็นของเมืองโจฮันเนสเบิร์ก แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้อาศัย โดยมีเจ้าหน้าที่ 1 รายชี้ว่า ห้องถูกเช่าโดยกลุ่มแก๊งอาชญากร แต่ทว่าบีบีซีรายงานว่า เป็นที่พักอาศัยของบรรดาผู้อพยพไร้ที่อยู่ที่เดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้านแอฟริกาใต้
หน่วยงานฉุกเฉินแอฟริกาใต้จำนวนมากอยู่ในจุดที่เกิดเหตุ ขณะที่ศพผู้เสียชีวิตที่อยู่ใต้ผ้าห่มนอนเรียงรายบนถนนใกล้เคียง
จำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 74 ราย โดยที่มี 1 รายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล นอกนั้นเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่นำร่างทั้งหมด 73 ศพออกมาจากอาคาร
ผู้เสียชีวิต 74 ราย ประกอบไปด้วยผู้หญิง 24 คน ผู้ชาย 40 คน และอีก 10 คนไม่สามารถระบุเพศได้ มีเด็กเสียชีวิตทั้งหมด 12 ราย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจให้ชาวแอฟริกาใต้ที่ออกมาตำหนิถึงความล่าช้าของหน่วยฉุกเฉินแอฟริกาใต้ในการรับมือไปยังที่เกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อพาร์ตเมนต์ต้นเพลิงตั้งห่างออกไปแค่ไม่กี่นาทีจากสถานีดับเพลิงอย่างน้อย 2 แห่ง
เมืองโจฮันเนสเบิร์กกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า อพาร์ตเมนต์เกิดเพลิงไหม้ขึ้นเมื่อเวลา 01.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพฤหัสบดี (31) แต่ทว่าหน่วยดับเพลิงไม่ได้เดินทางไปที่เกิดเหตุจนกระทั่ง 1 ชม.หลังจากนั้น
สื่อท้องถิ่นแอฟริกาใต้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงเพื่อพยายามดับไฟที่กำลังไหม้ลุกโหม มีรายงานว่าไฟสามารถดับลงได้ภายในเวลา 08.00 น. แต่เป็นที่น่าประหลาดที่ควันดำยังคงโชยออกมาจากอพาร์ตเมนต์
ทว่าในงานแถลงข่าวในเวลาต่อมา ผู้จัดการเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ฟลอยด์ บริงค์ (Floyd Brink) ออกมาแก้ตัวว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาถึงจุดที่เกิดเหตุภายใน 10 นาที โดยได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อเวลา 01.19 น.
มีการส่งรถดับเพลิงมาที่เกิดเหตุ 2 คัน รวมถึงเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 43 คน และเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินอีกเป็นจำนวนมาก
บีบีซีรายงานว่า ในเหตุการณ์มีคนที่อาศัยในอพาร์ตเมนต์หนีตายยอมกระโดดออกนอกหน้าต่างเพื่อเอาตัวรอด แต่กลับพบว่ามีบางส่วนเสียชีวิต
มุสซี ฮามิสซา (Mussi Hamissa) จากแทนซาเนียเปิดใจว่า เขาตกใจตื่นกลางดึกและได้ยินเสียงคนตะโกนดังลั่นว่า ไฟไหม้ ไฟไหม้
ด้วยความตกใจเขาได้เห็นไฟสีส้มลูกใหญ่กำลังเข้ามาที่ห้องของเขาที่อยู่บนชั้น 3 ของอาคารที่อดีตเคยเป็นของเมือง แต่ทว่าในเวลาต่อมาผู้อพยพต่างเมืองลักลอบเข้ามาใช้อย่างไม่เป็นทางการ
ฮามิสซาพร้อมกับภรรยาและลูกน้อยทารกวัย 1 เดือนตัดสินใจกระโดดออกจากหน้าต่างลงสู่พื้นคอนกรีตเบื้องล่างเพื่อหนีตาย
โดยเขากระโดดลงมาก่อนและได้แผลฟกช้ำก่อนที่ภรรยาจะหย่อนเด็กทารกลงมาและเขารับตัวไว้ได้โดยปลอดภัย
ฮามิสซาอาศัยที่อาคารแห่งนี้มา 3 ปีแล้ว เปิดเผยว่า เพื่อนบ้านได้เห็นตัวอย่างและกระโดดออกมาจากหน้าต่างบ้างแต่ไม่รอดชีวิต ฮามิสซาชี้ว่า เขาได้เห็นร่างผู้เสียชีวิตกลาดเกลื่อนเป็นจำนวนมาก
“มีศพเป็นจำนวนมาก...มีศพผู้เสียชีวิตมากเกินไป ซึ่งผมไม่สามารถช่วยพวกเขาได้”
บีบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ซีริล รามาโฟซา มีกำหนดมาที่เกิดเหตุในเวลา 17.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น เขากล่าวถึงเหตุไฟไหม้โจฮันเนสเบิร์กที่มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากว่า “เป็นโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรง”
