อิทธิพลของพายุโซนร้อนฮิลารี (Hilary) ซึ่งพัดเข้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ทางตะวันออกและตะวันตกของนครลอสแองเจลิสเมื่อวันอาทิตย์ (20 ส.ค.) หลังจากที่พายุลูกนี้ได้ซัดเข้าถล่มคาบสมุทรบาฮาแคลิฟอร์เนียของเม็กซิโก จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 1 ราย
ฮิลารีซึ่งเคยเป็นเฮอร์ริเคนระดับ 4 ได้อ่อนกำลังลงจนกลายมาเป็นพายุโซนร้อนขณะที่มุ่งหน้าสู่เมืองติฮัวนา (Tijuana) ซึ่งเป็นเมืองชานแดนของเม็กซิโก โดยเมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (20) ศูนย์กลางของพายุลูกนี้ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนียด้วยความเร็วลมสูงสุด 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 37 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ (NHC) ระบุว่า พายุโซนร้อนลักษณะนี้เกิดขึ้นน้อยมากในแถบตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย พร้อมทั้งประกาศเตือนฝกตกหนักเป็นประวัติการณ์ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่
เกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียได้ประกาศภาวะฉุกเฉินครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย และออกคำเตือนเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันไปจนถึงเวลา 3.00 น. ของวันจันทร์ (21) เป็นอย่างน้อย
นักอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า เขตเทือกเขาและทะเลทรายของรัฐแคลิฟอร์เนียอาจจะมีปริมาณน้ำฝนมากถึง 12-25 เซนติเมตร หรือเทียบเท่ากับปริมาณฝนที่ตกในทะเลทราย 1 ปี
ฮิลารีซึ่งถือเป็นพายุโซนร้อนลูกแรกที่ซัดเข้าถล่มเทศมณฑลลอสแองเจลิสนับตั้งแต่ปี 1939 หรือในรอบกว่า 80 ปี ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่บริเวณเทือกเขาเซนต์แกเบรียลทางตะวันออก รวมถึงพื้นที่ชายฝั่งเทศมณฑลเวนทูราทางตะวันตกเฉียงเหนือ
ชายหาดหลายแห่งในรัฐแคลิฟอร์เนียถูกสั่งปิดชั่วคราว ขณะที่ประชาชนจำนวนมากแห่กักตุนน้ำดื่มและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น
เทศมณฑลซานเบอร์นาดิโนได้มีคำสั่งอพยพประชาชนในหลายเมืองซึ่งตั้งอยู่ในเขตภูเขาและหุบเขา ขณะที่ผู้ใช้สื่อโซเชียลมีเดียมีการแชร์ภาพมวลน้ำที่ไหลหลาก รวมถึงดินโคลน ก้อนหิน และต้นไม้ที่ถูกกระแสน้ำพัดพาไป
สำนักงานของผู้ว่าฯ แคลิฟอร์เนียได้ประกาศได้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวขึ้น 5 แห่ง และระดมเจ้าหน้าที่กว่า 7,500 นาย รวมถึงกองกำลังเนชันแนลการ์ด และหน่วยปฏิบัติการกู้ชีพน้ำหลาก เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย
ที่มา : รอยเตอร์