ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ รับปากจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประสบภัยพิบัติไฟป่าที่รัฐฮาวาย “โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์แนวทางการตอบสนองของภาครัฐที่ไร้ประสิทธิภาพ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไฟป่าบนเกาะเมาวี (Maui) เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 106 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกราว 1,300 คน
ไบเดน วัย 80 ปี กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างไปเยี่ยมชมโรงงานแห่งหนึ่งในรัฐวิสคอนซิน โดยระบุว่า “จิล ภรรยาของผมและตัวผมจะเดินทางไปฮาวายโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า สาเหตุที่ตนไม่เดินทางไปฮาวายในทันทีก็เพราะ “ไม่อยากเป็นอุปสรรค” ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ การเดินทางลงพื้นที่ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นภารกิจอันซับซ้อนซึ่งจะต้องมีการวางแผนทั้งในด้านโลจิสติกส์ และมาตรการคุ้มกันความปลอดภัย อีกทั้งยังมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจทำให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไม่สามารถทุ่มเททรัพยากรในการต่อสู้ไฟป่าได้อย่างเต็มที่
ไบเดน ประกาศให้สถานการณ์ไฟป่าในรัฐฮาวายเป็น “ภัยพิบัติครั้งใหญ่” (major disaster) เพื่อปลดล็อกเงินทุนช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง พร้อมยืนยันว่าตนได้พูดคุยหารือสถานการณ์กับจอช กรีน ผู้ว่าการรัฐฮาวาย มาแล้วหลายครั้ง และรับปากว่ารัฐบาลกลาง “พร้อมจะสนับสนุนความช่วยเหลือทุกอย่างที่จำเป็น”
ทางการรัฐฮาวายระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟป่าครั้งรุนแรงเพิ่มเป็นอย่างน้อย 106 รายเมื่อวานนี้ (15) ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ต้องขยายโรงเก็บศพชั่วคราวเพื่อรับมือกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น
ไฟป่าที่เมืองลาไฮนา (Lahaina) บนเกาะเมาวีถูกยกให้เป็นภัยพิบัติไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดของสหรัฐฯ ในรอบกว่า 100 ปี ขณะที่ผู้ว่าการรัฐฮาวายก็เตือนให้ประชาชนเตรียมใจว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจจะพุ่งสูงขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว
สำนักงานบริหารธุรกิจขนาดย่อมแห่งสหรัฐฯ (US Small Business Administration) เริ่มปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประสบภัยพิบัติ เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าฮาวายได้สร้างเนื้อสร้างตัวใหม่ ขณะที่สำนักงานจัดการภาวะฉุกเฉินของรัฐบาลกลาง (Federal Emergency Management Agency - Fema) ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือให้อีก 700 ดอลลาร์สหรัฐต่อครัวเรือน เพื่อตอบสนองความจำเป็นเฉพาะหน้า
ที่มา : เอเอฟพี, BBC