รองประธานาธิบดี วิลเลียม ไล่ (William Lai) ตัวเต็งแคนดิเดตประธานาธิบดีคนต่อไปของไต้หวัน ให้สัมภาษณ์วันนี้ (15 ส.ค.) ว่า ตนไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนชื่อทางการของเกาะไต้หวัน พร้อมย้ำว่าไต้หวัน “ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติของจีน” อยู่แล้ว
ไล่ เคยแสดงความคิดเห็นหลายอย่างที่สร้างความเดือดดาลต่อรัฐบาลจีน ตัวอย่างเช่นการพูดว่าตนนั้นคือ “คนทำงานการเมืองเพื่อเอกราชไต้หวัน” ซึ่งถือเป็นการแสดงจุดยืนล้ำเส้นสำหรับปักกิ่งที่มองว่าเกาะแห่งนี้คือดินแดนในอธิปไตยของจีน
ไล่ เคยกล่าวย้ำหลายครั้งว่า เขาไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบัน (status quo) ของไต้หวัน แต่ก็ขอยืนยันความจริงที่ว่าไต้หวันเป็น “ประเทศอิสระ” ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “สาธารณรัฐจีน” (Republic of China) และอนาคตของไต้หวันก็จะต้องให้ชาวไต้หวันเท่านั้นเป็นผู้ตัดสิน
“เราต้องยอมรับความจริง ซึ่งผมหมายถึงความจริงในเชิงปฏิบัติที่ว่า ไต้หวันคือประเทศอิสระที่มีอธิปไตยของตนเองอยู่แล้ว โดยเรียกว่าสาธารณรัฐจีน (ROC) และไต้หวันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC)” ไล่ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
“ROC และ PRC ไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของกันและกัน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องประกาศเอกราช” เขาย้ำ
รัฐบาลสาธารณรัฐจีนได้หลบหนีไปยังเกาะไต้หวันเมื่อปี 1949 หลังจากที่พ่ายแพ้สงครามกลางเมืองให้กับพรรคคอมมิวนิสต์ภายใต้การนำของ เหมา เจ๋อตง ซึ่งเป็นผู้สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นมา
“ชื่อในปัจจุบันที่ถูกระบุไว้ในรัฐธรรมนูญของเราก็คือ สาธารณรัฐจีน” ไล่ กล่าว
“และเพื่อเคารพความเป็นหนึ่งเดียวของสังคมไต้หวัน ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ได้เรียกประเทศของเราว่าสาธารณรัฐจีนเสมอ ซึ่งผมก็จะทำแบบเดียวกันในอนาคต”
“เราไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงชื่อประเทศของเรา”
ไต้หวันจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในเดือน ม.ค
ปี 2024 และประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งซ้ำอีกได้เนื่องจากติดเงื่อนไขรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย
ไช่ เคยยื่นข้อเสนอเปิดเจรจากับจีนหลายครั้ง แต่ถูกปักกิ่งปฏิเสธ ในขณะที่ ไล่ เองบอกว่าประตูแห่งการพูดคุยนั้นเปิดกว้างเสมอ ตราบใดที่อยู่บนพื้นฐานของ “ความเสมอภาคและการให้เกียรติกัน”
“เราไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับจีน เราต้องการเป็นมิตร และเราเองก็อยากเห็นจีนมีความเป็นประชาธิปไตยและเสรีภาพเช่นเดียวกับที่เรามี” ไล่ กล่าว
“อย่างไรก็ตาม จนกว่าจีนจะเลิกขู่ใช้กำลังทหารรุกรานไต้หวัน เราก็จำเป็นที่จะต้องเสริมศักยภาพด้านการป้องกันตนเองต่อไป”
ไล่ อยู่ระหว่างการเยือนปารากวัยเพื่อร่วมพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีคนใหม่ โดยปารากวัยนั้นเป็น 1 ใน 13 ประเทศที่ยังมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน
ที่มา: รอยเตอร์