เอเจนซีส์ - กองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำแอฟริกา AFRICOM ล่าสุดสั่งการให้กองกำลังสหรัฐฯ ในไนเจอร์เริ่มใช้มาตรการป้องกันตัวเอง กำลังรัฐประหารไนเจอร์ข่มขู่จะสังหารประธานาธิบดี โมฮาเหม็ด บาซูม หาก ECOWAS ใช้กำลังเแทรกแซง หลังลงมติกระหึ่มในที่ประชุมวันพฤหัสบดี (10 ส.ค.) ให้กำลังทหารชาติสมาชิกอยู่ในความพร้อม ด้านไอเวอร์รีโคสต์ส่งทหารเข้าร่วมปฏิบัติการ 1,100 นาย ตามหลังเบนิน ไนจีเรีย ส่วนฝรั่งเศสสุดฉุนโต้ข้อกล่าวหาไนเจอร์ เครื่องบินทหารฝรั่งเศสไม่ได้ล้ำน่านฟ้าวันพุธ (9 ส.ค.) ตามข้อหาจากนีอาเม
นิวสวีก สื่อสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (10 ส.ค.) ว่า โฆษกกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำแอฟริกา AFRICOM แถลงกับนิวสวีกถึงสถานการณ์ในไนเจอร์ที่สหรัฐฯ มีกำลังทหารประจำอยู่ที่นั่นว่า “AFRICOM กำลังเฝ้าจับตาในสถานการณ์ในไนเจอร์ และกองกำลังสหรัฐฯ ยังคงใช้มาตรการป้องกัน”
สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า กองกำลังทหารอเมริกันประจำไนเจอร์ได้เริ่มต้นใช้มาตรการป้องกันตัวเองเพื่อปกป้องชีวิตกำลังพลเกิดขึ้นหลังกลุ่มชาติแอฟริกาตะวันตก ECOWAS วันพฤหัสบดี (10) ได้ประกาศอนุมัติให้กำลังทหารของชาติสมาชิกอยู่ในการเตรียมความพร้อมสำหรับปฏิบัติการทางทหารที่อาจจะเกิดขึ้นในไนเจอร์ หลังจากคณะรัฐประหารไนเจอร์ที่นำโดย พล.อ.อับดุลราห์มาน ทะเชียนิ ที่เคยทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหน่วยอารักประธานาธิบดี โมฮาเหม็ด บาซูม เมินเส้นตายการคืนอำนาจกลับให้บาซูม และหันไปเจรจาเพื่อขอความช่วยเหลือจากกองกำลังทหารรับจ้างวากเนอร์รัสเซียของเยฟเกนี ปรีโกจีนที่แผ่อิทธิพลไปทั่วกาฬทวีปในเวลานี้
ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างฝรั่งเศสและอดีตชาติอาณานิคมในแอฟริกา ฝรั่งเศสซึ่งมีกำลังทหารประจำอยู่ในไนเจอร์เช่นกันในวันพุธ (9) โดยมีราว 1,500 นาย ถูกคณะรัฐประหารไนเจอร์กล่าวหาว่า เครื่องบินทหารฝรั่งเศสละเมิดน่านฟ้าและปล่อยกลุ่มผู้ก่อการร้าย
อัลอาราบียาของซาอุดีอาระเบียรายงานว่า กลุ่มรัฐประหารไนเจอร์กล่าวผ่านแถลงการณ์ออกทางโทรทัศน์มีใจความว่า เครื่องบินกองทัพฝรั่งเศสตั้งใจตัดสัญญาณการติดต่อกับหอควบคุมการจราจรทางอากาศในการเข้าสู่น่านฟ้าของพวกเราระหว่างเวลา 06.39-11.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ (9)
เป็นเครื่องบินทหารฝรั่งเศสบินออกมาจากชาดประเทศเพื่อนบ้านบินเข้ามาที่ไนเจอร์
อย่างไรก็ตาม ปารีสออกมาโต้ข้อกล่าวหาทันทีใน 2 ข้อกล่าวหาทั้งล้ำน่านฟ้าและปล่อยตัวกลุ่มก่อการร้าย โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดได้เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เที่ยวบินที่ถูกอ้างจากกลุ่มรัฐประหารนั้นได้รับการอนุมัติและได้ประสานกับกองทัพไนเจอร์แล้ว
นอกจากนี้ ฝรั่งเศสโต้ข้อกล่าวหาปล่อยตังผู้ก่อการร้ายโดยชี้ว่า กำลังทหารฝรั่งเศสไม่ได้ปล่อยกลุ่มผู้ก่อการร้ายให้เป็นอิสระตามแถลงการณ์จากไนเจอร์
การสั่งการของ ECOWAS ให้กำลังทหารชาติสมาชิกแอฟริกาตะวันตกจำนวนมากอยู่ในความพร้อมไม่ต่างจากนาโตเริ่มต้นใช้ข้อบังคับที่ 5 โดยประธานาธิบดีไอวอรีโคสต์ประกาศจะส่งกำลังทหารของตัวเองเข้าร่วมปฏิบัติการทหารในไนเจอร์สูงสุด 1,100 นาย
สำนักข่าว TASS ของรัสเซียรายงานวันนี้ (11) ว่า ประธานาธิบดีไอวอรีโคสต์ อลัสซาน อูอัตทารา (Alassane Ouattara) ได้แสดงความเห็นว่าเตรียมส่งกำลังทหารราว 850-1,100 นายร่วมตามหลังชาติแอฟริกันอื่น รวม ไนจีเรีย และเบนิน
เขาได้แสดงความวิตกเป็นอย่างมากต่อสถานการณ์ในไนเจอร์ พร้อมกันนี้ยังเปิดเผยถึงบรรยากาศในที่ประชุม ECOWAS วันพฤหัสบดี (10) ที่กรุงอาบูจา ของไนจีเรียว่า บรรดาผู้นำชาติสมาชิกต่างต้องการให้เริ่มต้นให้ปลดล็อกมาตรการให้กำลังทหารอยู่ในความพร้อมโดยเร็วที่สุด
ขณะที่แอฟริกานิวส์ซึ่งอยู่ในเครือของยูโรนิวส์รายงานล่าสุดว่า เจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นชายเปิดเผยว่า คณะรัฐประหารไนเจอร์กล่าวว่า จะสังหารบาซูมหากว่ากลุ่มชาติแอฟริกันจะใช้ปฏิบัติการทหารเข้าแทรกแซงไนเจอร์ แหล่งข่าวตะวันตก 2 คนเปิดเผยกับเอพี
ทั้งนี้ พบว่าแหล่งข่าวทั้ง 2 เปิดเผยกับเอพีก่อนที่ผู้นำ 9 ชาติจากทั้งหมด 15 ชาติของกลุ่ม ECOWAS จะเริ่มต้นประชุมในวันพฤหัสบดี (10)
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทหารของชาติยุโรปกล่าวว่า กำลังทหารไนเจอร์ได้ยืนยันในสัปดาห์นี้กับรักษาการผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ วิคตอเรีย นูแลนด์ (Victoria Nuland) ที่ต้องการเข้าพบบาซูม แต่โดนปฏิเสธว่า พวกเขาตั้งใจสังหารประธานาธิบดีบาซูม ที่ในเวลานี้ถูกควบคุมตัวอยู่ในทำเนียบและมีข่าวว่ากำลังขาดอาหาร
อดีตเจ้าหน้าที่ทหารอังกฤษที่เคยทำงานอยู่ในไนจีเรียให้สัมภาษณ์กับเอพีว่า การประกาศมาตรการของ ECOWAS ถูกมองว่าเป็นเสมือนไฟเขียวให้เริ่มต้นการรวมกำลังพลทางการทหารเพื่อทำให้ระบอบประชาธิปไตยของไนเจอร์กลับคืน
นิวสวีกชี้ว่า แต่อาจเป็นงานยากเพราะเพื่อนบ้านไนเจอร์ เช่น มาลี บูร์กินาฟาโซ กินี ซึ่งมีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นและได้ถอนตัวออกมาจาก ECOWAS มีความวิตกต่อการเข้าแทรกแซงทางการทหารจากทางกลุ่ม โดยมาลี และบูร์กินาโฟโซยืนยันว่า หาก ECOWAS เข้าแทรกแซงจะมองว่าเป็นการทำสงคราม ซึ่งกลุ่มวากเนอร์ของรัสเซียมีอิทธิพลในประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจผ่านการปฏิวัติในแอฟริกา เป็นต้นว่า มาลี
ซึ่งนอกเหนือจากทั้ง 3 ชาติ พบว่า แอลจีเรียที่มีพรมแดนติดไนเจอร์ทางเหนือแสดงความวิตกเช่นกัน
แอฟริกานิวส์รายงานถึงสถานการณ์ทั่วไปในไนเจอร์ตั้งแต่หลังรัฐประหารว่า ประชาชนทั่วไปมีชีวิตลำบากและไม่สามารถทำงานเลี้ยงชีพได้ตามปกติในประเทศที่จัดว่าเป็นหนึ่งในชาติที่ยากจนที่สุดในโลก
อามิดู อัลาบาเด (Hamidou Albade) วัย 48 ปี เปิดใจว่า เขาไม่สามารถเปิดร้านที่ตั้งอยู่ในย่านชานกรุงนีอาเมได้ตามปกติเนื่องมาจากไม่มีไฟฟ้า และอัลบาเดที่ทำงานเป็นคนขับรถแท็กซี่เสริมเปิดเผยว่า นอกจากนี้ยังขาดรายได้เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติหนี “มันลำบากมาก ผมอยู่บ้านโดยไม่ได้ทำอะไร” และเสริมต่อว่า “พวกเรากำลังทุกข์ยากเวลานี้ แต่ผมรู้ว่าคณะรัฐประหารจะหาทางออกจากวิกฤตนี้”