บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหราชอาณาจักร เตือนต่อการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจีน อ้างว่าเทคโนโลยีที่ฝังอยู่ในยานยนต์เหล่านั้นอาจถูกใช้สำหรับสอดแนมพลเรือน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะเทเลกราฟเมื่อวันอาทิตย์ (6 ส.ค.)
ในขณะที่จีนก้าวมาเป็นผู้นำในตลาดอีวีโลก ยานยนต์ราคาย่อมเยาของจีนถูกคาดหมายว่าจะกลายมาเป็นเจ้าตลาดในยอดขายรถยนต์ของสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตามบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจาก 2 ฟากฝั่ง หยิบยกความกังวลไปยังรัฐบาล ว่าสหราชอาณาจักรกำลังสูญเสียการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานอันสำคัญให้แก่ปักกิ่ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้มาพร้อมกับความเสี่ยงด้านความมั่นคง
"ถ้ามันผลิตในประเทศหนึ่งอย่างเช่นจีน แล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่ามันจะไม่เป็นยานพาหนะสำหรับรวบรวมข้อมูลหรือข่าวกรอง? ถ้าคุณมีรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตโดยประเทศต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อการสอดแนมอยู่ก่อนแล้ว แล้วทำไมพวกเขาถึงจะไม่ทำมันแบบเดียวกันกับที่นี่ล่ะ?" เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งในรัฐบาลสหราชอาณาจักร ให้สัมภาษณ์กับเทเลกราฟโดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม
เสียงเรียกร้องนี้มีขึ้นตามหลังร่างกฎหมายใหม่ของรัฐบาล ที่ทางบริษัทต่างๆ จะถูกกำหนดโควตาสำหรับการขายรถยนต์ปราศจากมลพิษในปีหน้า ก่อนหน้าจะมีการแบนรถยนต์น้ำมันเบนซินและดีเซลในปี 2030
"เรารู้ว่าจีนมักมองในระยะยาวอยู่ตลอด ดังนั้นถ้าพวกเขามอบผลิตภัณฑ์หนึ่งที่สามารถทำได้มากกว่าการส่งมอบตามความปรารถนาของลูกค้า จาก เอ ไป บี แล้วทำไมพวกเขาจะไม่ทำเช่นนั้น" แหล่งข่าวกล่าวอ้าง "มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูง"
สหราชอาณาจักรเคยจำกัดการนำเข้าเทคโนโลยีจีนมาก่อน สืบเนื่องจากแนวโน้มความเสี่ยงด้านความมั่นคง โดยในปี 2020 รัฐบาลแบนหัวเว่ยจากโครงข่าย 5G ของสหราชอาณาจักร ออกคำสั่งให้รื้อถอนอุปกรณ์และบริการทั้งหมดของบริษัท ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2023
เมื่อปีที่แล้ว บรรดาหัวหน้าหน่วยข่าวกรองภายในของสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ กล่าวหาจีนทำการจารกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ปักกิ่งปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว พร้อมชี้ว่าหน่วยข่าวกรองสหราชอาณาจักรแค่ต้องการใช้จีนปกป้องพฤติกรรมที่น่าอับอายของตนเอง
ในปี 2021 รัฐบาลจีนเคยห้ามรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลา บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ เข้าไปยังพื้นที่ที่อ่อนไหว สืบเนื่องจากความเป็นไปได้ที่จะก่อความเสี่ยงถูกใช้รวบรวมข้อมูลโดยกล้องที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์
(ที่มา : เทเลกราฟ/อาร์ทีนิวส์)