รอยเตอร์/เอพี/เอเจนซีส์ - เพนตากอนส่งเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ USS Annapolis เดินทางเข้ามาเทียบท่าเกาหลีใต้วันจันทร์ (24 ก.ค.) กลายเป็นเรือดำน้ำนิวเคลียร์ลำที่ 2 ที่เดินทางมาเกาหลีใต้ท่ามกลางความตึงเครียดหนัก ด้านกองบัญชาการ UN เริ่มต้นสื่อสารกับเปียงยางถึงทหารอเมริกันที่ข้ามแดนเข้าไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความวิตกจากพรรครีพับลิกัน GOP ถึงสิ่งที่วอชิงตันต้องแลกเพื่อให้ได้ตัวเขากลับ พร้อมยืนยันการถูกที่ถูกเวลาของเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์สหรัฐฯ เข้าโซลกำราบความก้าวร้าวทั้งเปียงยาง-ปักกิ่ง
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (24 ก.ค.) ว่า เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ The USS Annapolis เดินทางมาถึงท่าเรือที่เกาะเจจูในวันจันทร์ (24 ก.ค ) เกิดขึ้นราว 1 สัปดาห์หลังเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ USS Kentucky เข้ามาเทียบท่าที่เมืองปูซาน
กองทัพเรือเกาหลีใต้กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า เรือดำน้ำ USS Annapolis เข้ามาแวะจอดที่เกาะเจจูเพื่อโหลดยุทธปัจจัยทางการทหารและออกปฏิบัติการที่ไม่เปิดเผย
“กองทัพเรือ 2 ชาติกำลังวางแผนที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้การป้องกันประเทศร่วมด้วยการเดินทางเข้ามาของ USS Annapolis และออกปฏิบัติการเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 70 ปีของความเป็นพันธมิตร”
เอพีชี้ว่า ขณะเดียวกันเกาหลีเหนือยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบโต้การสื่อสารกับสหรัฐฯ ที่ต้องการทราบถึงทหารอเมริกัน ทราวิส คิง ที่ข้ามแดนเข้าไปในเกาหลีเหนือนั้นว่ายังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่
บรรดานักวิเคราะห์ต่างกล่าวว่า เกาหลีเหนือน่าจะรอเป็นเวลานับสัปดาห์หรือแม้กระทั่งเป็นเดือนก่อนที่จะเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับทหารสหรัฐฯ เพื่อทำให้การต่อรองให้ประโยชน์สูงสุดต่อเปียงยาง และบีบให้ฝ่ายสหรัฐฯ ต้องพยายามรีบหาทางช่วยเขาให้กลับออกมาอย่างปลอดภัย
ซึ่งมีนักวิเคราะห์บางส่วนชี้ว่า บางทีเปียงยางอาจพยายามต่อรองกับวอชิงตันให้ยอมอ่อนข้อเพื่อแลกกับการปล่อยตัว เป็นต้นว่า การลดความเคลื่อนไหวทางการทหารกับเกาหลีใต้
รอยเตอร์รายงานว่า กองบัญชาการสหประชาชาติ (United Nations Command) ได้แถลงว่า ทางหน่วยงานได้เริ่มต้นการสื่อสารกับเกาหลีเหนือเกี่ยวกับทหารสหรัฐฯ ทราวิส คิง ที่ข้ามแดนเข้าเกาหลีเหนือเข้าไปเมื่อวันอังคาร (18) ก่อนหน้า รองผู้บัญชาการกองบัญชาการกำลังนานาชาติภายใต้การนำของสหรัฐฯ ที่กำกับการหยุดยิงสงครามเกาหลีแถลงในวันนี้ (24)
พล ท.แอนดรูว์ แฮร์ริสัน (Andrew Harrison) กล่าวในรายงานสรุปว่า การสื่อสารได้เริ่มต้นและถูกกระทำกับกองทัพเกาหลีเหนือผ่านเครื่องมือที่มีอยู่เดิมภายใต้ข้อตกลงสงครามเกาหลี
“ความกังวลแรกของพวกเราคือสวัสดิภาพของพลทหารคิง”
เอบีซีนิวส์ของสหรัฐฯ รายงานว่า ประธานคณะกรรมาธิการด้านการต่างประเทศประจำสภาล่างสหรัฐฯ ไมเคิล แม็คคอล (Michael McCaul) ซึ่งเป็น ส.ส.รัฐเทกซัส จากพรรครีพับลิกันกล่าวในรายการโทรทัศน์ในอเมริกาวันอาทิตย์(23)ในเรื่องนี้ว่า เขาวิตกว่าเกาหลีเหนือจะเรียกร้องการอ่อนข้อจากสหรัฐฯ เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนสำหรับการปล่อยตัวชาวอเมริกัน ทราวิส คิง ทหารที่สัปดาห์ที่ผ่านมาข้ามแดนจากเกาหลีใต้เข้าไป
“เขากำลังหนีทหารเช่นนั้นหรือ? ผมคิดว่ามันราวกับว่าเขากำลังวิ่งหนีจากปัญหาของตัวเองมากกว่า” แม็คคอลกล่าวโดยชี้ไปถึงการที่คิงเตรียมถูกส่งตัวกลับไปสหรัฐฯ เพื่อต้องรับโทษเพิ่มเติมที่นั่น
ซึ่งเดลีบีสต์รายงานล่าสุดว่า มีรายงานใหม่เปิดเผยว่า คิงในปีที่ผ่านมาเคยประกาศจะไม่ขอเดินทางกลับไปสหรัฐฯ หรือที่ตั้งทางการทหาร
อย่างไรก็ตาม แม็คคอลแสดงความเห็นว่า “นั่นเป็นสถานที่ผิดที่เข้าไป แต่อย่างไรก็ตามพวกเราได้เห็นสิ่งนี้ที่ทั้งรัสเซีย จีน อิหร่าน ในเวลาที่ประเทศเหล่านี้ควบคุมตัวชาวอเมริกันโดยเฉพาะทหาร ประเทศเหล่านี้ประเมินไปถึงราคาสำหรับสิ่งนั้น”
และกล่าวว่า “และนั่นเป็นสิ่งที่ผมวิตก” เขากล่าวอีกว่า “ผมมั่นใจว่าเขา (ทราวิส คิง) จะไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดี” และ “ผมคิดว่ามันเกิดมาจากตัวเขาที่ทำอย่างผิดพลาดร้ายแรงและผมหวังว่าพวกเราจะสามารถนำเขากลับมาได้"
แกนนำระดับสูงของ GOP กล่าวถึงการปรากฏตัวของเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ที่เกาหลีใต้ว่า “ถือเป็นสิ่งที่ดี” โดยแสดงความเห็นว่า
“มันเป็นการแสดงแสนยานุภาพความแข็งแกร่งที่พวกเราจำเป็นในเวลานี้พื่อป้องปรามความแข็งกร้าว”
ประธานคณะกรรมาธิการด้านการต่างประเทศสภาล่างสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า “พวกเราได้เห็นความก้าวร้าวสูงที่ออกมาไม่ใช่เฉพาะแต่เกาหลีเหนือและการยิงขีปนาวุธลงทะเลญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นความก้าวร้าวที่พวกเราได้เห็นจากจีน (เกี่ยวกับไต้หวัน)”
ในรายการวันอาทิตย์ (23) แม็คคอลกล่าวแสดงความเห็นว่า “เกาหลีเหนือจำเป็นต้องรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นั่นและพวกเราเหนือกว่าที่มีทั้งเรือดำน้ำและเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ พวกเราต้องเข้าไปอยู่ในหัวของพวกเขาและของประธานสี (สี จิ้นผิง) ที่ว่าหากว่าพวกเขาเกิดทำอะไรที่เป็นความก้าวร้าวทางการทหาร มันจะต้องมีผลที่ตามมาหลังจากนั้น”