ขีปนาวุธที่รัสเซียยิงสาดเข้าใส่เมืองท่าโอเดสซา (Odesa) ทางตอนใต้ของยูเครนเมื่อวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 20 คน และยังสร้างความเสียหายต่อมหาวิหารออร์โธดอกซ์ใจกลางเมืองซึ่งถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลก
โอเลห์ คีเปอร์ ผู้ว่าการแคว้นโอเดสซา โพสต์ข้อความผ่านแอป Telegram ว่า “โอเดสซา: อีกหนึ่งค่ำคืนของการโจมตีโดยพวกปีศาจร้าย” พร้อมระบุว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียทำลายบ้านเรือนและอพาร์ตเมนต์ไป 6 หลัง และทำให้มีคนบาดเจ็บต้องนำส่งโรงพยาบาลอีก 14 คน
ด้านประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน แถลงว่า ผู้บาดเจ็บ 4 คนเป็นเยาวชนที่อายุระหว่าง 11-17 ปี และมีอาคารได้รับความเสียหายไปถึง 50 หลัง รวมถึงสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีความสำคัญด้านสถาปัตยกรรม 25 แห่ง ขณะที่สถานกงสุลกรีซพลอยโดนลูกหลงไปด้วย
ชาวบ้านในพื้นที่ต่างจ้องมองด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นอาสนวิหารพระเยซูทรงจำแลงพระกาย (Transfiguration Cathedral) โบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1794 และตั้งอยู่ในเขตพื้นที่มรดกโลกขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ถูกขีปนาวุธรัสเซียถล่มจนเสียหายยับเยิน
ออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ได้มีถ้อยแถลงประณามการโจมตีอันอุกอาจครั้งนี้ว่าเป็น “การยกระดับความรุนแรงต่อมรดกทางวัฒนธรรมของยูเครน” ขณะที่รัฐบาลเคียฟชี้ว่า การพุ่งเป้าโจมตีมหาวิหารว่าเข้าข่ายเป็น “อาชญากรรมสงคราม” และยังบอกด้วยว่าสถานที่แห่งนี้ “เคยถูกทำลายมาแล้ว 2 ครั้ง โดยสตาลิน และปูติน”
เซเลนสกี ระบุว่า มหาวิหารแห่งนี้ถูกยิงด้วยขีปนาวุธ Kh-22 ซึ่งเป็นมิสไซล์ยุคสหภาพโซเวียตที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้จู่โจมเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ พร้อมประกาศว่ายูเครนจะ “แก้แค้น” รัสเซีย
“แล้วพวกเขาจะต้องรู้สึก” ผู้นำยูเครนกล่าว “เราจะยอมให้คนทั่วโลกชาชินกับการโจมตีก่อการร้ายแบบนี้ไม่ได้”
“ขีปนาวุธเหล่านี้ไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีเมือง หมู่บ้าน หรือประชาชนเท่านั้น แต่รวมถึงมนุษยชาติและรากฐานวัฒนธรรมของชาวยุโรปทั้งหมด”
ระหว่างการแถลงข่าวประจำวัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่าได้ยิงขีปนาวุธถล่มเป้าหมายต่างๆ ในโอเดสซา “ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่เพื่อการเตรียมก่อการร้าย” ขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธรายงานของฝ่ายยูเครนที่อ้างว่าอาสนวิหารพระเยซูทรงจำแลงพระกายถูกทำลายด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย
กระทรวงกลาโหมหมีขาวชี้แจงว่า เป้าหมายต่างๆ ในโอเดสซานั้น “ตั้งอยู่ห่างในระยะปลอดภัย” จากมหาวิหาร และเชื่อว่ามหาวิหารน่าจะถูกทำลายโดยขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของฝ่ายยูเครนเองมากกว่า
รัสเซียส่งทั้งขีปนาวุธและโดรนเข้าไปถล่มเมืองโอเดสซาซ้ำแล้วซ้ำเล่า นับตั้งแต่ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงส่งออกธัญพืชยูเครนเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (17)
ภายใต้ข้อตกลงอายุ 1 ปี ซึ่งยูเอ็นและตุรกีรับหน้าที่เป็นคนกลางเจรจา รัสเซียได้ยอมเปิดทางให้ยูเครนสามารถส่งออกธัญพืชผ่านท่าเรือต่างๆ ในทะเลดำได้ ขณะที่ยูเอ็นก็รับปากจะช่วยสนับสนุนให้รัสเซียสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารและปุ๋ยไปตลาดต่างประเทศได้เช่นกัน
แม้สินค้าประเภทอาหารและปุ๋ยจากรัสเซียจะไม่ถูกคว่ำบาตรโดยชาติตะวันตก แต่มอสโกชี้ว่าข้อจำกัดในด้านธุรกรรมการเงิน โลจิสติกส์ และการประกันภัยมีผลเทียบเท่ากับการแบนสินค้าโดยปริยาย
มอสโกแถลงในวันพุธที่แล้ว (19) ว่าจะให้เวลายูเอ็น 3 เดือนในการปฏิบัติตามเงื่อนไขของบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่กำหนดให้ยูเอ็นต้องช่วยอำนวยความสะดวกแก่รัสเซียในการส่งออกผลิตผลทางการเกษตร หากต้องการให้มอสโกยอมฟื้นเจรจาเปิดทางยูเครนส่งออกธัญพืช
ที่มา : รอยเตอร์