xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ ระงับเงินอุดหนุน ‘สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น’ เซ่นข้อครหาแพร่โควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐฯ (HHS) ประกาศหยุดให้เงินทุนสนับสนุนแก่สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น (Wuhan Institute of Virology) ของจีน หลังห้องปฏิบัติการแห่งนี้ถูกบรรดาเจ้าหน้าที่ในวอชิงตันครหาว่าเป็นต้นตอของโรคระบาดใหญ่โควิด-19

โฆษก HHS แถลงวานนี้ (19 ก.ค.) ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่า สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น “จะไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ อีกแม้แต่ดอลลาร์เดียว” เนื่องจากไม่ยอมส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางชีวภาพตามที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (National institutes of Health - NIH) ได้ร้องขอไป

เจ้าหน้าที่ HHS ระบุว่า การตัดงบอุดหนุนสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นนั้น “มีความจำเป็น เพื่อบรรเทาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของประชาชน”

สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นได้รับแจ้งเรื่องการระงับเงินอุดหนุนเมื่อวันจันทร์ (17) ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถของบสนับสนุนหรือเข้าร่วมโครงการใดๆ กับรัฐบาลสหรัฐฯ ได้อีก

ผลการสอบสวนโดย HHS ซึ่งกินระยะเวลา 10 เดือน พบว่า ห้องปฏิบัติการจีนแห่งนี้ “ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของรัฐบาล และไม่แสดงออกถึงความรับผิดชอบ”

HHS ยืนยันว่า สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นไม่ได้รับเงินจาก NIH ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยด้านการแพทย์ของสหรัฐฯ มาตั้งแต่เดือน ก.ค. ปี 2020

ต้นกำเนิดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งก่อให้เกิดโรคโควิด-19 นั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันทั่วไป นับตั้งแต่มีการพบผู้ป่วยรายแรกๆ ที่เมืองอู่ฮั่นของจีนเมื่อช่วงปลายปี 2019

ส.ส.รีพับลิกันได้เผยแพร่รายงานเมื่อปี 2021 ซึ่งอ้างว่า “มีหลักฐานมากมาย” บ่งชี้ว่านักวิทยาศาสตร์ของสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นทดลองดัดแปลงพันธุกรรมของไวรัสโคโรนาให้สามารถแพร่เชื้อในคน และมีความพยายามปกปิดเรื่องนี้อยู่

อย่างไรก็ดี หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ได้ประกาศเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า “ไม่พบหลักฐาน” ว่าโควิด-19 มีส่วนเชื่อมโยงโดยตรงกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นภายในสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น

คริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) แถลงเมื่อเดือน ก.พ. ว่า เอฟบีไอมีการประเมินมาสักระยะหนึ่งแล้วว่า “มีความเป็นไปได้มากที่สุด” ว่าโควิด-19 น่าจะหลุดออกมาจากห้องแล็บที่เมืองอู่ฮั่นโดยอุบัติเหตุ ขณะที่รัฐบาลจีนออกมาตอบโต้ข้อสันนิษฐานนี้ว่า “ไม่มีความน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย”

ที่มา : RT, รอยเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น