เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - อนาคตกัญชาเสรีในไทยในสมัยรัฐบาลชุดใหม่ของพรรคก้าวไกล-เพื่อไทยอาจไม่สดใสท่ามกลางความวิตกของเหล่าผู้ประกอบการกัญชาหลังว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ พิธา ลิ้มเจริญรัฐ เคยออกมาประกาศไม่สนับสนุนกัญชาเสรี ต้องการนำกลับเข้าบัญชียาเสพติดเหมือนเดิม เกิดขึ้นหลังปีที่แล้วไทยผงาดกลายเป็นชาติแรกในเอเชียที่ทำให้กัญชาถูกกฎหมาย
เดลีเทเลกราฟ สื่ออังกฤษ รายงานวานนี้ (9 ก.ค.) ว่า มิถุนายนปีที่ผ่านมาไทยกลายเป็นชาติแรกในเอเชียประกาศปลดล็อกกัญชาจากบัญชียาเสพติดและให้เป็นสิ่งถูกกฎหมาย
และนับตั้งแต่การประกาศครั้งนั้นพร้อมกับไปกับกฎเกณฑ์ที่น้อยมากเมื่อเทียบกับชาติอื่นเป็นต้นว่า สหรัฐฯ ส่งผลทำให้อุตสาหกรรมกัญชาในไทยบูม มีการเปิดร้านกัญชาทั่วไทยทั่วประเทศราว 5,000 ร้าน
อ้างอิงข้อมูลจากมหาวิทยาลัยหอการค้าพบว่าอุตสาหกรรมนั้นคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2025
เดลีเทเลกราฟชี้ว่า แต่ทว่าหลังจากการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.ที่เพิ่งผ่านมา กระแสกัญชาบูมในไทยเริ่มมีการเปลี่ยนทิศทางที่ฝ่ายค้านสามารถชนะเลือกตั้งโค่นพรรครัฐบาลไทยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้สำเร็จ แต่ทว่าพรรคก้าวไกลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพรรคปฏิรูป โดยมีว่าที่นายกรัฐมนตรีจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พิธา ลิ้มเจริญรัฐ ส่งสัญญาณต้องการนำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดอีกครั้ง
โดยในการหาเสียงเมื่อพฤษภาคม ทิม พิธาเคยประกาศว่า “พวกเราไม่สนับสนุนกัญชาเพื่อการผ่อนคลาย พวกเราไม่สนับสนุนสุญญากาศกัญชา”
ธนาวัฒน์ ศรีวิทยารักษ์ (Thanawath Srivithayaraks) วัย 39 ปี หนึ่งในนักลงทุนสายสีเขียวซึ่งเป็นคนก่อตั้งร่วมควักกระเป๋าไม่ต่ำกว่า 100,000 ปอนด์เพื่อสร้างฟาร์มกัญชาออแกนิกคุณภาพสูงในแถบชานกรุงเทพฯ หลังไทยเปิดให้กัญชาเสรีในประเทศปีที่ผ่านมา
เขากล่าวว่า “ทุกอย่างที่นี่เป็นออแกนิกทั้งหมด พวกเราให้ความสำคัญที่คุณภาพ” ระหว่างพาชมฟาร์มกัญชาที่มีหลากสายพันธุ์ในฟาร์มวงจรปิดเติบโตใต้แสงนีออนไม่ต่างที่ได้เห็นในเมืองนอก
และเสริมต่อว่า “ผมรักที่นี่ ผมต้องการให้มันเป็นเหมือนภัตตาคารที่เปิดมานานถึง 60 ปีและยังคงมีคนอัดแน่นโดยที่ไม่ต้องมีการโฆษณาเป็นเพราะผู้คนรักและเชื่อมั่นและต้องการกลับมาอีกครั้ง”
สื่ออังกฤษกล่าวว่า แต่ในไม่ช้าความฝันของเขาอาจต้องถูกควบคุมโดยบรรดานักการเมือง
ทั้งนี้ในการหาเสียงเมื่อพฤษภาคมหัวหน้าพรรคก้าวไกลยังกล่าวต่อว่า
“นำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดอีกครั้งก่อนควบคุมบังคับ ดังนั้นแล้วมันจะสามารถสร้างประโยชน์ได้มากกว่าโทษ”
ขณะที่พรรคเพื่อไทยซึ่งมีเสียงมาเป็นอันดับ 2 ในรัฐสภานั้นได้ออกมาส่งเสียงต่อต้านอย่างมากในใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ โดยชี้ว่าเป็นการทำให้คนรุ่นใหม่เสียคนและต้องมีการควบคุม
พวกเขายังชี้นิ้วไปที่ตัวเลขที่มาจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ชี้ไปว่ามีจำนวนผู้เสพเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าในช่วง 6 เดือนแรกของการประกาศเปิดเสรี
และโดยที่ไม่มีรายละเอียดมากมัก เอกสารนโยบายเห็นชอบโดยพรรคร่วมที่คาดว่าจะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังะมาถึงระบุให้นำกัญชากลับคืนสู่บัญชียาเสพติดควบคุมอีกครั้ง พร้อมกับออกกฎหมายกำกับและสนับสนุนประโยชน์ของการใช้
เดลีเทเลกราฟวิเคราะห์ว่า นี่เท่ากับบีบอุตสาหกรรมสายสีเขียวที่เพิ่งเกิดใหม่ไปจนสุดขอบซึ่งเป็นผลงานสุดภาคภูมิใจของพรรคภูมิใจไทยที่เคยผลักดันจนทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตกลงยอมไฟเขียวให้ไทยกลายเป็นชาติแรกในเอเชียเปิดกัญชาเสรีในที่สุด
ซึ่งการเปิดเสรีส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย และช่วยทำให้ระบบยุติธรรมในไทยนั้นมีความคล่องตัวมากขึ้นหลังจากนักโทษไม่ต่ำกว่า 3,000 คน ที่ต้องโทษในคดีกัญชา และอีก 10,000 คนในคดีกระท่อมได้ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า “กัญชาเพื่อสันทนาการ" ไม่เคยเป็นนโยบายปฏิรูปของพรรคก้าวไกล และอีกทั้งยังไม่เคยเป็นนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สำหรับการปลดล็อกกัญชาเสรีในปีที่แล้ว
เขากล่าวว่า กัญชาที่ถูกปลดล็อกเพื่อสำหรับเป็นทางเลือกสำหรับการรักษาโรค แต่ทว่าตลาดกัญชาเพื่อสันทนาการกลับรุกคืบและสร้างสถิติด้วยการมีร้านขายกัญชาเปิดในแค่ชั่วข้ามคืน
“พรรคก้าวไกลเป็นพรรคสายก้าวหน้าในทุกหนทาง แต่ผมคิดว่าสำหรับพวกเขาแล้วกัญชาไม่ได้ส่วนของความก้าวหน้า” ศาสตราจารย์กล่าว
และเสริมต่อว่า “แพลตฟอร์มของพรรคคือการปฏิรูปธุรกิจขนาดใหญ่ ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูปรัฐธรรมนูญ แต่กัญชาถูกมองในวงกว้างว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายและพวกเขาจะไม่ปฏิรูปความชั่วร้าย”
คิตตี้ ช่อผกา (Kitty Chopaka) นักเคลื่อนไหวรณรงค์เพื่อกัญชาเสรีและเจ้าของร้านจำหน่ายกัญชาแสดงความเห็นกับเดลีเทเลกราฟว่า “ทั้งหมดนี้มันน่าเศร้า” และเสริมต่อว่าดิฉันคิดว่า ตราบาปกำลังสร้างปัญหา...เป็นเพราะรัฐบาลไม่พยายามมากพอในการให้การศึกษากับสาธารณะระหว่างกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของการทำให้กัญชาถูกกฎหมาย”
และเธอกล่าวต่อว่า “และในเวลานี้บรรดานักการเมืองต่างพากันหาประโยชน์เพื่อคะแนนเสียงในการใช้ความกลัวที่ไม่มีอยู่จริงที่ว่าพวกเด็กๆ กำลังเสพและกำลังทำลายสังคม”
สื่ออังกฤษรายงาน นักลงทุนไทยของธุรกิจสายสีเขียวในเวลานี้ต่างพากันวิตก โดยหนึ่งในนั้นคือ คนสายบันเทิงไทยชื่อดัง สรณัฐ "เบียร์" มัสยวานิช ที่มีธุรกิจกัญชาผู้ก่อตั้ง Sukhumweed Industries ของตัวเองนั้นออกมาแสดงความเห็นว่า “แน่นอนว่าผู้คนพากันวิตกเพราะเป็นเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาล”
แต่อย่างไรก็ตาม เขาแสดงความเห็นว่า บางทีรัฐบาลชุดใหม่อาจมีปัญหาอื่นที่ใหญ่กว่ากัญชาต้องแก้ไข โดยกล่าวว่า “ราคาสินค้าปรับขึ้น ค่าไฟ คนว่างงาน ปัญหาเหล่านี้และอื่นๆ ต้องมาก่อน”
“แต่ทว่าแมวได้หลุดออกไปจากถุงแล้ว พวกเขาลบประวัติอาชญากรรมทุกคนและไม่สามารถนำกลับมาได้ และพวกเขาจะทำอะไรต่อไป? ปิดธุรกิจทั้งหมดที่เคยเปิดมาที่เคยทำให้เกิดการว่าจ้างและทำเงินเช่นนั้นหรือ?” เขากล่าว