นักเคลื่อนไหวทางสังคมเพื่อการ “เปิดเสรีตุ่มเต้า” สาขากาตาลุญญา แคว้นอนุรักษ์นิยมขั้นสุดของประเทศสเปน มีพัฒนาการครั้งสำคัญยิ่งยวด เมื่อรัฐบาลกาตาลัญเร่งบังคับใช้กฎหมายสิทธิเสมอภาคเท่าเทียม โดยออกหนังสือสั่งการไปอย่างทั่วถึงทุกระดับสายงานว่า สระว่ายน้ำสาธารณะของหน่วยงานรัฐต้องอนุญาตให้สตรีสวมชุดว่ายน้ำแบบเปลือยอก ขณะเข้าใช้บริการ บีบีซีรายงาน
สองปีกว่าที่แล้ว สภานิติบัญญัติแห่งแคว้นกาตาลุญญาได้ตรากฎหมายความเท่าเทียมออกมาในปี 2020 โดยมีประเด็นสำคัญประการหนึ่งว่า สตรีสามารถสวมชุดว่ายน้ำแบบท็อปเลสไร้ชิ้นบนได้ขณะอยู่ในสถานบริการสระว่ายน้ำของรัฐ ไม่ว่าจะในเขตเมืองหรือเขตเทศบาลของแคว้นกาตาลุญญา
กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนเลยว่าหากเจ้าพนักงานสระว่ายน้ำของรัฐไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ รัฐบาลแห่งแคว้นมีอำนาจที่จะดำเนินการปรับเจ้าพนักงานดังกล่าวเป็นเงินไม่เกิน 5 แสนยูโร หรือประมาณ 20 ล้านบาท
แต่การณ์ปรากฏว่าตลอดสองปีกว่าที่มีการตรากฎหมายมา ประชากรสตรีในกาตาลุญญาไม่สามารถว่ายน้ำในชุดท็อปเลสแสนสบายได้อย่างเท่าเทียมกับประชากรบุรุษ ดังนั้น รัฐบาลแห่งแคว้นจึงได้รับคำร้องเรียนหลายสิบเคสทุกๆ ฤดูร้อนว่า เจ้าพนักงานสระว่ายน้ำในเขตโน่นเขตนี้ ยังคอยแต่จะห้ามมิให้สตรีเข้าไปใช้สระโดยไม่สวมชุดว่ายน้ำชิ้นบนปิดบังหน้าอกหน้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การร้องเรียนโดยสมาชิกกลุ่มสิทธิสตรีที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า เปิดเสรีหัวนม หรือ Mugrons Lliures (Free the Nipple)
และที่สำคัญคือยังไม่เคยมีการดำเนินคดีต่อเจ้าพนักงานสระว่ายน้ำที่ถูกกล่าวหาในหนังสือร้องเรียน
อันที่จริง เมื่อศักราช 2020 ที่รัฐบาลกาตาลัญประสบความสำเร็จในการตรากฎหมายส่งเสริมสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมระหว่างหญิง-ชาย นั้น แคว้นกาตาลุญญาเป็นดินแดนสุดท้ายของประเทศสเปนที่ลงมือดำเนินการทางนิติบัญญัติให้กับเรื่องนี้
แต่เมื่อกฎหมายสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมถูกตราออกมา ก็ปรากฏมีการละเลยที่จะปฏิบัติตาม มีความพยายามปิดกันเสรีภาพของสตรีที่จะเปิดหัวนมรับแดดลมสายฝน ณ สระว่ายน้ำกันโดยตลอด แม้ว่าแคว้นปกครองตนเองอื่นๆ 16 แคว้น ได้พัฒนาล่วงหน้าไปไกลกันแล้วกับเรื่องชายหาดเปลื้องผ้า นู้ดบีช และสระว่ายน้ำท็อปเลส เรียกว่าไม่น้อยหน้าบรรดาประเทศมากมายในยุโรป ทั้งยุโรปตะวันตก (เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ เดนมาร์ก ฯลฯ ยกเว้นประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งกฎหมายห้ามไว้แต่ประชาชนติดท็อป 3 – ชาติที่ใส่ใจกับการเปลื้องผ้ารับแสงแดด ลำน้ำ กับสายลม มากที่สุดในโลก) และยุโรปตะวันออก (เช่น ออสเตรีย บัลแกเรีย เซอร์เบีย ยูเครน ฯลฯ ส่วนรัสเซียนั้น ห้ามอย่างเด็ดขาด)
บัดนี้ กระทรวงสิทธิสตรีและความเท่าเทียมแห่งรัฐบาลกาตาลัญได้ออกหนังสือเวียนแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งระดับเมืองและระดับเทศบาล เพื่อ “ช่วยจำ” ถึงข้อบังคับตามกฎหมาย และภาระความรับผิดจำนวนหลายแสนยูโรหากถูกกระทรวงฟ้องร้องดำเนินคดี
ในหนังสือเตือนเข้มดังกล่าว มีการย้ำว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้อง “ป้องกันมิให้มีการเลือกปฏิบัติในด้านเพศสภาพ ศาสนา หรือกระทั่งเครื่องแต่งกาย” พร้อมนี้ มีการระบุว่าการห้ามสตรีมิให้สวมชุดว่ายน้ำแบบเปิดหัวนม เป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลที่สตรีแต่ละท่านจะเลือกได้เองว่าจะจัดการกับร่างกายอย่างไร
มาริโอนา ทราบัล โฆษกกลุ่มเปิดเสรีหัวนมแถลงว่า
“นี่เป็นประเด็นความเท่าเทียมทางเพศค่ะ ทีผู้ชายยังไม่ใส่เสื้อได้ แต่ผู้หญิงกลับถูกปิดกั้น”
พร้อมนี้คุณโฆษกบอกด้วยว่า ก็ไม่ทราบทำไมจึงกินเวลานานเหลือเกินกว่าที่รัฐบาลจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง แต่ถึงจะช้าแต่ก็มาจนได้ ทางกลุ่มจึงแฮปปี้กันอย่างยิ่ง
อานิสงส์ที่น่าสนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายเสมอภาคนี้ คือ การให้เสรีภาพแก่ชาวมุสลิมที่จะสวมชุดว่ายน้ำแบบปกปิดร่างกายมิดชิดเต็มตัว ที่เรียกกันว่า มุสลิม เบอร์กินี Muslim Burkini อันเป็นชุดว่ายน้ำ 3 ชิ้น ประกอบด้วย เสื้อแขนยาว ปิดไปทั้งหมดทั้งสิ้นจากคอจรดจนข้อมือและตัวเสื้อคลุมไปปิดต้นขา กับกางเกงว่ายน้ำขายาวกรอมข้อเท้า แถมด้วยหมวกปิดเส้นผมจากหน้าผากถึงท้ายทอย
ความใส่ใจของรัฐบาลกาตาลัญเพื่อแก้ปัญหา เริ่มปรากฏเป็นรูปธรรมในปี 2022 ผ่านแคมเปญโฆษณารณรงค์ให้ฝ่ายต่างๆ สนับสนุนสิทธิสตรีที่จะปรากฏกายในสระว่ายน้ำด้วยชุดท็อปเลสเปิดเปลือยตั้งแต่คอลงไปถึงหน้าท้องทั้งมวล ได้อย่างเสรี โดยแคมเปญนี้ถูกจัดทำขึ้นหลังจากมีการร้องทุกข์ต่างๆ ว่าเจ้าพนักงานสระว่ายน้ำไม่ยอมรับเสรีภาพตามกฎหมายของพวกเธอ
วิดีโอของทางการแห่งแคว้นกาตาลุญญาที่ใช้ในการรณรงค์ นำเสนอว่า
“สตรีถูกทำให้เป็นวัตถุทางเพศตั้งแต่ที่พวกเธอยังเป็นเด็ก และมันติดตัวพวกเธอไปตลอดชีวิต สิ่งนี้ทำให้มีการสร้างบรรทัดฐานสังคมขึ้นว่าสตรีต้องปกปิดทรวงอก”
ผู้รู้ด้านไลฟ์สไตล์เปิดหัวนมเสรี มีคำอธิบายแก่ “การทำให้เป็นวัตถุทางเพศ” ว่า ตุ่มเต้าไม่ใช่อวัยวะเพศ จึงไม่ใช่อวัยวะที่ทั้งชายและหญิงต่างต้องปกปิดให้เรียบร้อยตามกฎหมายและจารีตประเพณี ที่ผ่านมาในสังคมมนุษย์แต่เก่าก่อน การแต่งกายของผู้หญิงที่เปิดเผยทรวงอก เป็นอะไรที่ธรรมดา อีกทั้งยังเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมโลกแห่งฤดูซัมเมอร์ และเหมาะสมอย่างยิ่งกับสังคมของชาติในภูมิภาคร้อนชื้น อาทิ ในประเทศเอธิโอเปีย ตลอดจนในประเทศที่ยังรักษาวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างเข้มแข็ง เช่น นามิเบีย และราชอาณาจักรสวาซิแลนด์ (ปัจจุบันมีชื่อประเทศว่าเอสวาตินี)
ในเวลาต่อมา เสื้อผ้ากลายเป็นเครื่องใช้ของชนชั้นมั่งคั่งและมีวิวัฒนาการขึ้นเป็นแฟชั่น แล้วบรรดาชนชั้นสูงได้สถาปนาวัฒนธรรมการสวมเสื้อจนกลายเป็นบรรทัดฐานที่ดีงามของสังคม ยิ่งกว่านั้น ในหลายประเทศ ผู้มีอำนาจทางศาสนาและมีอิทธิพลต่อผู้ปกครองประเทศ สามารถประสบความสำเร็จผลักดันให้ผู้หญิงต้องสวมเสื้อปกปิดหน้าอกและตุ่มเต้าให้มิดชิด จนกระทั่งวัฒนธรรมดังกล่าวกลายเป็นกฎเหล็กของศาสนาและของชาติ
หลายเจเนอเรชันผ่านไปโดยที่ทรวงอกสตรีถูกประคับประคองด้วยเสื้อยกทรง และถูกปกป้องจากดินฟ้าอากาศอันรุนแรง พวงเต้าและหัวนมกลายเป็นอวัยวะที่ผุดผ่องนุ่มนวลอีกทั้งมีความแน่นหนักตอบรับอุ้งมือบุรุษ และกลายเป็นที่ประทับใจซึ่งจะถูกหวนคิดถึงด้วยอารมณ์ทางเพศ ดังนั้น บทบาทของพวงเต้าและหัวนมบนสนามแห่งกามกรีฑาจึงทวีขึ้นอย่างมหาศาล
พร้อมกันนั้น ความเป็นสิ่งปกปิดและของสงวนอวัยวะที่สองแห่งเรือนกายสตรี ได้สร้างให้พวงเต้าและหัวนมกลายเป็นจินตภาพที่เร้าใจ เพียงนึกถึงก็แทบจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลบนความแข็งแน่น ทั้งเสียงครางรัญจวนใจที่ได้ยินยามเคล้าคลึง ตลอดทั้งกลิ่นอายของกามกรีฑาที่ยังประทับใจไม่รู้เลือน
ชะตากรรมแห่งความเป็นวัตถุทางเพศที่ผู้หญิงต้องรองรับความปรารถนารวดร้าวของฝ่ายชาย จึงทวีตัวเข้มข้นยิ่งขึ้นไปอีก
ดังนั้น การปกปิดทรวงอกสตรีได้วิวัฒนาการขึ้นเป็นสิ่งยั่วยุกามอันทรงพลานุภาพ
สภาพการณ์ที่พวงเต้าและหัวนมสตรีถูกทำให้เป็นวัตถุกระตุ้นเซ็กซ์ของผู้ชาย เพื่อเย้ายวนให้ผู้ชายยอมจ่ายเงินซื้อผลิตภัณฑ์ทั้งปวง จึงปักหลักอยู่ในสังคมมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่องศตวรรษแล้วศตวรรษเล่าไม่เลิกรา
นักต่อสู้เพื่อสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมระหว่างหญิงชาย ที่จะให้ทรวงอกและตุ่มเต้าหลุดพ้นภารกิจยั่วกามราคะของบรรดาผู้ชายทั้งแท่ง จึงประกาศยืนยันว่า การที่จะแก้ปัญหาให้ตรงประเด็นที่สุด คือ จะต้องยุติการบังคับปกปิดหน้าอก ให้ได้เห็นกันจนชินตา แล้วหัวนมสตรีก็จะกลับสู่สถานภาพแท้จริงตามธรรมชาติ คือเป็นอวัยวะเลี้ยงทารก ซึ่งสำหรับบางรายอาจจะน่ามองเป็นพิเศษบ้างในเชิงความงาม เสมือนกับหญิงหน้าสิวเขลอะผู้มีเรียวขาเรียวงามผุดผ่อง หรือหญิงตาเหล่ผู้มีต้นแขนแบบบาง หรือหญิงขาขาดผู้มีพวงแก้มเต็มอิ่มและขาวดั่งน้ำนม หรือหญิงลิ้นไก่สั้นผู้มีดวงตาวิบวับดั่งแสงดาว
ในการนี้ พวงเต้าและหัวนมจะมิใช่อวัยวะปลุกเร้าต่อมอัณฑะอีกต่อไป
นอกจากนั้น วิดีโอของทางการกาตาลัญได้ย้ำไปถึงประเด็นว่า การห้ามสตรีใช้ชีวิตท็อปเลส ที่แท้คือการที่สังคมปฏิบัติต่อเพศหญิงกับเพศชายแบบสองมาตรฐาน ขณะที่สังคมยอมรับที่บุรุษจะเปิดหัวนมได้ แต่สตรีถูกห้าม
ซึ่งต้องไม่ลืมว่ากฎเกณฑ์สังคมที่กำหนดให้สตรีต้องปกปิดทรวงอกได้สร้างความลำบากกายแก่สตรี ตลอดจนตัดโอกาสที่สตรีจะมีคุณภาพชีวิตดีๆ ได้เฉกเช่นบุรุษ
เช่น ในวันที่อากาศร้อน ผู้ชายสามารถท็อปเลสเพื่อลดอุณหภูมิร่างกาย และลดความเปียกเหงื่อ ขณะทำกิจกรรมใช้แรงงานกลางแดด หรือกระทั่งในพื้นที่อบอ้าวอับชื้น แต่ผู้หญิงต้องอดทนกับความร้อน ความอับอ้าว ความเหนอะหนะ โดยไม่อาจดูแลตนเองด้วยวิธีอย่างเดียวกันกับผู้ชาย
และในกิจกรรมว่ายน้ำ ผู้ชายจะได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า โดยหัวนมของผู้ชายมีโอกาสได้สัมผัสน้ำเย็นฉ่ำ แสงแดดอบอุ่น สายลมร่มรื่น แต่หัวนมของผู้หญิงถูกลิดรอนโอกาสดังกล่าว ซึ่งเป็นคุณภาพชีวิตดีๆ ที่บรรทัดฐานสังคมปิดกั้นไว้ไม่ให้ผู้หญิงเอื้อมถึง
กลุ่มเปิดเสรีตุ่มเต้าระบุว่าการที่ผู้หญิงต้องอดทนกับความไม่สบายกาย และต้องยอมรับคุณภาพชีวิตที่ด้อยกว่า ที่แท้เป็นเพราะสังคมเลือกปฏิบัติ-ปิดกั้นสิทธิของสตรี โดยที่ว่ากฎหมายก็มีข้อกำหนดลงโทษผู้หญิงไว้อย่างเข้มงวดด้วยข้อหาว่าทำอนาจาร สร้างความไม่สงบเรียบร้อยภายในชุมชน ภายใต้แนวคิดที่ว่า หัวนมของสตรีจะปลุกเร้าความรู้สึกทางเพศของผู้ที่ได้พบเห็นนั่นเอง
ในการนี้ นักเปลือยกายหรือ นู้ดดิสต์ ชี้ข้อวิเคราะห์ว่า บนพื้นที่เปิดเสรีอย่างชายหาดเปลือยกายอาบแดด ซึ่งใครๆ ต่างยกเลิกคอนเซ็ปต์ของสงวนไว้ชั่วคราวนั้น เหล่าบุรุษก็ไม่เหลือความหื่น เพราะมองไปทางไหน ก็เห็น “ของที่เลิกสงวน” ละลานตาไปทั้งหมดทั้งสิ้น
ด้านผู้อำนวยการใหญ่สถาบันสตรีกาตาลัญให้สัมภาษณ์แก่เดอะเทเลกราฟ สื่อยักษ์อังกฤษว่า การรณรงค์ด้วยวิดีโอดังกล่าวในประเด็นที่ว่า หัวนมผู้หญิงถูกทำให้เป็นวัตถุกระตุ้นอารมณ์เซ็กซ์ อีกทั้งในประเด็นที่สังคมปฏิบัติต่อผู้หญิงด้วยมาตรฐานที่ต่ำกว่าผู้ชายชาย เป็นความพยายามโต้ตอบกับปัญหาการเลือกปฏิบัติเพราะสังคมมีอคติผิดๆ และจึงไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้หญิง ซึ่งส่งผลเป็นการลิดรอนสิทธิของผู้หญิงอย่างโหดร้าย
“เราพยายามจะต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติที่พวกผู้หญิงต้องเผชิญ เช่น ในเวลาอยู่ที่สระว่ายน้ำสาธารณะและถูกห้ามไม่ให้เปิดหน้าอกรับแสงแดด สตรีควรจะมีสิทธิ์ที่จะใช้เสรีภาพในการเลือกได้ว่าจะเปิดเผยร่างกายของตนหรือไม่และเพียงใดนะคะ” ผอ.เนอูส โปเซียญโญ แห่งสถาบันสตรีกาตาลัญ กล่าวอย่างนั้นกับเดอะเทเลกราฟ
ยิ่งกว่านั้นยังกล่าวด้วยว่า การเลือกปฏิบัตินี้มีต้นตอจากการที่ร่างกายของสตรีถูกทำให้เป็นวัตถุทางเพศ ปัญหาเริ่มขึ้นตั้งแต่ที่เด็กผู้หญิงยังตัวเล็กๆ พอพวกน้องๆ จะว่ายน้ำ ก็ต้องใส่บิกินีทั้งตัวบนและตัวล่าง ทั้งที่น้องยังเติบโตไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์ ในการนี้ สถาบันสตรีกาตาลัญหวังว่าการรณรงค์เรื่องนี้จะเปลี่ยนสภาพการณ์โดยรวมให้แก่สตรีได้
ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดที่ว่าเมื่อหัวนมผู้หญิงไม่ถูกปกปิด หัวนมจะถูกเห็นจนชินตา เฉกเช่นเดียวกับอวัยวะร่างการชิ้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ขา แขน แก้ม ดวงตา เส้นผม ฯลฯ แล้วหัวนมจะไม่เป็นวัตถุปลุกเร้าอารมณ์เซ็กซ์ และผู้หญิงก็จะมีโอกาสดูแลสุขภาพร่างกายได้เท่าเทียมกับผู้ชาย
กลุ่มสิทธิสตรีเปิดเสรีนิปเปิล สู้บ้าง ถูกจับกุมบ้าง โดยมีเซเลบคนดังหนุนช่วย แต่นมเซเลบขี้เหร่ จึงโดนบูลลีหนักหนา
การรณรงค์เพื่อสิทธิ์ของสตรีที่จะเปิดหัวนมอย่างเสรีบนพื้นที่สาธารณะทั่วไป เริ่มเมื่อหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา โดยในปี 2012 ลีนา เอสโค ดาราสาวและผู้ผลิตภาพยนตร์คนสวย ออกรณรงค์ในมหานครนิวยอร์กซิตี พร้อมกับถ่ายทำหนังสารคดีในประเด็นอันเปี่ยมสีสันนี้ โดยที่ตัวเองและผองเพื่อนวิ่งเปลือยอกไปตามถนนสายต่างๆ ของนิวยอร์ก
ขณะที่ภาพยนตร์เตรียมออกฉายในปีรุ่งขึ้น สุดสวยเอสโคโพสต์คลิปต่างๆ ที่เป็นทีเซอร์หนัง ขึ้นเผยแพร่บนเฟซบุ๊ก พร้อมติดแฮชแท็ก #FreeTheNipple ปรากฏว่าเฟซบุ๊กถอดทุกคลิปออกทั้งหมด ด้วยเหตุผลว่าละเมิดแนวปฏิบัติของเฟซบุ๊ก
ปฏิกิริยาสังคมในทางสนับสนุนสาวเอสโคมีขึ้นอย่างเอิกเกริกในปี 2014 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซเลบคนดังทั้งนักร้อง นักแสดง ผู้สร้างภาพยนตร์ นักเดี่ยวไมโครโฟน นางแบบ ดาหน้ากันออกมาโพสต์ภาพท็อปเลสของพวกเธอขึ้นบนโซเชียลมีเดียทั้งหลาย เพื่อแสดงการสนับสนุนความริเริ่มของเอสโค
ในเดือนมีนาคม 2016 ที่ลอสแอนเจลิส มีการรณรงค์เพื่อสิทธิสตรีในการไม่สวมสิ่งใดในที่สาธารณะ โดย เทียร์แนน เฮบรอน และแอนนิ ม่า นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แซนดิเอโก จัดรณรงค์โดยแต่งกายสไตล์ท็อปเลส แบบที่มีเทปปิดบนหัวนม กับมีข้อความเขียนบนอกว่า เปิดเสรีหัวนม เสมอภาคเท่าเทียม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจลอสแอนเจลิสมาถึง ได้ขอให้ทั้งสองปกปิดหน้าอก แต่ทั้งสองปฏิเสธ ตำรวจจึงจับกุมทั้งสองไปกุมขังที่โรงพักเป็นเวลา 25 ชั่วโมง ก่อนจะปล่อยตัวโดยไม่มีการตั้งข้อหา บีบีซีรายงานไว้ในวันที่เกิดเหตุ
สำหรับที่รัฐนิวยอร์ก สภานิติบัญญัติของนิวยอร์กได้ตรากฎหมายที่เอื้อให้ผู้หญิงมีสิทธิและเสรีภาพในการเปิดหน้าอกได้ ตั้งแต่ปี 1990 กระนั้นก็ตาม แม้จะไม่มีข้อกฎหายห้ามในเรื่องนี้ แต่ก็มีการจับกุมคุมขังผู้หญิงผู้ท็อปเลสหลายหลากกรณี ด้วยข้อหากระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัลบ้าง ทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคมบ้าง การแสดงลามกอนาจารบ้าง จนกระทั่งมีผู้เสียหายรายหนึ่งที่ถูกจับกุมในรัฐนิวยอร์กเมื่อปี 2005 เธอตั้งทนายขึ้นดำเนินการฟ้องร้อง และเธอเป็นฝ่ายชนะคดี ได้รับค่าเสียหายจำนวน 29,000 ดอลลาร์ เอ็นบีซีนิวส์รายงานไว้ในเดือนมิถุนายน 2007
ขบวนการต่อสู้ของนักรณรงค์เพื่อเปิดเสรีหัวนม ไม่มีความเงียบเหงาแม้แต่น้อย ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา มีสาวคนดังมากหน้าหลายตาออกโรงสนับสนุน ได้แก่ ไมลีย์ ไซรัส ลีนา ดันแฮม เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ริฮันนา นาโอมิ แคมป์เบลล์ ฯลฯ
ในบรรดาสาวเซเลบริตีที่สนับสนุนขบวนการ Free the Nipple ในรุ่นใหม่ไฟแรง ไม่มีใครเกินหน้า “ฟลอเรนซ์ พิว” ดาวดังหน้าสวยคนเก่งที่เกือบคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิง ปี 2020 จากบทบาทน้องเอมี น้องเล็กแห่ง The Little Women
ฟลอเรนซ์ พิว นุ่งเครื่องแต่งกายเปิดเผยหัวนม ขณะออกงานหรูระดับโลก คือ สุดยอดแฟชั่นโอต์กูตูร์แห่งห้องเสื้อวาเลนติโน คอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2022 ในกรุงโรม อิตาลี ณ ลานจัตุรัสสเปน - ปียัซซา ดิสปัญญา และบันไดสเปน เมื่อวันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม 2022
ชุดราตรีสีชมพู Pink PP เอกลักษณ์แห่งวาเลนติโน ที่สาวพิวสวมใส่อย่างอ่อนหวานงดงาม เป็นที่ตื่นตะลึงของผู้พบเห็น ได้รับการออกแบบให้ตัวเสื้อเป็นเพียงผ้าโปร่งใสไร้ผืนซับใน เผยให้เห็นหน้าอกและหัวนมอย่างละเอียดชัดเจน ขณะที่ตัวกระโปรงยาวคลุมพื้นกรอมรองเท้าส้นตึกสีชมพูสะดุ้ง เป็นผ้าโปร่งสองชั้นสี Pink PP เช่นกัน ซึ่งก็มีความโปร่งอยู่บ้างแบบที่พอจะมองทะลุเข้าไปเห็นกางเกงชั้นในตัวจิ๋วเฉดสีเดียวกันกับรองเท้า และเปิดอวดแก้มก้นพองาม
ในฐานะแขกรับเชิญของวาเลนติโน มหาราชาห้องเสื้ออิตาเลียน ฟลอเรนซ์ พิว และสาวเซเลบริตีทั้งหลาย ให้เกียรติขึ้นโชว์ตัวบนบันไดสเปน เพื่อเปิดโอกาสให้ช่างภาพได้ถ่ายรูปพวกเธอในแดดแสงสวยกันตามชอบ
ฟลอเรนซ์ พิว นำภาพถ่ายหลายๆ มุมของเธอขึ้นโพสต์บนอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมออกตัวด้วยมุกน่ารักว่า “ในทางเทคนิคน่ะ หน้าอกหน้าใจคู่นี้ได้รับการปกปิดแล้วนะคะ”
อย่างไรก็ตาม หน้าอกแคระแกร็นของสาวพิว ซึ่งเป็นทรงสี่เหลี่ยม ค่อนข้างแบน เล็ก ไม่ค่อยจะมีเนื้อนูน และหัวนมของเธอซึ่งแลเป็นเม็ดแข็งสีน้ำตาลไหม้ ได้รับคำติเตียนอย่างโหดร้ายและอื้ออึงจากสาธารณชนแห่งโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวิจารณ์ในอารมณ์เดือดดาลจากสาธารณชนเพศชายซึ่งนิยมที่จะได้ชื่นชมเต้าอันอวบอิ่มกลมงามกับหัวนมสีชมพูดูหวานแหววนุ่มนวล บางคอมเมนต์จิกดร่ากันเลยทีเดียวว่าของอัปลักษณ์ปานนี้นำมาโพสต์ทำไม เสียความรู้สึกขั้นสุด
โดนรุมยำปานนั้น มีหรือที่เซเลบริตีแถวหน้าแห่งฮอลลีวูดจะยอมให้รังแกกันง่ายๆ สาวพิวเขียนโต้ตอบยาวเหยียดอย่างสุขุมสง่าและกล้าหาญ พร้อมแสดงชั้นเชิงแห่งภูมิปัญญาว่า
“ทำไมพวกคุณจึงกลัวเต้านมกันมากมาย?” นิตยสารพีเพิลรายงานอย่างละเอียด
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรก และแน่นอนว่าจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ผู้หญิงจะต้องได้ฟังจากฝูงชนคนแปลกหน้าว่า มีอะไรไม่โอเคบ้างเกี่ยวกับร่างกายของเธอ สิ่งซึ่งน่าเป็นห่วงคือมีผู้ชายจำนวนหนึ่งที่สามารถจะถ่อยได้อย่างเหลือเกิน
“นี่ยังดีว่าดิฉันยอมรับได้กับทุกอย่างของร่างกายที่สร้างให้ดิฉันเป็นตัวเป็นตนอย่างนี้ ดิฉันพอใจกับทุก ‘ข้อเสีย’ ซึ่งเมื่อยังมีอายุเพียง 14 ปีนั้น เคยทนดูตนเองไม่ได้ พวกคุณจำนวนมากบอกมาอย่างก้าวร้าวว่าพวกคุณผิดหวังเพียงใดกับ “หัวนมเล็ก” ของดิฉัน และบอกมาว่าดิฉันควรจะอับอายที่ ‘หน้าอกแบน’ นักหนา ดิฉันอยู่กับร่างกายนี้มานานแล้ว ดิฉันตระหนักดียิ่งถึงขนาดของเต้านมตนเอง และมิได้นึกกลัวอะไร” พีเพิลนำเสนอข้อมูลไว้อย่างนั้น
พร้อมนี้ พีเพิลรายงานด้วยว่า สาวพิว ดาราฮอลลีวู้ดชั้นแนวหน้าระดับที่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้ว เขียนสรุปคำสั่งสอนเตือนสติเกรียนคีย์บอร์ดว่า
“โตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว หัดเคารพคนอื่นได้แล้ว รู้จักเคารพร่างกายคนอื่นเสียที รู้จักเคารพผู้หญิงทั้งปวงเสียที รู้จักเคารพมนุษย์เสียที แล้วชีวิตจะผ่อนเบาสบายขึ้นมากเลย ดิฉันรับประกัน และทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นเพราะหัวนมเล็กๆ แสนน่ารักทั้งคู่นี่เอง...”
ด้านนิตยสารฮาร์เปอร์ส บาซาร์ รายงานด้วยว่าบนอินสตาแกรมของฟลอเรนซ์ พิว เธอใส่ภาพใหม่ในชุดราตรีสีชมพู Pink PP ตัวเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือ นิ้วชี้ของเธอกดปิดหัวนม นิ้วชี้ซ้ายกดปิดหัวนมซ้าย นิ้วชี้ขวากดปิดหัวนมขวา พร้อมคำแซวใต้ภาพว่า
“รูปนี้สำหรับพวกที่จะรู้สึกสบายใจขึ้น ที่ผิวหนังสีเข้มหนึ่งนิ้วถูกปกปิดแล้ว”
นอกจากนั้น ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ยังรายงานถึงคำประกาศรณรงค์ “เปิดเสรีหัวนม” ที่ฟลอเรนซ์ พิว เรียกร้องให้ผู้คนตระหนักถึงสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมหญิง-ชายในการเปิดหัวนม ไว้อย่างแกร่งกร้าวกระแทกใจผู้คนว่า
#fuckingfreethefuckingnipple
หลังจากอึกทึกครึกโครม ได้เป็นข่าวบนสารพัดนิตยสารชั้นนำและหนังสือพิมพ์มากมาย ฟลอเรนซ์ พิว ทำการ Free the Nipple ในงานใหญ่ยักษ์ของโลกอีก 2 กรรม 2 วาระ ภายในปี 2022 เรียกได้ว่าเธอเอาจริงกับการรณรงค์สร้างความตื่นตัวต่อสิทธิเสมอภาค ที่ผู้หญิงจะนำหัวนมออกมารับแสงเดือนแสงตะวันและรับลมเย็นรื่น ได้เฉกเช่นพวกผู้ชาย
เถียงไม่รู้จบ หัวนมสตรีคือสิ่งกระตุ้นเซ็กซ์บุรุษจริงรึ? ผู้หญิงท็อปเลสคือคนชอบโชว์ของ? คนแก้ผ้านู้ดบีชจะหื่นไปทั้งหาดหรือไร?
ในประเด็นถกเถียงที่ว่า “ในเมื่อผู้ชายสามารถไปไหนมาไหนโดยไม่สวมสิ่งใดปิดอก เพราะอากาศร้อนอบอ้าว ผู้หญิงควรจะทำได้เหมือนกันหรือไม่” นั้น เว็บไซต์ข่าว South China Morning Post คอลัมน์ YP Discover ได้จัดระดมความคิดของผู้อ่าน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2021 และได้รับข้อเขียนน่าสนใจน่าอ่านมากมาย เช่น
**ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่อยากจะเปิดเผยเนื้อตัวในที่สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรวงอก เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย และเกรงว่าจะถูกรังแก – ความเห็นของคุณทินา
**ผู้หญิงไม่ควรไปไหนมาไหนโดยเปลือกอก มันอันตรายถ้าพวกเธอเปิดเผยร่างกายมากเกินไป เนื่องจากจะถูกดูหมิ่น หรือถูกหัวเราะเยาะ หรือกระทั่งอาจถูกล่วงเกินและทำร้าย – ความเห็นของคุณแคเทอริน
**สังคมจะตัดสินผู้หญิงด้วยท่าทีหยาบคายรุนแรงเสมอ เมื่อผู้หญิงแต่งตัวแนวเซ็กซี่ เธอจะถูกกล่าวหาว่าร่านและไม่รู้ความควรไม่ควร สิ่งที่ปิดกั้นไม่ให้ผู้หญิงใช้เสรีภาพที่จะไปไหนมาไหนแบบสบาย ไม่ต้องทนทุกข์กับอากาศร้อนและความอับชื้นในช่องว่างระหว่างกายเนื้อกับเสื้อผ้า ก็คือความก้าวร้าวหยาบคายที่สังคมกระทำต่อผู้หญิง – ความเห็นของคุณแครี
**ผู้หญิงไม่ควรไปไหนมาไหนในเสื้อผ้าท็อปเลส เพราะจะตกเป็นเป้าหมายของพวกคนชั่ว อันที่จริง ผู้ชายที่หนุนให้ผู้หญิงแต่งตัวชุดเปลือกอก ก็ไม่ได้ทำเพราะสิ่งที่เรียกกันว่าความยุติธรรมทางสังคมหรอก พวกเขามีศีลธรรมต่ำทรามและต้องการฉวยโอกาสจากเรื่องนี้ ผมว่าผู้หญิงอย่าออกนอกบ้านโดยไม่ใส่เสื้อเลยนะ แดดมันร้อน มันจะแผดเผาผิวกายโดยใช่เหตุ – ความเห็นของคุณไหว กี เหลา
**กฎหมายกำหนดห้ามผู้หญิงเปลือยอก ก็เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวให้แก่พวกเรา แม้อากาศจะร้อนอบอ้าว แต่ก็มีเครื่องแต่งกายที่ใช้ผ้าบางและเย็นให้เลือกสวมใส่ – ความเห็นของคุณซินเธีย
**สำหรับประเทศที่การเปลือยอกในที่สาธารณะเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ถ้าทำตามสิทธิ์นี้ แล้วไม่ได้ไปเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น เราก็ไม่ควรใช้มาตรฐานของเราไปตัดสินผู้หญิงที่ใช้เสรีภาพเรื่องนี้ เราควรใจกว้างกับความคิดที่แตกต่าง – ความเห็นของคุณดีแลน
**ถ้าผู้หญิงตัดสินใจไม่ปกปิดหน้าอกขณะอยู่ในสถานที่สาธารณะ จะมีผู้ชายบางคนที่คอยจ้องมองหน้าอกของพวกเธอเสมอ แล้วก็จะเล่นงานพวกเธอ ทั้งด้วยวาจาและด้วยการทำร้ายร่างกาย หากผู้หญิงเต็มใจจะรับความเสี่ยง เธอมีสิทธิแห่งความเสมอภาคเท่าเทียมอย่างแน่นอน ขอให้โชคดีละกัน – ความเห็นของคุณฮุสนาอีน
**แต่ไหนแต่ไรมา ผู้หญิงที่ไม่สวมเสื้อผ้าปกปิดของสงวนจะถูกมองว่าเป็นคนศีลธรรมเสื่อมทราม นี่เป็นความคิดตามประเพณีนิยม ผมไม่อาจจินตนาการเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณแม่ผม แฟนผมไปอยู่ในที่สาธารณะแบบท็อปเลสและถูกพวกผู้ชายพากันจ้องมอง ผมทราบว่าทุกคนลำบากที่ต้องอดทนกับเสื้อชุ่มเหงื่อ แต่ผมแน่ใจว่าคุณแม่และแฟนของผมเข้าใจความจำเป็นเหล่านี้ เพราะทั้งสองย่อมจะไม่ต้องการให้ภาพของตนถูกโพสต์ขึ้นไปแชร์กันบนโซเชียลมีเดีย หรือเว็บไซต์ภาพโป๊ – ความเห็นของคุณวินเซนต์
**ในสังคมแห่งวัฒนธรรมจีนโบราณ ผู้หญิงถูกอบรมว่าอย่าสวมเสื้อผ้าเปิดเผยเนื้อตัว ผู้หญิงถูกทำให้รู้สึกอับอายร่างกายของตนเอง และจะปักใจว่าจะไม่ให้ใครมาเห็นของสงวนของเธอไม่ว่าจะบนหรือล่าง แต่ในปัจจุบันนี้ โลกเปลี่ยนไปแล้ว ผู้หญิงควรจะได้รับความสบายกายเมื่ออยู่ในสภาพอากาศร้อนได้โดยที่สังคมก็ไม่ไปคอมเมนต์พวกเธอ เช่น อกแบนแล้วยังจะมาเดินโชว์ – ความเห็นของคุณซูเอ้ เหยา
ในด้านของความเห็นจากกูรูเพศศึกษาที่มีต่อความรู้สึกของผู้หญิงซึ่งสามารถทำงานหรือเล่นกีฬากลางแจ้งได้โดยไม่ต้องสวมเสื้อผ้าปกปิดหัวนม ก็น่าสนใจน่าศึกษาทำความเข้าใจเช่นกัน
กูรูเพศศึกษารายนี้ มีนามว่า เลซี กรีน (Laci Green) เว็บไซต์แอมะซอนให้ข้อมูลของเธอว่า เป็นนักการศึกษาด้านเพศ ซึ่งมีผู้ติดตามชมซีรีส์ “เซ็กซ์พลัส” ของเธอบนยูทูปนับล้านราย สถิติจากปีเริ่มต้น 2009 ถึงปีปัจจุบัน รวมได้มากกว่า 150 ล้านวิว โดยมีการลงทะเบียนเป็นสมาชิกแล้วมากกว่า 1.34 ล้านรายใน 196 ประเทศ
สาวกรีนจัดเต็มเรื่องเปลือยอกและเปลือยกาย (Nudity) ไว้ในตอนหนึ่งของซีรีส์ปี 2012 “The Naked Life! – Nudism” โดยบอกว่าตัวเธอชอบไม่สวมเสื้อผ้า และแม้จะเป็นนู้ดดิสต์ แต่มิใช่คนชอบโชว์ของ นอกจากนั้นเธอยืนยันว่าคนชอบเปลือกกายอย่างเธอ จะรู้สึกถึงเสรีภาพอย่างท่วมท้นเมื่อได้ปลอดพ้นจากเสื้อผ้า
เลซี กรีน ถอดหัวใจออกมาเผยตรงๆ ถึงเหตุผลแท้จริงที่คนอย่างเธอมีความสบายใจที่จะได้เปลือยกาย ดังนี้
“เมื่ออยู่ที่ชายหาดเปลือยกายอาบแดด คุณสามารถเล่นสนุกสุดเหวี่ยงอย่างเสรี ปล่อยให้น้ำทะเลและสายลมห่อหุ้มเรือนกาย โดยไม่มีใครจะมาสนใจว่าคุณไม่ได้นุ่งผ้า
“คุณได้เรียนรู้จากสังคมว่าการแก้ผ้าเป็นอะไรที่ควรจะต้องอับอาย และการเปลือยกายเป็นเรื่องของการกระตุ้นเร้าอารมณ์เซ็กซ์ เมื่อคุณมีอายุเพียง 6 ขวบ สังคมก็เข้ามาบงการชีวิตคุณละ และพวกคุณส่วนใหญ่ลังเลใจที่จะสู้กลับ
“ลัทธิเปลือยกายเป็นไลฟ์สไตล์แบบหนึ่งที่คุณสามารถเลือกได้ เช่น ไลฟ์สไตล์ของชีวิตในบ้าน คุณทำโน่นนี่โดยไม่ต้องนุ่งเสื้อผ้า แล้วก็ไลฟ์สไตล์ของชีวิตสังคม คุณไปเที่ยวไปใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ โดยไม่ต้องสวมใส่อะไร แล้วยังมีสังคมคนเปลือยกายอีกต่างหาก เช่น ชายหาดเปลือยกายอาบแดด สวนสาธารณะเปลือยกายอาบแดด ซึ่งคุณสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจกับเพื่อนๆ ชาวนู้ดดิสต์ทั้งปวง ได้อย่างถูกกฎหมาย
“ไลฟ์สไตล์แบบที่เราใช้ชีวิตตามสภาพธรรมชาติ จะช่วยแก้ปัญหาความคับข้องใจเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์และปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับร่างกายได้อย่างมหาศาล เพราะนี่คือปรัชญาว่าด้วยเสรีภาพที่มุ่งอยู่กับการยอมรับและรักร่างกายของมนุษย์ทุกรูปฟอร์ม ไม่ใช่ว่าปลื้มร่างกายที่งดงาม แล้วดูหมิ่นเหยียดหยามร่างกายที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล
“เมื่อเรายอมรับมนุษย์ได้ทุกรูปฟอร์ม ก็จะไม่มีการดูหมิ่นเหยียดหยามร่างกายที่ขนดก เหี่ยวย่น หย่อนยาน หรือกระทั่งอ้วนเผละ และเมื่อคุณมีสติปัญญาความคิดอ่านแบบชาวนู้ดดิสต์ คุณจะไม่แคร์เลยว่าตัวคุณจะต้องเฟอร์เฟ็กต์ หรือคนอื่นจะต้องเป็นเป๊ะปัง คุณจะพบว่าตนเองอุทานในใจว่า “แหม.. ความหลากหลายเนี่ยยอดเยี่ยมชะมัด วันนี้ชั้นดูดีจังเลย”
“ลองถามตนเองนะคะ คนเราจะหื่นกามไหมเมื่อได้เห็นแต่คนแก้ผ้าเกลื่อนไปหมดตลอดเวลา
“คำถามนี้จะช่วยให้คุณเห็นความแตกต่างระหว่างเปลือยกายเพื่อยั่วเซ็กซ์ กับเปลือยกายแบบทั่วๆ ไป เปลือยแบบโบราณธรรมดาสามัญน่ะค่ะ
“แล้วการเป็นคนไม่นุ่งเสื้อผ้านั้น มิได้หมายถึงว่าจะปฏิเสธเครื่องแต่งกายไปทั้งหมดทั้งสิ้นนะคะ นู้ดดิสต์ก็สวมใส่เสื้อผ้าเวลาที่ไปสถานที่ซึ่งซีเรียสจริงจังว่าห้ามเปลือยกาย / การไม่นุ่งผ้าเป็นเรื่องน่ารังเกียจ เป็นเรื่องยั่วกาม เป็นเรื่องของปีศาจชั่วร้าย
ตรวจแถวดูชัดๆ กับข้อถกเถียงเรื่องเปลือยอก: “ฝั่งห้ามปราม” ปะทะสังสรรค์กับ “ฝั่งเห็นคุณประโยชน์”
‘อย่าเปลือยอกนะ มันอันตราย ผู้ร้ายจ้องจะลวนลามข่มขืน’
vs
‘เมื่อเปลือกอกกันทุกคน เต้านมก็หมดพลังเร้าใจ ไม่ต้องเป็นสินค้ากระตุ้นเซ็กซ์อีกต่อไป เพราะเต้านมไม่ใช่สิ่งลับที่ใครจะอยากเห็นของใคร’
‘อย่าเปลือยอกนะ คนเขาจะว่าเอาแรงๆ’
vs
‘เมื่อเปลือกอกกันทุกคน เต้านมก็เหมือนแขน อ้วนบ้าง ดำบ้าง เหมือนขา โก่งบ้าง กระดำกระด่างบ้าง เดินได้บุญแล้ว ไม่ถือสากัน’
‘อย่าเปลือยอกนะ มีแต่คนศีลธรรมเสื่อมทรามที่จะเอานมออกไปโชว์’
vs ‘เมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ผู้หญิงในหลากหลายประเทศยังแต่งกายเปิดเต้าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่เลย จนกระทั่งพวกยุโรปมาล่าอาณานิคมนี่แหละ วัฒนธรรมและความเชื่อจึงเปลี่ยนไป ทุกวันนี้ในบางประเทศ ยังมีประเพณีเต้นระบำเปลือยอกด้วยกันหลายหมื่นคนเพื่อถวายพระพรแด่กษัตริย์ พระราชธิดาและพระราชนิกูลต่างมาร่วมระบำด้วยกันกับประชาชนอย่างงดงาม’
‘คนอยากเปลือยอกเป็นพวกกามวิปริต อยากโชว์ อยากเห็นผู้อื่นมองมาด้วยสายตาตื่นเต้นตกใจ ไม่รู้ตัวเลยว่า นมน่าเกลียด แล้วยังจะนำมาโชว์’
vs ‘พวกอยากเปลือยอกเพราะเป็นโรคจิต ไม่ใช่ผู้ที่ต้องการเปลือกอกตามสภาพธรรมชาติ คนเปลือยอกอย่างแท้จริงต้องความสบายกาย ไม่ต้องอดทนกับปัญหาร้อน อับชื้น คัน จนกลายเป็นโรคผิวหนัง และต้องการเสรีภาพจากกฎเกณฑ์ที่ไม่ถูกต้อง’
‘อย่าไปยุ่งกับชายหาดเปลือยกายอาบแดดนะ จะไปเปิดหน้าอกให้เขาข่มขืนทำไม’
vs ‘Nude Beach ต่างๆ และ Nude Park ทั้งหลาย คือสถานที่ปลอดภัยในการเปลือยอกเปลือยกาย เพราะเมื่อเปล่าเปลือยกันไปทุกคน ร่างกายก็ไม่ใช่สิ่งลับที่น่าแอบมอง และหมดความน่าสนใจไปอย่างง่ายดาย’ ดั่งที่ปรากฏอยู่ในบรรดาประเทศที่ไม่ได้สร้างวัฒนธรรมปกปิดทรวงอกขึ้นมาทำความทุกข์กายทรมานใจแก่ประชากรสตรี
ส่อง 39 ประเทศเปิดเสรีให้นำตุ่มเต้าและทุกจุดซ่อนเร้นร่างกายไปผึ่งแดดในแดนนู้ดบีช
สำหรับแฟนานุแฟนแห่งชมรมเปลือยกายเพื่อการพักผ่อนขั้นสุด ซีเอ็นเอ็นนำแผนที่ดินแดนแสนเสรีที่ชาวโลกจะไปเปิดหัวนมและทุกจุดซ่อนเร้นที่ลำแดดส่องไปไม่ถึง เพื่อรับแสงตะวันอุ่นและสัมผัสสายลมละมุน ใน 39 ประเทศของสารพัดทวีปบนบรรดามหาสมุทรทั้งเจ็ด
โดยที่มีการปกป้องผิวอย่างเพียงพอ ทั้งครีมกันแดด และมาสก์ปิดผิวหน้า ชาวโลกทุกท่านมีตัวเลือกให้ไปเปลื้องเสื้อคลุมออก และเอนกายนอนเอกเขนก เพื่อฟื้นฟูสุขภาพร่างกายและจิตใจตามทวีปต่างๆ อย่างปลอดภัยและถูกกฎหมาย โดยดูจากแผนที่ซึ่งบริษัทชุดว่ายน้ำ ปูร์ มัว แห่งประเทศอังกฤษ จัดทำขึ้นมาเมื่อกลางปี 2021
ยุโรปเป็นทวีปที่เปิดกว้างอย่างที่สุดในเรื่องของการเปลื้องผ้ารับแสงตะวัน โดยมีกฎหมายรองรับอย่างเป็นระบบ อาทิ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส ลัตเวีย โครเอเชีย บัลแกเรีย ออสเตรีย ฯลฯ แต่ก็มีหลายประเทศที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ อาทิ ไอร์แลนด์ รัสเซีย เบลารุส และมอลตา
เอเชียเป็นทวีปที่มากมายด้วยประเทศซึ่งมีกฎหมายห้ามการเปลือยอกเปลือยกาย โดยมีไม่น้อยกว่า 15 ประเทศ คือประเทศที่มีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ (แต่ไม่รวมถึงอินโดนีเซียกับอิหร่าน ที่มีเกาะนู้ดบีช 1 แห่งไว้รองรับนักท่องเที่ยว) ตลอดจนอินเดีย จีน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา ไต้หวัน ฯลฯ ขณะที่ประเทศที่มีกฎหมายเอื้อเฟื้อให้จัดชายหาดเปลือยกายได้นั้น มีเพียง 5 ประเทศที่ชัดเจนเรื่องนี้ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย เวียดนาม และอิสราเอล
ขณะที่แคนาดาเป็นพื้นที่แสนอารีสำหรับนู้ดดิสต์ แต่สำหรับสหรัฐอเมริกา ถูกจัดชั้นเป็นกรณีกำกวม เพราะมีทั้งรัฐซึ่งออกกฎหมายห้ามทั้งการเปลือยอก และทั้งชายหาดเปลือยกาย จำนวน 4 รัฐ (ยูทาห์ อินดีแอนา เทนเนสซี และเซาท์แคโรไลนา) และก็มีรัฐที่มีกฎหมายอันคลุมเครือในเรื่องการเปลือยอกกับชายหาดเปลือยกาย รวมถึง 11 รัฐ โดยฟลอริดาก็อยู่ในกลุ่มคลุมเครือด้วย
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: บีบีซี เดอะเทเลกราฟ เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ เว็บไซต์เพอร์ซันแนลลิตีคาเฟดอทคอม พีเพิล ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ซีเอ็นเอ็น เอพี รอยเตอร์)