เอเจนซีส์ - กลายเป็นเรื่องประลองกำลังกันไปเมื่อรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แจเน็ต เยลเลน พบกับรองนายกรัฐมนตรีจีนเหอ ลี่เฟิง( He Lifeng) วันเสาร์ (8) โดนสื่อสายอนุรักษ์อเมริกันวิจารณ์เครียดหลังพยายามโค้งหลายรอบแต่ฝ่ายปักกิ่งยืนนิ่งไม่ตอบสนอง
นิวยอร์กโพสต์รายงานวันเสาร์ (8) ว่า กลายเป็นสีสันระหว่างกเยือนจีนของรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แจเน็ต เยลเลน ที่เดินทางเยือนปักกิ่งอย่างเป็นทางเป็นเวลา 4 วัน หลังวิดีโอคลิปการพบกันระหว่างเยลเลน และรองนายกรัฐมนตรีจีน เหอ ลี่เฟิง (He Lifeng)ในวันเสาร์ (8) ทำสื่อขวาจัดอเมริกัน ฟ็อกซ์นิวส์ รวมไปถึงสื่ออังกฤษ เช่น เดลีเมล รายงานดรามาร้อนระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจของโลก
วิดีโอคลิปแสดงเยลเลน พยายามที่จะโค้งคำนับไม่ต่ำกว่า 3 รอบตามธรรมเนียมจีนระหว่างที่เธอจับมือกับเหอ แต่ทว่าฝ่ายจีนซึ่งเป็นซาร์ทางเศรษฐกิจคนใหม่ของปักกิ่งกลับยื่นนิ่งไม่โค้งตอบตามประเพณีแต่อย่างใด สร้างความไม่พอใจให้สื่อฝ่ายอเมริกันสายอนุรักษ์อย่างมากที่ออกมาชี้ว่า เยลเลนทำขายหน้าและแสดงความอ่อนแอของอเมริกาต่อจีนซึ่งเป็นคู่ปรับ
ด้านแบรดลี แบล็คแมน (Bradley Blakeman) อดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระดับสูงในรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ยืนยันว่า ตามกฎแล้วเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่สามารถโค้งคำนับได้ โดยเขากล่าวว่า
“ไม่มีวันเด็ดขาด” และเสริมต่อว่า “เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่ก้มหัวโค้งคำนับ นี่มันดูเหมือนเธอ (รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แจเน็ต เยลเลน) ถูกเรียกไปที่ห้องครูใหญ่ และนั่นถือเป็นสิ่งที่ฝ่ายจีนชอบ”
ขณะที่ศาสตราจารย์กิตติคุณประจำมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก NYU ชื่อดังด้านจีนและกฎหมาย เจอโรม เอ. โคเฮน (Jerome A. Cohen) กล่าวอีกเสียงว่า การโค้งคำนับไม่อยู่ในกระบวนการที่ยอมรับ”
นิวยอร์กโพตส์รายงานต่อว่า หลังจากนั้นพบว่ารัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ วัย 76 ปียังผิดซ้ำด้วยการเรียกชื่อรองนายกรัฐมนตรีจีนผิด โดยเธอเรียกเขาว่า “รองนายกฯ หู”
สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า ปักกิ่งแสดงการท้าทายสหรัฐฯ ซึ่งหน้าเพราะในทันทีที่เครื่องของเยลเลนร่อนลงจอดในสนามบินกรุงปักกิ่ง กลับพบว่ามีการส่งเครื่องบินกองทัพจีน PLA จำนวน 13 ลำ และเรือรบอีก 6 ลำล่วงล้ำเข้าน่านฟ้าและน่านน้ำรอบไต้หวันซึ่งเป็นรัฐที่มีการปกครองแบบประชาธิปไตย แต่ฝ่ายปักกิ่งมักอ้างว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน
แบล็กแมนแสดงความเห็นว่า “ในทางปฏิบัติต่อคู่อริคือคุณต้องไม่แสดงการถ่อมตนออกมา” และโจมตีรัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ต่อว่า “แต่กับรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดนี้เป็นครั้งแล้วครั้งเล่าที่พวกเราต้องรู้สึกอับอายตัวเองและแสดงความอ่อนแอ และนี่เป็นแค่การแสดงถึงการขาดอำนาจอย่างมีประสิทธิภาพที่เรามี”