xs
xsm
sm
md
lg

สำรวจพบน้ำประปามะกันเกือบครึ่ง อาจปนเปื้อนสารอันตราย-ก่อมะเร็ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอพี - ผลศึกษาของรัฐบาลสหรัฐฯ พบน้ำดื่มจากก๊อกน้ำเกือบครึ่งในอเมริกามีแนวโน้มปนเปื้อน “สารเคมีชั่วนิรันดร์” ที่อาจทำให้เกิดมะเร็งและปัญหาสุขภาพอื่นๆ

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) เปิดเผยเมื่อวันพุธ (5 ก.ค.) ว่า “สารเคมีชั่วนิรันดร์” (forever chemicals) หรือสารสังเคราะห์ที่รวมเรียกว่า PFAS ปนเปื้อนอยู่ในน้ำดื่มในระดับต่างๆ กันทั้งในเมืองใหญ่และเมืองเล็ก ตลอดจนถึงบ่อน้ำของเอกชนและระบบสาธารณะ

นักวิจัยอธิบายว่า งานศึกษาชิ้นนี้เป็นความพยายามครั้งแรกที่มีการตรวจหา PFAS ในน้ำประปาทั้งจากแหล่งน้ำเอกชนและแหล่งน้ำที่มีการควบคุมทั่วอเมริกา โดยอิงกับผลการวิจัยก่อนหน้านี้ที่พบว่า มีสารเคมีปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคประเภทต่างๆ อาทิ กระทะเคลือบสาร Non-stick ที่ทำให้อาหารไม่ติดกระทะ บรรจุภัณฑ์อาหาร และเสื้อผ้ากันน้ำ และสารเคมีเหล่านี้ปะปนลงสู่แหล่งน้ำ

ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของอเมริกา (อีพีเอ) ได้เสนอขีดจำกัดสำหรับ PFAS (per- and polyfluorinated substances – กลุ่มสารเคมีที่ประกอบด้วยคาร์บอนและฟลูออรีน) 6 รูปแบบในน้ำดื่มของรัฐบาลกลางเป็นครั้งแรก โดยสารเคมีเหล่านี้สามารถคงอยู่ในตัวมนุษย์นานหลายปีและไม่ย่อยสลายในธรรมชาติ โดยคาดว่า จะมีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ปลายปีนี้หรือในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม สก็อตต์ เฟเบอร์ รองประธานอาวุโสของเอนไวรอนเมนทัล เวิร์กกิ้ง กรุ๊ป ชี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้ห้ามบริษัทต่างๆ ที่ใช้สารเคมีเหล่านี้ไม่ให้ปล่อยน้ำทิ้งในระบบบำบัดน้ำเสียสาธารณะ

การศึกษาจากสัตว์ในห้องปฏิบัติการพบความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างสารเคมี PFAS กับมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งไตและมะเร็งอัณฑะ รวมถึงปัญหา เช่น ความดันโลหิตสูงและอัตราเกิดต่ำ

เคลลี่ สมอลลิ่ง นักอุทกวิทยาที่เป็นผู้นำการวิจัยนี้ ระบุว่า ปกติแล้วโครงการของรัฐบาลกลางและมลรัฐจะตรวจวัดระดับสารก่อมลพิษ เช่น PFAS ในโรงงานบำบัดน้ำเสียหรือบ่อน้ำใต้ดินที่ป้อนให้ระบบประปา ขณะที่รายงานของยูเอสจีเอสอิงกับตัวอย่างจากน้ำประปาใน 716 สถานที่ ซึ่งรวมถึง 447 แห่งที่พึ่งพิงแหล่งน้ำของรัฐบาล และ 269 แห่งที่ใช้บ่อน้ำเอกชน

ยูเอสจีเอสเก็บตัวอย่างระหว่างปี 2016-2021 ในสถานที่ต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัย แต่ยังรวมถึงโรงเรียนและสำนักงานด้วย นอกจากนั้นยังครอบคลุมพื้นที่ที่ได้รับความคุ้มครอง เช่น อุทยานแห่งชาติ บริเวณที่พักอาศัยและชนบทที่ไม่มีแหล่ง PFAS ที่ได้รับการระบุ หรือใจกลางเมืองที่มีโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานที่ทิ้งขยะที่เป็นที่รับรู้ว่า ทำให้เกิด PFAS

สมอลลิ่งเสริมว่า นักวิจัยทดสอบสารประกอบ PFAS 32 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่ตรวจพบด้วยวิธีการที่มีอยู่ แต่เชื่อว่า ยังมีสารประกอบอีกนับพันชนิดที่ไม่สามารถตรวจพบด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน โดยสารประกอบที่พบบ่อยที่สุดคือ PFBS, PFHxS และ PFOA รวมถึง PFOS ซึ่งเป็นหนึ่งในสารประกอบที่พบมากที่สุดทั่วอเมริกา

ตัวอย่างที่ให้ผลเป็นบวกมีสารประกอบ 9 ชนิด ทว่า ส่วนใหญ่พบเพียงเกือบ 2 ชนิด และความเข้มข้นเฉลี่ยอยู่ที่ 7 ส่วนต่อล้านล้านส่วนสำหรับ PFAS ทั้ง 32 ชนิด ขณะที่ PFOA และ PFOS มีความเข้มข้นเฉลี่ยราว 4 ส่วนต่อล้านล้านส่วน ซึ่งเป็นขีดจำกัดที่อีพีเอเสนอสำหรับสารประกอบทั้งสองชนิดนี้

จากข้อมูลนี้ นักวิจัยประเมินว่า สามารถพบ PFAS อย่างน้อย 1 รูปแบบในตัวอย่างน้ำประปาราว 45% ทั่วประเทศ งานศึกษานี้ตอกย้ำว่า ผู้ใช้บ่อน้ำเอกชนควรตรวจสอบน้ำว่ามี PFAS หรือไม่ และพิจารณาติดตั้งเครื่องกรองน้ำ ทั้งนี้ เครื่องกรองน้ำที่มีถ่านกัมมันต์หรือมีการกรองแบบออสโมซิสย้อนกลับผ่านเยื่อเมมเบรนสามารถกรองสารประกอบเหล่านี้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น