xs
xsm
sm
md
lg

อเมริการะส่ำ!! SCOTUS ศาลสูงสุดสหรัฐฯ พิพากษาสั่งลดอำนาจ ม.ฮาวาร์ด ห้ามใช้กฎเฉลี่ยที่นั่งตามเชื้อชาติเปิดโอกาสเด็กผิวสีได้เรียน “ไบเดน” เดือดจัดประณาม แต่เอเชียได้อานิสงส์ไปเต็มๆ เฮลั่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน วานนี้ (29 มิ.ย.) พิจารณาใช้อำนาจเพื่อยับยั้งหลังศาลสูงสุดสหรัฐฯ พิพากษามติ 6-3 สร้างความไม่พอใจไปทั่วประเทศ สั่งให้ Affirmative action หรือกฎการเฉลี่ยที่นั่งโดยใช้ปัจจัยเชื้อชาติเพื่อให้ชนกลุ่มน้อยโดยเฉพาะผิวดำและละตินอเมริกันมีโอกาสได้นั่งเรียนในระดับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนานั้นผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ แต่อเมริกันเชื้อสายเอเชียได้อานิสงส์ไปเต็มๆ กลุ่มเคลื่อนไหวสนับสนุนเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิกชื่นชมเป็นคำตัดสินครั้งประวัติศาสตร์

บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวานนี้ (30 มิ.ย.) ว่า คำพิพากษาจากศาลสูงสุดสหรัฐฯ หรือที่รู้จักในนาม SCOTUS ในวันพฤหัสบดี (29) ในคดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาในการใช้กฎ Affirmative action นั้นละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ว่าด้วยการปกป้องความเท่าเทียม

ซึ่งคำพิพากษาสั่งลดอำนาจมหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่งลง

กฎ Affirmative action เป็นการเฉลี่ยที่นั่งโดยใช้เชื้อชาติเพื่อเปิดโอกาสให้ชนกลุ่มน้อยที่เสียเปรียบเป็นต้นว่า แอฟริกันอเมริกันและละตินอเมริกันได้มีโอกาสเรียนหนังสือในระดับการศึกษาระดับสูง และโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยชื่อดังที่มีการแข่งขันสูงและมีผู้ส่งใบสมัครมาจากทั่วโลก

สื่ออังกฤษรายงานว่า กฎ Affirmative action นั้นรู้จักในอีกชื่อคือ "กีดกันแบบสร้างสรรค์" ซึ่งเป็นนโยบายที่เกิดมาครั้งแรกในยุคช่วงปี 60 ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอห์น เอฟ เคนเนดี ในสมัยอเมริกายังอยู่ในยุคเรียกร้องสิทธิมนุษยชนความเท่าเทียมทางเชื้อชาตินำโดย ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง

นโยบายนี้ได้รับการปกป้องว่าเป็นนโยบายทำให้เพิ่มความหลากหลายในสหรัฐฯ ในประเทศที่มีทั้งความหลากหลายและการกีดกันทางเชื้อชาติ และกฎนี้นอกจากถูกใช้ในการรับสมัครเข้าเรียนแล้ว ยังใช้ในการรับสมัครงานอีกด้วยเพื่อปกป้องการกีดกันในทางปฏิบัติ เป็นต้นว่า สถานีวิทยุในรัฐแคลิฟอร์เนียกำหนดให้มีโควตาสำหรับนักจัดรายการที่เป็นเพศที่ 3 โดยเฉพาะ ซึ่งประเด็นเพศที่ 3 เป็นอีกประเด็นที่ร้อนแรงในเชิงสังคมและทางการเมืองที่รุนแรง และส่งผลทำให้เบียร์อเมริกันยี่ห้อดัง "บัดไลท์" (Bud Light) ที่ใช้พรีเซนเตอร์เป็นชาวเพศที่ 3 โดนเล่นงานกระทบยอดขายอย่างหนัก

ซึ่งหลังคำพิพากษาออกมาด้วยมติ 6-3 สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วอเมริกา โดยเฉพาะกลุ่มเคลื่อนไหวทางสิทธิมนุษยชน นักการเมืองสหรัฐฯ ทั้งปีกซ้ายที่เดือดดาลและปีกขวาที่ฉลองชัย และแวดวงการศึกษาที่กำลังปวดหัว แต่เป็นที่ยอมรับว่ากลุ่มที่ได้อานิสงส์ต่อคำพิพากษาครั้งนี้คือ ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่มักถูกกล่าวว่า เป็นกลุ่มที่มีลูกหลานมีสติปัญญาดีและกล่าวแสดงความชื่นชมคุณแม่เอเชียที่เข้มงวดเหล่านี้ว่าเปรียบเสมือน “ไทเกอร์ มอม” (Tiger Mom)

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ออกมาแสดงความเห็นทางโทรทัศน์ในสหรัฐฯ วานนี้ (29) ทันทีหลังผลคำพิพากษาออกมาเพื่อปกป้องสหรัฐฯ ให้ยังคงมีความหลากหลายต่อไป

เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเพิ่มเติมว่า ไบเดนออกมาจวก SCOTUS ว่า “นี่ไม่ใช่ศาลธรรมดา” ซึ่งศาลสูงสุดสหรัฐฯ ปัจจุบันได้หันไปในทางขวาจัดหลังมีการแต่งตั้งผู้พิพากษาคนใหม่ 3 คน ที่อิงการเมืองปีกขวาสหรัฐฯ เข้าไปในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และกระทบต่อการตัดสินคดีสำคัญทางสิทธิมนุษยชนที่กระทบต่อชีวิตอเมริกันโดยรวม เช่น คดี โร วี. เวด (Roe V. Vade) ที่กระทบชีวิตผู้หญิงในสหรัฐฯ ที่อาศัยอยู่ในรัฐประกาศให้การยุติการตั้งครรภ์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย

ประธานาธิบดีไบเดน ออกแถลงการณ์จากทำเนียบขาวต่อว่า “การกีดกันทางเชื้อชาติยังคงมีอยู่ในอเมริกา คำพิพากษาในวันนี้ไม่ได้เปลี่ยนมัน มันเป็นข้อเท็จจริงง่ายๆ” ซึ่งเขากำลังพิจารณาถึงการใช้อำนาจทางบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังศาลสูงสุดออกคำสั่งจำกัดอำนาจมหาวิทยาลัยในการใช้ปัจจัยทางเชื้อชาติในกระบวนการรับสมัคร

กลุ่ม Students for Fair Admissions เป็นตัวแทนของนักศึกษาอเมริกันเชื้อชาติเอเชียในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ยื่นฟ้องมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ค้นพบว่า ทางมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในการรับสมัคร โดยเฉลี่ยนั้นพบว่าทางมหาวิทยาลัยให้คะแนนผู้สมัครเชื้อสายเอเชียต่ำทางด้านบุคลิกภาพ และความชื่นชอบต่ำกว่าเชื้อชาติอื่น

ซีธ แว็กซ์แมน (Seth Waxman) ทนายความมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดออกมาโต้กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้กีดกันผู้สมัครชาวอเมริกันเชื้อชาติเอเชีย โดยชี้ไปถึงปัจจัยเงื่อนไขหลายประการในกระบวนการรับสมัคร

อย่างไรก็ตาม ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ตามคำพิพากษาที่มีการโต้คารมระหว่างผู้พิพากษา เคลียแรนซ์ โทมัส (Clarence Thomas) และผู้พิพากษาหญิง เคทันจิ บราวน์ แจ็คสัน (Ketanji Brown Jackson) อย่างเผ็ดร้อนนั้นได้กล่าวยืนยันว่า “ทางศาลพิจารณาแล้วและเห็นว่าเหตุผลของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในการใช้ปัจจัยทางเชื้อชาติเป็นปัจจัยของหนทางในการปรับปรุงความหลากหลายนั้นล้มเหลวที่จะเจาะจงถึงความเชื่อมโยงอย่างมีความหมายระหว่างวิธีที่พวกเขาใช้และเป้าหมายที่พวกเขาต้องการบรรลุ”

เดอะการ์เดียนกล่าวว่า คำพิพากษาวานนี้ (29) จะส่งผลต่อทั้งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาในการจำกัดอำนาจของสถาบันการศึกษาชั้นสูงสำหรับกระบวนการรับสมัครโดยใช้ปัจจัยทางเชื้อชาติเป็นส่วนประกอบ ซึ่งตามการศึกษาที่ผ่านมาค้นพบว่า หากมีการยุตินโยบายกฎ Affirmative action ในการรับสมัครระดับปริญญาตรีในสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อการเข้าเรียนต่อของนักเรียนไฮสกูลแอฟริกันอเมริกัน ละตินอเมริกัน และชนเผ่าอินเดียในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ส่งผลทำให้เด็กเหล่านี้ต้องหันไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยระดับรอง และส่งผลทำให้มหาวิทยาลัยชื่อดัง เป็นต้นว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดนั้นโดนจำกัดอยู่แค่ในแวดวงบางเชื้อชาติและขาดความหลากหลาย

คำพิพากษาระบุต่อว่า นักเรียนผู้สมัครสามารถหารือเกี่ยวกับประเด็นเชื้อชาติในใบสมัคร แต่ศาลชี้ว่า มหาวิทยาลัยผิดพลาดในการตัดสินใจที่ว่า คุณสมบัติของผู้สมัครอย่างอื่นนั้นไม่สำคัญมากที่สุด เป็นต้นว่า ความสามารถ หรือวิชาที่ได้เรียนมาแต่เป็นที่สีผิวเท่านั้น

CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า กลุ่มเคลื่อนไหวสนับสนุนสิทธิชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิกออกมาแสดงความยินดีทันทีหลังสิ้นเสียงคำประกาศ

หยูกง จ้าว (Yukong Zhao) กล่าวว่า “วันนี้ถือเป็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์สำหรับชาวเอเชียและต่อชาวอเมริกันทั้งหมด หลังจากการต่อสู้ต่อการกีดกันชาวเอเชียในการรับสมัครเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยมาเป็นเวลานานถึง 35 ปี”

และเสริมว่า “ในวันนี้พวกเราได้เห็นถึงความยุติธรรมของศาลสูงสุดสหรัฐฯ วันนี้พวกเราได้เห็นถึงความยุติธรรมของศาลสูงสุดสหรัฐฯ ที่ได้มอบการปกป้องอย่างเท่าเทียมกันของกฎหมายเพื่อทุกชุมชนเชื้อชาติ”

นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิชาวเอเชียยังกล่าวต่ออีกว่า ทางกลุ่มจะเคลื่อนไหวกดดันและใช้สิทธิทางกฎหมายต่อมหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาใดก็ตามที่เชื่อว่ามีการกีดกันชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย และเสริมต่อว่า

“ลูกหลานพวกเราจะไม่ได้รับการปฏิบัติในฐานะพลเมืองชั้น 2 อีกต่อไปในระบบการรับสมัครเรียนมหาวิทยาลัย นี่ถือเป็นชัยชนะสำหรับชาวอเมริกันโดยรวม เป็นเพราะพวกเขาสมควรรักษาประชาธิปไตยของชาวอเมริกันซึ่งถือเป็นรากฐานของความฝันอเมริกันชน”


กำลังโหลดความคิดเห็น