xs
xsm
sm
md
lg

อื้ออึง!! “รอน เดอซานติส” มารอบใหม่เปิดนโยบายสุดยี้ “ถอดสิทธิเกิดในยูเอสเอได้สัญชาติอเมริกัน” ส่งกองทัพสหรัฐฯ บุก "เม็กซิโก" หากชนะเลือกตั้ง ปธน.ปีหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - วานนี้ (26 มิ.ย.) ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา รอน เดอซานติส ประกาศแผนยกเครื่องระบบการเข้าเมืองสหรัฐฯ และบังคับใช้การควบคุมพรมแดนให้เข้มงวด ยืนยันหากได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่จะสั่งยกเลิกกฎหมายได้สัญชาติตามการถือกำเนิดบนแผ่นดินอเมริกาทันที อ้างเพื่อป้องกันการรุกรานจากผู้อพยพแดนละตินอเมริกาบุกเข้ามาทางใต้ เล็งใช้กองกำลังทหารสหรัฐฯ เป็นไม้เด็ดบังคับให้เม็กซิโกต้องยอมร่วมมือ แต่คู่แข่งคนสำคัญ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ชี้ลอกนโยบายมาทั้งดุ้น

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (26 มิ.ย.) ว่า กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั่วสำหรับการออกมาประกาศแผนการปรับปรุงระบบการเข้าเมืองอเมริกาใหม่ของผู้ว่าการรัฐฟลอริดา รอน เดอซานติส (Ron DeSantis)

เกิดขึ้นระหว่างเดอซานติสเดินทางไปเยือนพรมแดนทางใต้ของสหรัฐฯ ติดเม็กซิโกในวันจันทร์ (26) เขาประกาศตูมหากชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 เขาจะสั่งยกเลิกสิทธิพลเมืองฉบับแก้ไขข้อ 14 (14th Amendment) ที่ถูกบังคับใช้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ปี 1868  รู้จักในนาม 'birthright citizenship' หรือการให้สิทธิความเป็นพลเมืองสหรัฐฯ แก่ “เด็กทุกคน” ที่ถือกำเนิดในแผ่นดินอเมริกา

นิวยอร์กโพสต์สรายงานว่า ตามแผนของผู้ว่าการรัฐฟลอริดา เขายังต้องการส่งกองกำลังทหารสหรัฐฯ ไปเม็กซิโกและให้คำมั่นที่จะทำให้กำแพงกั้นพรมแดนทางใต้สำเร็จตามชื่อปฏิบัติการ “ไม่มีข้ออ้างในการหยุดการรุกราน” (“No excuses: stop the invasion”) ของเขา

ส่งผลทำให้ลูกของผู้อพยพผิดกฎหมายในอเมริกาจะไม่ได้รับสัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัติหากว่าเดอซานติสขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่

แผนการเหล่านี้คล้ายคลึงกับนโยบายปรับปรุงการเข้าเมืองของคู่แข่ง อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยออกมาประกาศในการยกเลิกสิทธิได้สัญชาติจากการถือกำเนิดในอเมริกาก่อนหน้า บางสื่อชี้ว่า เดอซานติสต้องการเตะตัดขาทรัมป์หาเสียงเอาใจฐานเสียงพรรครีพับลิกัน

ซึ่งที่ผ่านมาในสหรัฐฯ ทั้งเดอซานติสในฐานะผู้ว่าการรัฐฟลอริดาและผู้ว่าการรัฐเทกซัส เกร็ก แอ็บบอตต์ (Greg Abbott) ต่างกล่าวโทษทำเนียบขาวของประธานาธิบดีพรรคเดโมแครต โจ ไบเดน ให้ท้ายผู้อพยพและเป็นตัวตั้งตัวตีนำผู้อพยพแดนละตินอเมริกาใส่เครื่องบินหรือรถบัสส่งไปตามรัฐสีน้ำเงินพรรคเดโมแครตทั้งรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐนิวยอร์ก และรัฐแมสซาชูเซตส์ สร้างความไม่พอใจและปวดหัวให้รัฐเหล่านั้น

สิทธิพลเมืองสหรัฐฯ ฉบับแก้ไขข้อ 14 (14th Amendment) นี้เป็นสิทธิที่ถือกำเนิดขึ้นหลังจากฝ่ายเหนือหรือเดอะยูเนียน (The Union) รบกับฝ่ายใต้ หรือเดอะคอนเฟดเดอเรชัน (The Confederation) มานาน 4 ปี และสามารถปลดปล่อยทาสผิวดำที่ถูกนำมาอเมริกาตั้งแต่ก่อนสหรัฐฯ ตั้งเป็นประเทศในปี 1776

สื่อเดอะแอตแลนติกของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ปี 2018 ว่า เป้าหมายสิทธิพลเมืองฉบับแก้ไขข้อ 14 เพื่อต้องการให้อดีตทาสผิวสีที่แต่เดิมไม่มีสิทธิอันใดสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกาได้โดยให้สิทธิความเป็นพลเมืองอเมริกันแก่คนเหล่านี้ผ่านทางกฎหมายสิทธิพลเมืองสหรัฐฯ ฉบับแก้ไขข้อ 14 ซึ่งถูกบัญญัติอยู่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ

และศาลสูงสุดสหรัฐฯ ตัดสินคดีประวัติศาสตร์เมื่อปี 1898 ที่ตัดสินว่า คดีหว่อง คิม อาร์ค (Wong Kim Ark) ซึ่งเป็นลูกผู้อพยพชาวจีนที่ถูกห้ามได้สัญชาติอเมริกันจากกฎหมาย Chinese Exclusion Act แต่ทว่าเขาเกิดในสหรัฐฯ ส่งผลทำให้ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ตัดสินตามสิทธิพลเมืองฉบับแก้ไขข้อ 14 ให้เขาเป็นพลเมืองอเมริกันจากการถือกำเนิดในประเทศ บิสซิเนสอินไซเดอร์ชี้

นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาประณามไบเดนว่า

“โจ ไบเดนล้มเหลวต่อความรับผิดชอบพื้นฐานส่วนใหญ่ของการทำให้พรมแดนของสหรัฐฯ ของพวกเรามีความปลอดภัย”

และ “การละเลยต่อหน้าที่ขั้นร้ายแรงของไบเดนส่งผลทำให้พรมแดนทางใต้ตกอยู่ในความน่าอับอาย”

อ้างอิงจากเอกสารของเดอซานติสตามแผนการ “ไม่มีข้ออ้างในการหยุดการรุกราน” กล่าวว่า

“รางวัลของการได้สัญชาติที่อยู่ตรงหน้าของลูกผู้อพยพผิดกฎหมายถือเป็นแรงบันดาลใจใหญ่ของการเข้าเมืองผิดกฎหมาย”

และกล่าวต่อว่า “มันยังไม่เป็นไปตามความตั้งใจดั้งเดิมของสิทธิพลเมืองฉบับแก้ไขข้อ 14 และเดอซานติสจะบังคับให้ศาลและสภาคองเกรสสหรัฐฯ จะต้องตอบต่อนโยบายที่ล้มเหลวนี้ในท้ายที่สุด”

นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า ในวันจันทร์ (26) ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาสายเหยี่ยวยังข่มขู่ที่จะส่งกองทัพสหรัฐฯ เข้าไปในเม็กซิโกหากรัฐบาลเม็กซิโกไม่ยินยอมร่วมมือตามการร้องขอของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของเขาในเรื่องความมั่นคงทางพรมแดน

เอกสารระบุว่า “หากว่ารัฐบาลเม็กซิโกยังคงเพิกเฉย เดอซานติสจะถือสิทธิออกปฏิบัติการข้ามพรมแดนเพื่อทำให้พรมแดนสหรัฐฯ ของพวกเราปลอดภัยจากความเคลื่อนไหวของแก๊งค้ายาเสพติดแดนจังโก้”

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ชี้ว่า ขณะที่ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาประกาศจะทำให้พรมแดนมีความมั่นคงมากกว่า โดนัลด์ ทรัมป์ แต่ทว่าบรรดานักวิจารณ์ต่างออกมาชี้ว่า นโยบายหาเสียงปรับปรุงระบบเข้าเมืองสหรัฐฯ นี้เหมือนลอกมาจากของทรัมป์ยังไงยังงั้น มีบางส่วนถึงขั้นประณามว่า “เป็นนโยบายตัดแปะ”

ทั้งนี้ ทรัมป์ได้ออกมาโพสต์ออนไลน์ในเรื่องนี้มีใจความว่า “การหาเสียงของ DeSanctus (คาดว่าจะล้อมาจากชื่อ DeSantis บวกกับคำว่า potus : ประธานาธิบดีสหรัฐฯ) เป็นแค่เหล้าเก่าในขวดใหม่ของทุกสิ่งที่ผมได้เคยทำมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุดและความแข็งแกร่งมากที่สุดในพรมแดนในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ”

ทั้งนี้ มีนักการเมืองอเมริกันจำนวนมากที่ถือกำเนิดมาจากพ่อและแม่ที่ไม่ใช่เป็นชาวอเมริกันโดยกำเนิด รวมถึงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน กมลา แฮร์ริส ซึ่งมีพ่อเป็นนักเศรษฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดที่เกิดในจาไมกา และแม่เป็นชาวอินเดียเป็นนักวิจัยด้านมะเร็งเต้านม

ขณะที่อีกคนได้แก่ ส.ว. มาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) จากพรรครีพับลิกันซึ่งใช้จุดหาเสียงเป็นชาวอเมริกันรุ่นแรกของพ่อแม่ผู้อพยพชาวคิวบาจนสามารถเข้าสู่สภาคองเกรสสำเร็จ รูบิโอซึ่งเกิดในสหรัฐฯ ได้ออกหนังสือของตัวเองชื่อ An American Son: A Memoir ในปี 2012 เล่าเกี่ยวกับครอบครัวของเขาและประสบการณ์ของการลงชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิก

ซึ่งรูบิโอยอมรับในรายงานของบิสซิเนสอินไซเดอร์เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ปี 2023 ว่าค่าลิขสิทธิ์จากหนังสือที่ได้มาจำนวน 800,000 ดอลลาร์เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาสามารถจ่ายหนี้การศึกษาทั้งหมด 100,000 ดอลลาร์ได้หมดลงในคราวเดียว


กำลังโหลดความคิดเห็น