เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - สื่ออังกฤษจับตาประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน และผู้บัญชาการกองกำลังวากเนอร์ เยฟเกนี ปรีโกจิน ถึงที่ตั้งปัจจุบันของคนทั้งคู่หลังการก่อกบฏของวากเนอร์ในรัสเซียจบลงในวันเสาร์ (24 มิ.ย.) แต่ทว่า 24 ชั่วโมงหลังจากนั้นกลับพบว่าคนทั้งคู่ล่องหน สร้างความแปลกใจให้สื่อตะวันตก
เดอะซัน สื่ออังกฤษ รายงานวานนี้ (25 มิ.ย.) ว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน และผู้บัญชาการกองกำลังวากเนอร์ เยฟเกนี ปรีโกจิน ถูกพบเห็นเป็นครั้งสุดท้ายในวันเสาร์ (24)
ในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (25) เกรย์โซน (Grey Zone) ที่เชื่อมกับกองกำลังทหารรับจ้างวากเนอร์ ได้โพสต์ภาพสะเทือนอารมณ์ผ่านทางช่องทางเทเลแกรม แสดงภาพนายใหญ่ปรีโกจินกำลังใช้นิ้วปิดปากแสดงสัญลักษณ์ให้เงียบต่อหน้ากล้องพร้อมกับคำพูดชวนคิดว่า “แผนการมักรักความเงียบ” หรือ "Plans love silence." ที่มีจำนวนมากคาดเดาว่า บางทีวากเนอร์อาจกำลังวางแผนอะไรอยู่
เดลีเทเลกราฟ สื่ออังกฤษ รายงานว่าในช่วงการส่งคอนวอยวากเนอร์ไปกรุงมอสโกนั้น มีเพียงกำลังทหารรับจ้างวากเนอร์แค่ 8,000 นาย ไม่ใช่ทั้งหมด 25,000 นายที่คาดว่าเป็นจำนวนสมาชิกที่ทางกลุ่มมี
แต่ว่าในเวลานี้ปรีโกจินที่มีภาพออกเดินทางจากเมืองรอสตอฟเพื่อไปเบลารุส ทีมโฆษกของปรีโกจินอ้างว่า ไม่สามารถติดต่อกับผู้บัญชาการวากเนอร์ โดยในแถลงการณ์กล่าวว่า “เขาพูดว่า “สวัสดี” กับทุกคนและตอบทุกคำถามเมื่อครั้งที่เขากลับมาติดต่อได้ตามปกติ”
ซึ่งสื่อรัสเซียชื่อดังทั้ง Meduza และ RTVI ต่างรายงานสถานะของปรีโกจินว่า “ไม่ทราบ”
เดอะซันชี้ว่า นอกเหนือจากปรีโกจินแล้ว พบว่าประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน นั้นไม่ปรากฏว่าอยู่ที่ใดเช่นกัน ไม่ปรากฏต่อสาธารณะในวันอาทิตย์ (25) นอกเหนือไปจากการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์รัสเซียที่มีการอัดบันทึกไว้ล่วงหน้า
ด้านอดีตหัวหน้าบรรณาธิการประจำกรุงมอสโกของ CNN จีน ด็อกเกอร์ตี (Jean Dougherty) แสดงความเห็นถึงปูตินว่า ผู้นำรัสเซียจะไม่มีวันอภัยต่ออดีตเชฟ เยฟเกนี ปรีโกจิน เด็ดขาด
พร้อมแสดงความเห็นว่า บางทีปรีโกจินอาจถูกสังหารในเบลารุส เธอยืนยันว่า “ปรีโกจินไม่มีวันอภัยต่อผู้ทรยศ”
“ถึงแม้ว่าประธานาธิบดีปูตินจะพูดว่า “ปรีโกจิน คุณไปเบลารุส แต่เขายังคงเป็นผู้ทรยศและผมคิดว่าปูตินจะไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด”
แต่อย่างไรก็ตาม อดีตหัวหน้าบรรณาธิการข่าว CNN ประจำกรุงมอสโกชี้ว่า เยฟเกนี ปรีโกจิน ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่คนที่เหมือนโดนทำร้ายแต่อย่างใดจากการที่เขาเป็นหัวหอกนำกำลังพลเคลื่อนตัวออกไปจากเมืองรอสตอฟท่ามกลางเสียงเชียร์ประชาชนรัสเซียที่โบกมือให้กำลังใจไม่เหมือนกับผู้ปราชัย