เอเจนซีส์ - เครื่องบินกองทัพแคนาดา P8 Poseidon พบเสียงสะท้อนดังออกมาทุก 30 นาทีในจุดสูญหาย ท่ามกลางความวิตก ออกซิเจนกำลังเหลือแค่ 30 ชั่วโมงในเรือดำน้ำชมซากไททานิกของบริษัทโอเชียนเกต ฮือฮาเกิดเกาเหลากลางวงกู้ภัยพบ ทีมกู้ภัยอังกฤษไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯเข้าร่วมค้นหา
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันพุธ(21 มิ.ย)ว่า อุปกรณ์โซนาร์ดักจับสัญญาณดังใต้ทะเลออกมาจากจุดูญหายในวันอังคาร(20)โดยเครื่องบินกองทัพแคนาดา P8 Poseidon
อ้างอิงจากบันทึกภายในรัฐบาลสหรัฐฯระบุว่า พบว่าลูกเรือได้ยินเสียงดังออกมาทุก 30 นาทีและ 4 ชั่วโมงหลังจากนั้นที่มีการนำอุปกรณ์ตรวจจับซาวนาร์เพิ่มเติม เสียงดังกล่าวที่ว่ายังคงได้ยินอยู่
แต่ทว่าไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เสียงสะท้อนจากใต้ทะเลที่ดังออกมานี้ถูกตรวจพบเมื่อใดและเสียงที่เป็นเสมือนสัญญาณการค้นพบใหม่นี้ดังนานเท่าใด
โดยในรายงานอัปเดตระบุว่า เสียงสะท้อนที่ดังและที่จะสนับสนุนอุปกรณ์ในการค้นหาเหนือพื้นผิวน้ำเป็นการบ่งชี้ไปถึงความหวังของผู้รอดชีวิต
ในรายงานกล่าวว่าเครื่องบินแคนาดา P8 Poseidon ที่มีอุปกรณ์ตรวจจับใต้น้ำยังตรวจพบวัตถุสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวลอยน้ำ แต่ทว่าเรือลำที่ถูกส่งให้ไปสอบสวนถูกสั่งให้ไปตรวจสอบเสียงลึกลับแทน
ทางหน่วยงานยามฝั่งสหรัฐฯกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า เสียงใต้ทะเลที่เครื่องบินทหารแคนาดาสามารถตรวจพบนั้นทำให้มีการเคลื่อนย้ายทรัพยากรไปเพื่อตามหาต้นกำเนิดของเสียง แต่ทว่าผลการค้นพบยังไม่ประสบความสำเร็จ
CNN รายงานว่า โฆษกกองทัพกลาโหมสหรัฐฯเปิดเผยว่า ได้มีการส่งทีมผู้เชี่ยวชาญออกไปรวมไปถึงอุปกรณ์พิเศษ Flyaway Deep Ocean Salvage System ซึ่งมาจนถึงคืนวันอังคาร(20)พบว่าภายในเรือดำน้ำ Titan submersible ของโอเชียนเกตคาดว่าน่าจะมีอากาศอยู่ได้แค่อีก 30 ชั่วโมงเท่านั้น
ซึ่งเรือดำน้ำถูกกำหนดให้มีอากาศด้านในนาน 96 ชั่วโมงซึ่งกำลังจะหมดลงในเช้าวันพฤหัสบดี(22) อ้างอิงจากยาฮูนิวส์
เป็นความคืบหน้าล่าสุดของการระดมการค้นหานานาชาติตามเรือดำน้ำท่องเที่ยวโอเชียนเกตสูญหายวันอาทิตย์ (18 มิ.ย.) เรือดำน้ำท่องเที่ยวมีจุดมุ่งหมายเพื่อชมซากเรือเดินสมุทรไททานิคชื่อดังที่จมอยู่ก้นทะเลลึกในระดับความลึก 12,500 ฟุต (3,800 เมตร) ห่างจากเมืองนิวฟาวแลนด์ (Newfoundland) ของเซนต์ จอห์น (St John) ในแคนาดาไปทางใต้ 435 ไมล์ (700 ไมล์) หรือ 900 ไมล์ทะเลทางตะวันออกของเคปค็อด (Cape Cod) รัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งปฏิบัติการกู้ภัยเรือดำน้ำโอเชียนเกตออกมาจากเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐฯ
เรือดำน้ำ Titan submersible มีความสามารถดำน้ำได้ลึกราว 4,000 เมตร หรือราว 13,120 ฟุต หนัก 9,072 กิโลกรัม ทำมาจากไทเทเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ชนิดพิเศษ ซึ่งในระหว่างการสูญหายมีคนทั้งหมดอยู่ด้านใน 5 คนที่ต่างเป็นคนดังระดับโลกรวม ซีอีโอบริษัทเรือดำน้ำท่องเที่ยวโอเชียเกตของสหรัฐฯ สต็อกตัน รัช (Stockton Rush) พ่อลูกชายวัยรุ่นมหาเศรษฐีชาวปากีสถานที่ร่วมทริปครั้งประวัติศาสตร์ ชาห์ซาดา ดาวูด (Shahzada Dawood) และซูเลมาน (Suleman) ที่มาจากตระกูลดังแห่งอิสลามาบัด
และนักดำน้ำมืออาชีพและนักแต่งนวนิยายชื่อดังชาวฝรั่งเศส พอล-อองรี นาร์เจอเลต (Paul-Henri Nargeolet) รวมถึง นักผจญภัยมหาเศรษฐีพันล้านอังกฤษ เฮมิช ฮาร์ดิง (Hamish Harding) ซึ่งทั้งหมดต้องจ่ายค่าเดินทางราว 250,000 ดอลลาร์/คนสำหรับการเดินทาง 8 วันรวมทริปดำน้ำชมเรือไททานิคที่น่าตื่นตา
จากการที่มีพลเมืองอังกฤษร่วมอยู่ในกลุ่มผู้สูญหายส่งผลทำให้อังกฤษตัดสินใจส่งทีมกู้ภัยออกมาช่วยการค้นหาแต่ทว่างานนี้กลับมีเกาเหลาไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นเพราะ ทีมกู้ภัยอังกฤษถูกเบรกจากสหรัฐฯไม่ให้เข้าร่วม
เดอะมิร์เรอร์ ของอังกฤษรายงานวันนี้(21)ว่า อุปกรณ์ควบคุมจากระยะไกลของอังกฤษถูกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบล็อกการเข้าร่วม โดยทีมผู้เชี่ยวชาญน้ำลึกจากบริษัทสัญชาติอังกฤษ Magellan Limited ยังคงรอไฟเขียวอนุญาตจากสนามบิน Channel Islands มาตั้งแต่เวลา 19.00 น.ของวันจันทร์(19) แต่มาจนถึงเวลาล่าสุดยังคงไม่ได้รับอนุญาต
ในรายละเอียดพบว่า อุปกรณ์บริษัทเอกชนดังกล่าวที่มีความสามารถในการตามหาเรือดำน้ำชมซากเรือไททานิคนั้นได้รับไฟเขียวจากกระทรวงกลาโหมอังกฤษให้ออกเดินทางจากน่านฟ้าอังกฤษได้ แต่กลับพบว่ารัฐบาลสหรัฐฯไม่อนุญาตการเดินทางออกไป
โดย เบรตตัน ฮันแชค (Bretton Hunchak) อดีตประธานบริษัท RMS Titanic Inc ที่ทำงานร่วมกัน Magellan Limited เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์อังกฤษว่า เจ้าหน้าที่อเมริกันให้เหตุผลว่า "พวกเขาต้องการใช้เรือปฎิบัติการที่มีฐานอยู่ในนิวยอร์กในการค้นหามากกว่า"
เดอะมิร์เรอร์รายงานว่า แต่ทว่าเรืออเมริกันมีความสามารถเข้าถึงในระดับน้ำความลึก 3,000 เมตรซึ่งต่างจากของอุปกรณ์ของบริษัทอังกฤษที่อ้างว่าสามารถลงไปได้ถึง 5,000 เมตร
