เอเจนซีส์ - ทั่วโลกเฝ้าชมปฏิบัติการกู้ภัยค้นหาเรือดำน้ำท่องเที่ยวโอเชียนเกตสูญหายวันอาทิตย์ (18 มิ.ย.) และมีหน่วยงานสหรัฐฯ และแคนาดา รวมไปถึงของเอกชนออกปฏิบัติการค้นหา หลังขาดการติดต่อกับเรือแม่นาน 1 ชั่วโมง 45 นาที ซึ่งในเวลานี้คนทั้งหมด 5 คนในเรือ รวมซีอีโอโอเชียนเกต นักผจญภัยมหาเศรษฐีพันล้านอังกฤษ เฮมิช ฮาร์ดิง (Hamish Harding) และนักดำน้ำมืออาชีพฝรั่งเศส พอล-อองรี นาร์เจอเลต (Paul-Henri Nargeolet) และ 2 พ่อลูกมหาเศรษฐีปากีสถาน ที่อากาศบนเรือเหลือแค่ 70 ชั่วโมงเท่านั้น กับสนนราคาค่าตั๋วท่องเที่ยว 250,000 ดอลลาร์/คนสำหรับการดำดิ่งไปสัมผัสซากเรือไททานิคของจริง
หนังสือพิมพ์ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันนี้ (19 มิ.ย.) ว่า ยังคงเป็นที่วิตกถึงชะตากรรมของคนทั้ง 5 ที่อยู่ด้านในเรือดำน้ำท่องเที่ยวขนาด 21 ฟุต ที่ขาดการติดต่อกับเรือแม่นาน 1 ชั่วโมง 45 นาที ในเช้าวันอาทิตย์ (18) โดยมีชื่อ 2 ผู้โดยสารคนสำคัญได้แก่ นักผจญภัยมหาเศรษฐีพันล้านอังกฤษ เฮมิช ฮาร์ดิง (Hamish Harding) และนักดำน้ำมืออาชีพและนักแต่งนวนิยายชื่อดังชาวฝรั่งเศส พอล-อองรี นาร์เจอเลต (Paul-Henri Nargeolet) ที่ยอมจ่ายค่าโดยสารท่องเที่ยวแพงหูฉี่ 250,000 ดอลลาร์/คน สำหรับการเดินทาง 8 วัน รวมประสบการณ์ดำน้ำนั้นว่า ผู้โดยสารทั้ง 5 คนมีเวลาไม่มากนักเพราะบนเรือดำน้ำขนาดเล็กนี้มีอากาศออกซิเจนหลงเหลือแค่ไม่เกิน 70 ชั่วโมงแล้ว
ตามการรายงานพบเรือดำน้ำของบริษัทโอเชียนเกตสัญชาติสหรัฐฯ เริ่มออกเดินทางมาตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ (18) จากเรือวิจัยแคนาดา โพลาร์ พรินซ์ (Polar Prince) ซึ่งเป็นเรือแม่ อ้างอิงจากหน่วยงานยามฝั่งสหรัฐฯ ที่เป็นผู้นำทีมในการออกปฏิบัติการค้นหาร่วมกับหน่วยงานยามฝั่งของแคนาดาและภาคเอกชน
NBC News ของสหรัฐฯ กล่าวว่า หน่วยงานยามฝั่งสหรัฐฯ กล่าวผ่านแถลงการณ์วันจันทร์ (19) มีใจความว่า ทางหน่วยงานได้ส่ง เครื่องบิน C-130 จำนวน 2 ลำ ออกไปค้นหาทางอากาศ พร้อมกับทุ่นโซนาร์ (sonar buoy) ที่ได้ยินในระดับความลึก 13,000 ฟุต
โดยหน่วยงานยามฝั่งรัฐนิวยอร์กส่งเครื่องบิน C-130 ลำที่ 3 ออกไปค้นหา ส่วนหน่วยงานยามฝั่งแคนาดาส่งเครื่องบิน C-130 จำนวน 1 ลำ พร้อมกับเครื่องบิน P8 Poseidon ที่มีความสามารถในการตรวจจับใต้ทะเล
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานว่า เรือดำน้ำท่องเที่ยวมีจุดมุ่งหมายเพื่อชมซากเรือเดินสมุทรไททานิคชื่อดังที่จมอยู่ก้นทะเลลึกในระดับความลึก 12,500 ฟุต (3,800 เมตร) ห่างจากเมืองนิวฟาวแลนด์ (Newfoundland) ของเซนต์ จอห์น (St John) ในแคนาดาไปทางใต้ 435 ไมล์ (700 ไมล์) หรือ 900 ไมล์ทะเลทางตะวันออกของเคปค็อด (Cape Cod) รัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งปฏิบัติการกู้ภัยเรือดำน้ำโอเชียนเกตออกมาจากเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐฯ
คนทั้งหมดอยู่บนเรือดำน้ำชื่อ Titan submersible ดิอินดีเพนเดนท์รายงานว่าในบ่ายวันจันทร์ (19) พล.ร.ต.จอห์น เมาเกอร์ (John Mauger) จากหน่วยงานยามฝั่งสหรัฐฯ ที่เป็นผู้นำการค้นหากล่าวว่า
"พวกเราคาดว่าจะมีโอกาสราว 70-96 ชั่วโมงเต็มในจุดนี้"
นอกเหนือจากคนดังจากทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส เชื่อว่าซีอีโอบริษัทเรือดำน้ำท่องเที่ยวโอเชียเกตของสหรัฐฯ สต็อกตันรัช (Stockton Rush) อยู่บนลำเรือดังกล่าวด้วย ซึ่งแถลงการณ์จากบริษัทระบุว่า กำลังเสาะหาและระดมทุกช่องทางเพื่อนำลูกเรือทั้งหมดกลับมาอย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ ผู้โดยสารที่เหลืออีก 2 คน คือพ่อลูกมหาเศรษฐีชาวปากีสถานที่ร่วมทริปครั้งประวัติศาสตร์ ชาห์ซาดา ดาวูด (Shahzada Dawood) และซูเลมาน (Suleman) ที่มาจากตระกูลดังอิสลามาบัด บีบีซีรายงานและเสริมต่อว่า ชาห์ซาดานั้นมีชื่อเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบอร์ดสถาบันวิจัย SETI ชื่อดัง
เรือดำน้ำ Titan submersible มีความสามารถดำน้ำได้ลึกราว 4,000 เมตร หรือราว 13,120 ฟุต หนัก 9,072 กิโลกรัม ทำมาจากไทเทเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ชนิดพิเศษที่เรือลำดังกล่าวสามารถทนต่อแรงดันมหาศาลใต้ก้นทะเลลึก ซึ่งเดือนที่ผ่านมา บริษัทโอเชียนเกตเปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า ขณะที่อยู่ในกลางทะเลได้มีการทำให้สัญญาณการติดต่อเกิดขึ้นผ่านทางอินเทอร์เน็ตดาวเทียมสตาร์ลิงก์ของอีลอน มัสก์
บีบีซีรายงานว่า มีการตามหาในช่วงเวลากลางคืนด้วย แต่ที่ผ่านมายังคงไร้ผลซึ่งเรือดำน้ำขนาดเล็กนี้เกิดสูญหายขณะอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก ในค่ำวันจันทร์ (19) เรือแม่คือเรือวิจัยแคนาดา โพลาร์ พรินซ์ ออกติดตามค้นหา พื้นที่การค้นหาอยู่ในที่ห่างไกลทำให้ปฏิบัติการนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากและซับซ้อน
