เอเจนซีส์ - วงในข่าวกรองสหรัฐฯ ชี้ในการสอบสวนเบื้องต้นระบุ “มอสโก” เป็นคนลงมือระเบิดเขื่อนโนวาคาคอฟกา (Nova Kakhovka) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญป้อนให้ไครเมียและโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ นาโตวิเคราหะเขื่อนพังคนได้ผลประโยชน์เต็มๆ คือรัสเซีย และไม่ใช่เสียหายจากการโดนโจมตีทาางอากาศ น้ำยังทะลักไม่หยุดในวันพุธ (7 มิ.ย.) กระทรวงกลาโหมอังกฤษเตือน เขื่อนมีสิทธิแตกเป็นเสี่ยงในอนาคต ภาพดาวเทียมเปิดพบถนนบนเขื่อนเสียหายไม่กี่วันก่อนหน้า ด้านประธานาธิบดีเซเลนสกี ลั่นเป็นการวางระเบิดทางนิเวศวิทยาผลทำลายล้างสูงต่อยูเครนโดยฝีมือก่อการร้ายของปูติน
NBC News รายงานวานนี้ (7 มิ.ย.) ซึ่งถึงแม้ว่าในเวลานี้รัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ยังคงอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการแตกของเขื่อนโนวา คาคอฟกา (Nova Kakhovka) ของยูเครนในวันอังคาร (6) ที่ส่งก้อนมวลน้ำมหาศาลเข้าท่วมเป็นวงกว้าง
เขื่อนแห่งนี้ตั้งอยู่เพื่อกักเก็บน้ำจากแม่น้ำดนิโปร (Dnipro) ในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนที่เมืองเคียร์ซอนเพื่อป้อนให้แหลมไครเมียทางใต้ของยูเครนที่โดนรัสเซียผนวกไปเมื่อปี 2014 และโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาโปริซเซีย (Zaporizhzhia) ทางตอนเหนือของยูเครน รวมไปถึงประชาชนยูเครนจำนวนมากใช้สอย อ้างอิงจากเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ
ซึ่งหลังเขื่อนแตกพบว่า ระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้ามีระดับลดลงแต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นอันตราย
นอกจากนี้ น้ำจากเขื่อนยังส่งไปให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำคาคอฟกา ซึ่งความเสียหายจากเขื่อนจะยิ่งเพิ่มผลกระทบทางปัญหาพลังงานให้ยูเครนให้หนักขึ้น
ทั้งนี้ แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 คน และเจ้าหน้าที่ตะวันตก 1 คน เปิดเผยกับ NBC News ว่า สหรัฐฯ มีข่าวกรองลับที่ชี้ไปว่า รัสเซียเป็นตัวการโจมตีเขื่อนยูเครน ซึ่งในเวลานี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการเพื่อปลดล็อกชั้นความลับของข่าวกรองบางส่วนเพื่อเปิดเผย คาดว่าเร็วที่สุดน่าจะเป็นช่วงบ่ายวันอังคาร (6)
ขณะเดียวกัน หนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาโตได้เปิดเผยกับ NBC News วานนี้ (6) ว่า เชื่อว่าผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการที่เขื่อนยูเครนแตกคือ รัสเซีย เขากล่าวว่า “มันน่าโกรธเคืองมาก” และเสริมต่อว่า “มันเป็นการโจมตีอีกครั้งที่รุนแรง”
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่นาโตเปิดเผยว่า เชื่อว่าเขื่อนโนวา คาคอฟกา ของยูเครนนี้ไม่ได้เสียหายมาจากการโจมตีทางอากาศ ยาฮูนิวส์รายงานว่า ในการสอบสวนเบื้องต้นของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ชี้ไปว่า เขื่อนโดนระเบิดโดยฝีมือของรัสเซียแต่ไม่ยอมเปิดเผยมากไปกว่านี้
ซึ่งพยานเป็นชาวบ้านที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงแสดงความเห็นกับยาฮูนิวส์ว่า ได้ยินเสียงดังมากคล้ายกับเสียงระเบิดที่เขื่อนที่บ่งชี้ว่า อาจเป็นการใช้ระเบิดจำนวนมหาศาล
ยาฮูนิวส์ชี้ว่า ทั้งนี้การโจมตีเป็นวงกว้างทางสิ่งปลูกสร้างของยูเครนในครั้งก่อนหน้าของรัสเซีย “เกือบจะ” นำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในระบบอาวุธจากพันธมิตรชาติตะวันตก
ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประณามการโจมตีชี้ว่า เป็นการก่อการร้ายของรัสเซีย ขณะที่ฝ่ายประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน โต้กลับว่า รัสเซียไม่เกี่ยวข้องแต่เป็นผลมาจากการยิงต่อสู้จากเคียฟ
ในแถลงการณ์ของผู้นำยูเครน เขายังยืนยันถึงหายนะครั้งนี้ว่า “ระเบิดทางนิเวศวิทยาที่มีผลการทำลายล้างสูง”
ซึ่งผลจากเขื่อนเสียหายทำให้ยูเครนต้องใช้งบไม่ต่ำกว่า 60 ล้านดอลลาร์เพื่อแจกจ่ายน้ำดื่มให้ประชาชนที่ประสบภัยเพื่อแก้ปัญหา และอีก 40 ล้านดอลลาร์สำหรับการสร้างเครือข่ายท่อประปาหลักเพื่อแจกจ่ายน้ำดื่ม และอีก 22.8 ล้านดอลลาร์จะส่งให้ 4 เมืองที่ตั้งตามแนวแม่น้ำดนิโปร รวมเมืองเคียร์ซอน และเมืองไมโคเลฟ (Mykolaiv) ใกล้ทะเลดำเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำบริโภค
ทั้งนี้ การไหลทะลักของน้ำจากเขื่อนยังคงเกิดขึ้นต่อไปในวันพุธ (7) ซึ่งเป็นวันที่ 2 หลังการโจมตี PA NEWS รายงานและชี้ว่า กระทรวงกลาโหมอังกฤษที่มักรายงานอัปเดตข่าวกรองลับอังกฤษในสมรภูมิยูเครนเปิดเผยว่า น้ำในอ่างเก็บน้ำอยู่ในระดับสูงก่อนเขื่อนแตก ซึ่งมีการคาดว่าระดับน้ำจะไหลทะลักออกจากเขื่อนสูงสุดวันนี้ (7)
และในรายงานสรุปข่าวกรองลับอังกฤษอ้างอิงจากดิอิฟนิงสแตนดาร์ดของอังกฤษ กล่าวว่า มีการประเมินว่าโครงสร้างของเขื่อนน่าจะแตกเป็นเสี่ยงเพิ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมเพิ่ม
ตามการรายงานของข่าวกรองลับชี้ว่า เขื่อนโนวา คาคอฟกา ในเขตพื้นที่ยึดครองของรัสเซียโดนโจมตีก่อนเวลาราวตี 3 ตามเวลาท้องถิ่นของวันอังคาร (6) ส่งผลทำให้ในส่วนปีกทางตะวันออกของเขื่อน และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ถูกน้ำพัดพาหายไป ซึ่ง CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานจากการวิเคราะห์ภาพดาวเทียมของบริษัท Maxar แสดงให้เห็นว่า ถนนบนสันเขื่อนที่เคยอยู่ในสภาพปกติเมื่อวันที่ 28 พ.ค. นั้นกลับพบว่า" หลุดหายไป" จากภาพถ่ายของวันที่ 5 มิ.ย.
ตามการวิเคราะห์ของ CNN ระบุว่า การหายไปของถนนสันเขื่อนน่าจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 มิ.ย.ก็เป็นได้