xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าชายแฮร์รีเสี่ยงโดน “ถอนวีซ่าสหรัฐฯ” หลังคดีขึ้นศาล หนังสือบันทึกความทรงจำ Spare พ่นพิษประเด็นเคยเสพยาระหว่างเสด็จศาลลอนดอนคดี “เดลีมิร์เรอร์แฮกโทรศัพท์สมัยอีตัน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์ - เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ เสด็จขึ้นศาลกรุงลอนดอนวันอังคาร (6 มิ.ย.) คดีสื่อผู้ดี เดลีมิร์เนอร์แฮกโทรศัพท์ระหว่างทรงศึกษาที่วิทยาลัยอีตันเพื่อหาข้อมูลขุดคุ้ย กลายเป็นสมาชิกราชวงศ์อังกฤษในรอบ 130 ปีขึ้นสู่ศาล ระหว่างคดีวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ของพระองค์ขึ้นสู่ศาลในอเมริกาโดยสถาบันธิงแทงก์ เฮอริเทจ ฟาวเดชัน (Heritage Foundation) หลังหนังสือบันทึกความทรงจำ Spare พ่นพิษประเด็นเคยใช้ยาเสพติด

บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (6 มิ.ย.) ว่า เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ปรากฏพระองค์ที่ศาลกรุงลอนดอนในวันอังคาร (6) ในคดีสื่อชื่อดังของอังกฤษแฮกโทรศัพท์มือถือในสมัยทรงพระเยาว์เพื่อรายงานขุดคุ้ยเกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษ

ในการขึ้นศาลพระองค์ทรงให้การเป็นลายลักษณ์อักษรและถูกถามซักค้านอยู่ในคอกพยาน CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานบรรยากาศว่า เจ้าชายแฮร์รีทรงตกภายใต้ความกดดันจากการซักค้านของ แอนดรูว์ กรีน เคซี (Andrew Green KC) ทนายฝ่ายตรงข้ามของหนังสือพิมพ์ มิร์เรอร์ กรุ๊ป (Mirror Group Newspapers) หรือ MGN ที่อ้างว่า "ไม่เคยใช้วิธีผิดกฎหมาย" ในการได้ข้อมูลภายในเพื่อตีพิมพ์บทความตามที่เจ้าชายแฮร์รีทรงอ้างไปถึงบทความ 140 ชิ้นที่ถูกตีพิมพ์ระหว่างปี 1996-2010 โดยจากจำนวนทั้งหมด 140 ชิ้นนั้นมีบทความ 33 ชิ้นจากทั้งหมดที่พระองค์ทรงนำขึ้นสู่ศาล

บีบีซีรายงานว่า ในการให้การพระองค์ทรงตรัสอ้างว่า สื่อแท็บลอยด์อังกฤษแอบแฮกวอยซ์เมลของพระองค์ในสมัยทรงศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยอีตัน

ซึ่งหนึ่งในคำให้การในการซักค้าน เจ้าชายแฮร์รีทรงเปิดเผยต่อศาลว่า พระองค์ทรงอับอายเป็นอย่างมากที่มีการรายงานเผยแพร่หน้าสื่อไปทั่วในเรื่องพระองค์ทรงประชวรด้วยโรคไข้จุมพิต หรือโรคโมโนนิวคลิโอสิส (glandular fever) ที่เป็นการติดต่อผ่านการจูบ โดยพระองค์ทรงแน่พระทัยว่าไม่มีใครรู้นอกจากภายในสมาชิกราชวงศ์

“ข้าพเจ้าไม่ได้เปิดเผยแก่ใครเนื่องมาจากข้าพเจ้ารู้สึกอับอายจากการป่วยเช่นนี้ มันถือเป็นหนึ่งในการป่วยที่เป็นตราบาปเมื่อครั้งที่คุณเป็นวัยรุ่น และนี่เป็นสิ่งอย่างชัดเจนที่บทความกระทำ (เพื่อเล่นงาน) และผลกระทบต่อข้าพเจ้านั้นใหญ่หลวง” รายงานจากคำให้การดยุกแห่งซัสเซกซ์

ทั้งนี้ เป็นการอ้างไปถึงรายงานหน้าหนังสือพิมพ์เดลีมิร์เรอร์รายงานเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2002 ที่มีการจั่วหัวว่า “ลับเฉพาะ!! เจ้าชายแฮร์รีประชวรโรคไข้จูบ”

พระองค์ตรัสต่อว่า ใครก็ตามในโรงเรียนที่ป่วยด้วยโรคนี้จะถูกล้ออย่างไม่จบสิ้น “และรายงาน (จากสื่อ) ทำให้มั่นใจว่าทั่วเกาะอังกฤษจะได้รับรู้เกี่ยวกับอาการป่วยของข้าพเจ้า”

ทั้งนี้ เจ้าชายเผยว่า “ทั่วทั้งโรงเรียนดูเหมือนจะทราบเรื่อง ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ข้าพเจ้า และข้าพเจ้ากลายเป็นตัวตลกไป” พระองค์ตรัสยอมรับว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าทุกข์ทน”

บีบีซีกล่าวว่า เจ้าชายแฮร์รีทรงชี้ว่าการที่ถูกสื่อแท็บลอยด์ดักฟังส่งผลทำให้พระองค์ทรงไม่ไว้วางพระทัยผู้ใด

การขึ้นศาลอังกฤษของพระองค์ในวันอังคาร (6) เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ศาลสหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีวีซ่าสหรัฐฯ ของพระองค์ที่ถูกสถาบันธิงแทงก์สายอนุรักษ์ชื่อดังในอเมริกา เฮอริเทจ ฟาวเดชัน (Heritage Foundation) ยื่นเรื่องทางกฎหมาย หลังหนังสือบันทึกความทรงจำ Spare พ่นพิษประเด็นพระองค์ตรัสยอมรับเคยใช้ยาเสพติด

เดอะฮิลล์ของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (5) ว่า เฮอริเทจ ฟาวเดชันได้ยื่นต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพื่อต้องการตรวจสอบว่ากระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯ ซึ่งดูแลการเข้าเมืองสหรัฐฯ นั้นได้ให้วีซ่าเข้าเมืองแก่เจ้าชายแฮร์รีอย่างเหมาะสมหรือไม่ จากการที่ตามกฎบุคคลที่มีประวัติเคยใช้ยาเสพติดไม่สามารถให้วีซ่าเข้าประเทศได้

โดยทางสถาบันธิงแทงก์ชื่อดังอ้างว่า ภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ นั้น หลักฐานของการเคยเสพยาเสพติดในอดีตสามารถถูกใช้เพื่อเป็นเหตุผลในการปฏิเสธคำขอวีซ่าเข้าอเมริกาได้

นอกจากนี้ ทางเฮอริเทจ ฟาวเดชันกำลังพยายามหาทางเพื่อขอให้เอกสารวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ของเจ้าชายแฮร์รีได้รับการเปิดเผยต่อสาธาณะเนื่องจากเป็นที่สนใจโดยทั่วไปเป็นจำนวนมากโดยใช้กฎหมายเสรีภาพข้อมูลสหรัฐฯ (Freedom of Information Act.)

สกายนิวส์สื่ออังกฤษ รายงานว่า คดีนี้ที่กำลังเดินหน้านี้ขึ้นอยู่ว่าดยุกแห่งซัสเซกซ์ได้ทรงตอบคำถามเกี่ยวข้องกับการใช้ยาเสพติดอย่างไรในแบบฟอร์มวีซ่าสหรัฐฯ เพื่อให้พระองค์สามารถย้ายพระราชฐานจากอังกฤษพร้อมกับพระชายาชาวอเมริกันไปอเมริกาได้ในปี 2020


กำลังโหลดความคิดเห็น