เอเจนซีส์ - เยฟเกนี พริโกซิน ผู้นำกลุ่มติดอาวุธวากเนอร์เปิดหน้าชกกระทรวงกลาโหมรัสเซียแสดงความไม่ลงลอยล่าสุด โชว์ตัวผู้บัญชาการรบกองพลน้อยที่ 42 อ้างออกคำสั่งทหารรัสเซียให้โจมตีคอนวอยวากเนอร์แก้เซ็งระหว่างเมาเหล้าว็อดก้า ท่ามกลางจับตาจากโลกตะวันตกที่เชื่อว่า ผู้นำวากเนอร์อาจเป็นบุคคลที่ก้าวขึ้นมาแทนที่ปูตินในอนาคต พลจัตวาแห่งกองทัพสหรัฐฯแสดงสาเหตุผู้นำรัสเซียยังไม่สั่งเก็บพริโกซิน
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวานนี้(5มิ.ย)ว่า พันเอกโรมัน เวเนวิตติน (Roman Venevitin) ผู้บัญชาการรบกองพลน้อยที่ 72 ปรากฎตัวในวิดีโอคลิปที่ถูกเผยแพร่ในคืนดึกวันอาทิตย์(4) โดยหัวหน้ากองกำลังทหารรับจ้างวากเนอร์ชื่อดังของรัสเซีย เยฟเกนี พริโกซิน ในสภาพไม่ต่างจากเชลยศึกของวากเนอร์
เวเนวิตตินให้การสารภาพกับผู้สอบสวนว่า ตนเองระหว่างกำลังเมาออกคำสั่งหน่วยรบรัสเซียให้โจมตีขบวนคอนวอยยานยนต์วากเนอร์ในบัคมุต
เวเนวิตตินยอมรับในคลิปว่า เขาทำไปด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ชอบกลุ่มติดอาวุธวากเนอร์ พร้อมกันนี้ยังได้ขออภัย
ทั้งนี้สัปดาห์ที่ผ่านมาพริโกซินได้กล่าวหากองทัพรัสเซียว่า พยายามที่จะโจมตีนักรบเดนตายวากเนอร์ด้วยระเบิดระหว่างที่กองกำลังรบรับจ้างรัสเซียกำลังถอนกำลังออกไปบัคมุต
เดอะการ์เดียนรายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียของรัฐมนตรี เซอร์เก ชอยกู ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นถึงคลิปจับตัวพันเอกกองทัพรัสเซียนี้
อย่างไรก็ตาม 2 คนที่ใกล้ชิดครอบครัวของพันเอกเวเนวิตตินได้ยืนยันกับเดอะการ์เดียนว่า ชายคนดังกล่าวนั้นเป็นผู้บัญชาการกองกำลังรบรัสเซียจริง
พริโกซินนั้นกลายเป็นที่จับตาในโลกตะวันตกหลังจากที่เขาก้าวออกมาแสดงความเห็นโจมตีไปที่ชอยกูและบุคคลำคัญในเครมลินอย่างเปิดเผย สื่อตะวันตกเช่น หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ของสหรัฐฯถึงขั้นเรียกพริโกซินว่า เป็นชายที่อาจก้าวขึ้นมาแทนที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน หลังก่อนหน้าเขาเคยออกมาเตือนว่า รัสเซียอาจต้องพบกับการปฎิวัติจากความไม่พอใจ
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงาน พลจัตวา มาร์ค คิมมิตต์ (Mark Kimmitt) อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯด้านกิจการการเมือง-การทหารสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิลยู บุช แสดงความเห็นถึงสาเหตุที่ปูตินยังไม่ลงโทษพริโกซินหลังออกมาโจมตีกองทัพรัสเซียและคนสำคัญต่างๆของเครมลิน โดยชี้ว่า
เยฟเกนี พริโกซินซึ่งได้ชื่อว่าเป็น "เชฟของปูติน" และเขาเป็นที่รู้จักในโลกตะวันตกในฐานะโอลิกาคที่ทำเงินจากธุรกิจอาหารฟาสต์ฟู๊ดฮอตด็อกในรัสเซีย นั้นมีความสัมพันธ์กับปูตินในลักษณะต่างตอบแทนเหมือนเช่นเดียวกับโอลิกาคทั้งหลาย ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองยาวนานลึกซึ้งกว่า 20 ปี
คิมมิตต์ชี้ว่า ปูตินนั้นรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อพริโกซินซึ่งในสหรัฐฯนั้นมองเห็นการเพิ่มขึ้นของกลุ่มชาตินิยมขวาจัดในรัสเซีย โดยกล่าวว่า ผู้นำรัสเซียได้ประโยชน์อย่างมากจากกลุ่มทหารรับจ้างของพริโกซินที่สร้างผลงานในสนามรบยูเครนได้มากกว่ากองกำลังทหารรัสเซีย
เขาชี้ต่อว่า และที่สำคัญปูตินไม่ต้องการให้พริโกซินเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียในอนาคต เพราะเหมือนคำกล่าวโบราณที่ว่า ให้เพื่อนนั้นอยู่ใกล้แต่ให้ศัตรูนั้นใกล้ตัวมากกว่า
นิวยอร์กโพสต์ที่มองว่า พริโกซินนั้นจะเป็นคนที่มาแทนที่ปูตินนั้นได้แสดงความเห็นในวันเสาร์(3)ว่า ทั้งพริโกซินและปูตินมีหลายสิ่งที่เหมือนกันรวมไปถึงคนทั้งคู่นั้นมาจากชนชั้นแรงงานในเมืองเลนินกราด หรือเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กในปัจจุบัน และยังชื่นชอบผู้นำที่แข็งแกร่งที่ถูกมองว่าเป็นเผด็จการในโลกตะวันตกเช่น สตาลิน
นิวยอร์กโพสต์กล่าวว่า อาจสามารถพูดได้ว่าพริโกซินนั้นเป็นเวอร์ชันที่รุนแรงและสุดขั้วกว่าเมื่อเทียบกับปูติน พริโกซินกล่าววิจารณ์ตัวเองว่า ตัวเขามีความเหมาะสมเป็นผู้บัญชาการรบในช่วงสงครามมากกว่าบรรดาบิ๊กทหารในเครื่องแบบของเครมลิน
และสิ่งทั้งหมดทั้งมวลอาจเป็นเหตุผลที่ชี้ไปว่าทำไมปูตินที่รู้จักพริโกซินเป็นอย่างดีถึงเลือกเก็บพริโกซินทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารให้เขา
ทั้งนี้พริโกซินนั้นแสดงอย่างชัดเจนในทางอ้อมว่า เขามีเป้าหมายไปที่ตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซีย
โดยในการให้สัมภาษณ์ที่ฟังคล้ายกับการหาเสียง นิวยอร์กโพสต์ชี้ว่า ราวกับประธานาธิบดี เยฟเกนี พริโกซิน แสดงตัวในฐานะผู้ปกป้องชนชั้นกรรมาชีพคนธรรมดาในรัสเซียที่มักถูกเอาเปรียบจากระบอบข้าราชการทั้งหลาย
หนังสือพิมพ์สหรัฐฯประเมินว่า พริโกซินและปูตินนั้นมีเอกลักษณ์ที่คล้ายกันทั้งในด้านชอบความเสี่ยง มีความโหดร้ายและควบคุม และแสดงตัวในฐานะผู้แก้ปัญหาและเชี่ยวชาญทางการสื่อสารเป็นอย่างดี
นิวยอร์กโพสต์ชี้ไปว่า และนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เปิดโอกาสให้พริโกซินกลายเป็น King ใต้แสงสปอตไลท์เพราะไม่เพียงแต่พริโกซินจะสามารถนำชัยชนะให้รัสเซียเหนือยูเครนได้ แต่เขายังเป็นคนที่นำความั่นคงมาสู่การลงจากอำนาจอย่างมั่นใจของปูตินแทนที่จะเข้าสู่เรือนจำในท้ายที่สุด