ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุวันนี้ (3 มิ.ย.) ว่า ตน “มีความกังวลอย่างยิ่ง” ที่จีนไม่ตอบรับคำเชิญพูดคุยเพื่อจัดการวิกฤตทางทหาร พร้อมเตือนว่าการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งเป็นสิ่งสำคัญ ขณะที่สื่อทั่วโลกตีแผ่ภาพขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เดินเข้าไปจับมือทักทายกับ พล.อ.หลี่ ช่างฝู รัฐมนตรีกลาโหมของจีน ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำที่สิงคโปร์
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนเรียกได้ว่าอยู่ในจุดตกต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี เนื่องจากมีจุดยืนที่ขัดแย้งกันแทบจะทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นอธิปไตยไต้หวัน ปัญหาการสอดแนม รวมไปถึงข้อพิพาททะเลจีนใต้
ระหว่างขึ้นกล่าวปราศรัยในการประชุมด้านความมั่นคง แชงกรี-ลา ไดอะล็อก (Shangri-La Dialogue) ซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์ระหว่างวันที่ 2-4 มิ.ย. ออสติน ย้ำว่าการเปิดช่องทางสื่อสารระหว่างผู้นำกองทัพสหรัฐฯ และจีนเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวดที่จะช่วยหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และส่งเสริมเสถียรภาพในเอเชีย-แปซิฟิก
“ผมรู้สึกกังวลอย่างยิ่งที่สาธารณรัฐประชาชนจีนไม่เต็มใจที่จะพูดคุยกับสหรัฐฯ อย่างจริงจังเกี่ยวกับกลไกจัดการวิกฤตการณ์ระหว่างกองทัพของเราทั้ง 2 ฝ่าย”
“ยิ่งเราคุยกันมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะสามารถหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและการคำนวณพลาดที่อาจนำไปสู่วิกฤตการณ์หรือความขัดแย้งได้มากขึ้นเท่านั้น”
พล.อ.หลี่ ช่างฝู รัฐมนตรีกลาโหมของจีน ปฏิเสธคำเชิญร่วมหารือทวิภาคีกับ ออสติน ในการประชุมแชงกรี-ลา ไดอะล็อก โดย หลี่ ซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีคว่ำบาตรของสหรัฐฯ มีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมในวันอาทิตย์นี้ (4)
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (2) สื่อได้เผยภาพที่ทั้งคู่จับมือทักทายกันในงานเลี้ยงอาหารค่ำ โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่าทั้งสอง “พูดคุยกันสั้นๆ” แต่ไม่ได้มีการหารืออะไรเพิ่มเติม
ออสติน ระบุว่า “การจับมือทักทายกันในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ไม่สามารถทดแทนการหารือที่จริงจังได้”
การสื่อสารพูดคุยระหว่าง 2 มหาอำนาจแทบจะหยุดชะงักไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่เกิดวิกฤตการณ์ “บอลลูนสอดแนมจีน” ลอยผ่านน่านฟ้าสหรัฐฯ เมื่อเดือน ก.พ. ซึ่งทำให้ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตัดสินใจพับแผนการเยือนปักกิ่งแบบไม่มีกำหนด
หนึ่งในประเด็นด้านความมั่นคงที่กัดเซาะสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ มากที่สุดเห็นจะไม่พ้นกรณีไต้หวัน โดยหลายฝ่ายกังวลว่าปักกิ่งอาจส่งทหารรุกรานเกาะประชาธิปไตยแห่งนี้ในไม่ช้า และสหรัฐฯ อาจถูกบีบให้ต้องเผชิญหน้าทางทหารกับจีนอย่างไม่มีทางเลี่ยง
ออสติน อ้างถึงการที่รัสเซียส่งทหารบุกยูเครนว่าเป็นตัวอย่างให้เห็นถึง “อันตรายที่จะเกิดแก่โลก หากประเทศใหญ่ใช้กำลังรุกรานเพื่อนบ้านที่เล็กกว่าและดำรงอยู่อย่างสันติ โดยไม่ต้องรับโทษทางกฎหมายใดๆ”
เขายืนยันว่า สหรัฐฯ “มุ่งมั่นอย่างแน่วแน่” ที่จะรักษาสถานะปัจจุบันของไต้หวัน และคัดค้านความพยายามฝ่ายเดียวที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง --- ไม่ว่าจะโดยไต้หวันหรือจีนก็ตาม
พันเอกจ้าว เสี่ยวจั้ว (Zhao Xiaozhuo) นายทหารระดับสูงของจีน ให้สัมภาษณ์กับสื่อที่สิงคโปร์ว่า คำพูดของ ออสติน นั้นเสี่ยงที่จะยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าในเอเชียแปซิฟิก รวมถึงในกรณีไต้หวันด้วย
“สหรัฐฯ ต้องการทำให้ไต้หวันขาดเสถียรภาพ เพื่อที่จะหาข้ออ้างส่งทหารเข้าไปที่นั่น และทำกำไรจากการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่ไต้หวัน” จ้าว ซึ่งเป็นนักวิจัยจากสถาบันวิทยาการทหารของจีน (China’s Academy of Military Sciences) ระบุ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้มีคำสั่งให้กองทัพจีนยกระดับศักยภาพและเตรียมความพร้อมเพื่อบุกไต้หวันภายในปี 2027
อย่างไรก็ตาม ออสติน ให้สัมภาษณ์ว่า “มันไม่ได้หมายความว่าเขาตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะทำแบบนั้น”
ที่มา : รอยเตอร์