xs
xsm
sm
md
lg

ฮือฮา!! พันเอกเผยกองทัพสหรัฐฯ แอบทดสอบลับใช้ AI บังคับ “โดรน” โจมตีไซต์ SAM พบเจอรูปแบบสุดโหดหันไปโจมตี “มนุษย์คนควบคุม” ด้าน “สี จิ้นผิง” เตือนภัย AI กำลังคุกคามจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพประกอบข่าวทางอินเทอร์เน็ต
เอเจนซีส์ - ที่ประชุมซัมมิตของราชสมาคมการบินอังกฤษ ที่เกิดขึ้นสัปดาห์ที่ผ่านมาในกรุงลอนดอน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยอเมริกากำลังทดสอบ AI ให้บังคับโดรนทหารเพื่อโจมตีพิกัดมิสไซล์จากภาคพื้นสู่อากาศตามรหัส SAM แต่พบ AI เลือกวิธีการสุดโหดหันไปสังหารมนุษย์ผู้ควบคุมแทนเพื่อภารกิจสำเร็จ แต่หลังข่าวแพร่รายงานตามหน้าสื่อ เพนตากอนโร่ออกมาปฏิเสธไม่เคยทำการทดสอบเช่นนี้มาก่อน ด้านผู้นำจีน สี จิ้นผิง ในวันอังคาร (30 พ.ค.) เตือนระดับสูงให้ต้องทำการควบคุมเทคโนโลยี AI อย่างกว้างขวาง เชื่อร้ายกาจทางความมั่นคง

ฟ็อกซ์นิวส์ของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (1 มิ.ย.) ว่า กลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วในการประชุมที่จัดโดยราชสมาคมการบินอังกฤษ (The Royal Aeronautical Society) ที่มีแขกรับเชิญผู้มีเกียรติขึ้นกล่าว 70 คน ท่ามกลางผู้เข้าร่วมจำนวนมากทั่วโลกกว่า 200 คน และรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญทางอุตสาหกรรมทหารและนักวิชาการ

ในงานสัมมนา 'Future Combat Air and Space Capabilities' ที่ถูกจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย. ที่กรุงลอนดอนกลายเป็นหัวข้อข่าวร้อนไปทั่วโลก เมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงกองทัพสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยการทดลองลับใช้ AI ควบคุมโดรนติดอาวุธเพื่อภารกิจเป้าหมาย

เป้าหมายการประชุมเพื่อทิศทางอนาคตการสู้รบทางอากาศและความล้ำหน้าทางอวกาศและเป็นสิ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบัน AI นั้นกำลังเป็นที่นิยมและแพร่หลายไปทั่วโลก ซึ่งรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ปีที่แล้ว เคยยืนยันว่า AI ถือเป็นหัวใจทางการทหารของอเมริกา และเปิดเผยในเวลานั้นตามการรายงานของสื่อ milliary ว่า กองทัพสหรัฐฯ มีโครงการเกี่ยวกับ AI อยู่ไม่ต่ำกว่า 600 โครงการ

ภายในงานสัมมนาที่กรุงลอนดอน พันอากาศเอกทัคเกอร์ "ซินโก" แฮมมิลตัน (Tucker "Cinco" Hamilton) จากกองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้เปิดเผยถึงสิ่งที่กองทัพพบเกี่ยวกับการใช้ AI ให้เป็นผู้ลงมือปฏิบัติภารกิจทางการทหาร ที่พบว่า AI ซึ่งเป็นระบบหุ่นยนต์เครื่องจักรเลือกที่จะใช้วิธีการคาดไม่ถึงเพื่อที่จะให้ภารกิจบรรลุ สร้างความตื่นตะลึงให้เห็นถึงผลร้ายในการพึ่งพา AI มากเกินไปจนทำให้มนุษย์ตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร

แฮมมิลตัน กล่าวว่า ในการทดสอบระบบจำลองหนึ่งที่สั่งให้ AI เป็นผู้ควบคุมโดรนในภารกิจทำลายพิกัดมิสไซล์จากภาคพื้นสู่อากาศตามรหัสทางการทหาร SAM

ซึ่งตามการทดสอบ AI จำเป็นต้องขออนุญาตขั้นสุดท้ายจากมนุษย์คนควบคุมว่าจะเข้าทำลายหรือไม่ เขาเปิดเผยว่า AI ได้รับคำสั่งให้ทำภารกิจ แต่กลับพบว่ามนุษย์คนควบคุมออกคำสั่ง no-go ห้ามเดินหน้าทำลายไซต์ SAM และทำให้ะบบ AI หันกลับไปโจมตีมนุษย์คนควบคุมเพื่อให้ภารกิจลุล่วงในระบบจำลอง

“มันเริ่มต้นทำลายหอสื่อสารที่ผู้ควบคุมใช้เพื่อสื่อสารกับโดรนเพื่อหยุดมันจากการสังหารเป้าหมาย” แฮมมิลตันกล่าวในรายงานของนิวสวีกของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ เขาสรุปว่า ระบบคอมพิวเตอร์ AI สังหารคนควบคุมเป็นเพราะผู้ควบคุมขัดขวางไม่ให้มันปฏิบัติภารกิจที่ได้รับคำสั่งลุล่วง เขากล่าวเตือนว่า มนุษย์ไม่สมควรที่จะพูดคุยเกี่ยวกับ AI หรือปัญญาประดิษฐ์จนกว่าจะมีการพูดในเรื่องจริยธรรมด้าน AI เสียก่อน

อย่างไรก็ตาม หลังรายงานเผยแพร่ออกไปกองทัพอากาศสหรัฐฯ แถลงโต้ว่า กองทัพไม่เคยทดลองด้าน AI เช่นตามข่าว เดอะการ์เดียนของอังกฤษ รายงานวันศุกร์ (2) ว่า โฆษกหญิงกองทัพอากาศสหรัฐฯ แถลงกับบิสซิเนส อินไซเดอร์ว่า

"กองทัพอากาศสหรัฐฯ ไม่มีการทดสอบแบบจำลองโดรนควบคุมด้วย AI และยังคงยึดมั่นต่อคุณธรรมและความรับผิดชอบของการใช้เทคโนโลยี AI” และเสริมต่อว่า ดูเหมือนมีการตีความการแสดงความเห็นของพันเอกของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เกินกว่าเหตุ

ขณะที่ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง มีรายงานว่ามีความวิตกต่อภัยเทคโนโลยี AI ที่กำลังเฟื่องฟูในโลกตะวันตกเวลานี้

เอพีรายงานวันพุธว่า ในแถลงการณ์ที่ออกมาหลังการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนในวันอังคาร (29 พ.ค.) ที่เขาเข้าร่วมพบว่า ผู้นำจีนกล่าวว่า ภัยคุกคามความมั่นคงจีนกำลังเพิ่มมากขึ้นและเรียกร้องให้มีการเพิ่มการควบคุมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และความมั่นคงทางข้อมูล

โดยสำนักข่าวซินหัวของจีนกล่าวในรายงานว่า “มีการย้ำในที่ประชุมถึงปัญหาซับซ้อนที่รุนแรงของภัยความมั่นคงประเทศที่ประเทศของเรากำลังเผชิญหน้าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แนวหน้าทางความมั่นคงของชาติจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจตัวเองทางยุทธศาสตร์ มีความมั่นใจอย่างเพียงพอเพื่อให้ได้ชัยชนะ และตระหนักถึงความแข็งแกร่งและความได้เปรียบของตัวเอง”

ในแถลงการณ์ยังระบุต่อว่า “พวกเราต้องเตรียมพร้อมในสถานการณ์ที่เลวร้ายมากที่สุดและรุนแรงสุด แต่ก็ต้องพร้อมต้านต่อการทดสอบของลมแรง กระแสน้ำหนักหน่วง และแม้กระทั่งพายุที่ร้ายกาจ”


กำลังโหลดความคิดเห็น