เอเจนซีส์ - ฮือฮาทั่วสหรัฐฯ เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้หลักฐานเด็ดเป็นเสียงอดีตประธานานธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ยอมรับเมื่อปี 2021 กลางที่ประชุมในสนามกอล์ฟรัฐนิวเจอร์ซีย์ว่า เขามีเอกสารลับเพนตากอนถึงแผนการโจมตีอิหร่านเสนอโดยประธานคณะเสนาธิการร่วมทหารสหรัฐฯ พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ที่เขาเก็บไว้หลังจากพ้นตำแหน่ง แต่ทว่า พล.อ.มิลลีย์ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นคนทำรายงานชิ้นนั้นตามคำอ้างของอดีตผู้นำสหรัฐฯ
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (31 พ.ค.) ว่า อัยการสหรัฐฯ ได้หลักฐานเด็ดที่เป็นเสียงแอบบันทึกไว้เมื่อกรกฎาคมปี 2021 ในสนามกอล์ฟของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เมืองเบดมินสเตอร์ (Bedminster) รัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งผู้เข้าร่วมที่นอกเหนือจากผู้ช่วยของทรัมป์ ยังมี 2 คนที่เข้าร่วมทำงานเกี่ยวข้องกับหนังสืออัตชีวประวัติของอดีตหัวหน้าคณะทำงานของทรัมป์ มาร์ค เมโดว์ส (Mark Meadows) และรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร มาร์โก มาร์ติน (Margo Martin)
แหล่งข่าวกล่าวว่า คนที่เข้าร่วมวงการสนทนาที่สนามกอล์ฟไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงชั้นความลับสหรัฐฯ และเมโดว์สไม่ได้เข้าร่วมอยู่ด้วย
ซึ่งในเวลานี้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าอดีตผู้นำสหรัฐฯ ละเมิดกฎหมายว่าด้วยการเก็บข้อมูลรัฐหรือไม่หลังจากที่เขาพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อมกราคม ปี 2021
CNN กล่าวว่า ทางสื่อไม่ได้ฟังเสียงบันทึกดังกล่าวแต่พยานหลายปากได้เปิดเผยข้อมูลให้สื่อทราบ ซึ่งมีพยานหนึ่งปากกล่าวไปว่า มีการเปิดเผยบางส่วนของเอกสารอิหร่านเป็นเวลา 2 นาที ส่วนแหล่งข่าวอีกคนเปิดเผยว่า การหารือที่ว่าเป็นส่วนเล็กของการประชุมหารือที่ยาวนานกว่า
สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่าในการบันทึกทรัมป์รับรู้ว่าเขาเก็บเอกสารลับเพนตากอนเกี่ยวกับแผนการโจมตีครั้งสำคัญต่ออิหร่าน โดยบันทึกนี้ชี้ไปว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ เข้าใจดีว่าตัวเขาได้เก็บเอกสารลับรัฐบาลสหรัฐฯ ไว้หลังออกจากทำเนียบขาวและเป็นสิ่งที่ไม่สมควรสำหรับคนอื่นจะรับทราบ
ทั้งนี้ พบว่าในหนังสืออัตชีวประวัติของเมโดวส์ ดูเหมือนมีการระบุเกี่ยวข้องกับการประชุมครั้งนี้ที่เกิดขึ้นในสนามกอล์ฟของทรัมป์ ในช่วงระหว่างที่ทรัมป์ได้กล่าวย้อนไปถึง "เอกสารรายงาน 4 หน้าที่พิมพ์โดย พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ด้วยตัวเอง" แสดงการวางแผนของเขาในการโจมตีอิหร่าน การส่งกำลังทหารสหรัฐฯ จำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเรียกร้องให้อดีตผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ทำไม่ต่ำกว่า 1 ครั้งในระหว่างการดำรงตำแหน่ง
แต่อย่างไรก็ตาม CNN ได้รับการยืนยันว่า เอกสารที่ทรัมป์อ้างถึงนี้ พล.อ.มิลลีย์ไม่ได้ทำขึ้นเอง
หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์รายงานเพิ่มเติมในรายละเอียดว่า อัยการสหรัฐฯ ได้สอบถาม พล.อ.มิลลีย์ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามการรายงาน ซึ่ง พล.อ.มิลลีย์ กำลังจะเกษียณตำแหน่งในตุลาคมที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ การประชุมตามการบันทึกเกิดขึ้นหลังหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า ในช่วงสิ้นสุดของรัฐบาลทรัมป์ พล.อ.มิลลีย์ ได้เรียกคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ เพื่อทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งใดที่เป็นการละเมิดกฎหมายจากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่ง CNN รายงานอ้างว่า เอกสารลับนี้ได้มาจากพล.อ.มิลลีย์
แต่อย่างไรก็ตาม ในรายการทาว์นฮอลล์ (Tawn Hall) ของ CNN เดือนนี้ ทรัมป์ถูกถามกลางรายการว่า เขาได้เคยแสดงเอกสารลับสหรัฐฯ หลังพ้นการดำรงตำแหน่งให้คนอื่นดูหรือไม่ อดีตผู้นำสหรัฐฯ กล่าวตอบกลับมาว่า “ไม่เลย ผมมีสิทธิที่จะทำได้ แต่อย่างไรก็ตามเอกสารพวกนั้นได้รับการคลายชั้นความลับหลังจากนั้น”
ทั้งนี้ จากหนังสือที่ชื่อ “I Alone Can Fix It” ของ 2 นักข่าวรางวัลพูลิตเซอร์จากค่ายวอชิงตันโพสต์ คาโรล ลีออนนิก (Carol Leonnig) และฟิลิป รัคเกอร์ (Philip Rucker) ได้เปิดโปงวินาทีที่ พล.อ.มิลลีย์ และคณะกรรมาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ คนอื่นๆ วางแผนที่จะลาออกจากตำแหน่งทีละคนมากกว่าที่จะยอมรับคำสั่งจากทรัมป์ในเหตุการณ์บุกรัฐสภาสหรัฐฯ ที่ทุกคนเชื่อกันว่า เป็นความพยายามก่อกบฏเพื่อป้องกันไม่ให้ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โจ ไบเดน เข้าสู่ตามตำแหน่งได้ตามกฎหมาย
โดยในหนังสือแฉ พล.อ.มิลลีย์ ประกาศโครมกับผู้ช่วยว่า “พวกเขาอาจพยายาม...แต่พวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จ” หลังจากวิตกอย่างหนักว่าทรัมป์กำลังวางแผนที่จะใช้กองทัพสหรัฐฯ ช่วยการทำรัฐประหารให้ตัวเอง หลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งปลดรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ คนสำคัญ มาร์ค เอสเปอร์ ในสมัยนั้น ส่วนอดีตรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ วิลเลียม บารร์ ลาออก
ซึ่งในเวลานั้น พล.อ.มิลลีย์มองทรัมป์ในฐานะเผด็จการแบบต้นฉบับสุดคลาสสิกที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
CNN รายงานทิ้งท้ายว่า แหล่งข่าวไม่กี่ปากกล่าวว่า เสียงบันทึกนั้นแสดงให้ได้ยินถึงเสียงกระดาษอย่างชัดเจนเหมือนราวกับว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ กำลังโบกมันไปมาถึงแม้ว่าจะไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเอกสารที่ว่านี้จะเป็นเอกสารลับเพนตากอนแผนโจมตีอิหร่านตามอ้างหรือไม่ ซึ่งยังมีเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นภายในห้องที่ถูกบันทึกไว้ได้