รอยเตอร์/เอเจนซีส์/เอพี - กรุงมอสโกเช้าวันอังคาร (30 พ.ค.) ถูกโจมตีด้วยโดรนในย่านที่พักอาศัยที่เชื่อว่าอาจเป็นฝีมือจากเคียฟ พบทำอาคารเสียหายเล็กน้อย กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุ มอสโกถูกโจมตีเกี่ยวข้องกับโดรน 8 ตัว เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ร้อนรับวันเมโมเรียลเดย์สหรัฐฯ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศชื่อ พล.อ.อ.ซีคิว บราว์น จูเนียร์ (CQ Brown Jr) ขึ้นเป็นประธานเสนาธิการทหารสหรัฐฯ คนใหม่แทน พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ มีภูมิหลังแน่นปึกด้านจีน และรู้ดีในเรื่องการจัดหายุทโธปกรณ์ป้อนยูเครนในสงครามสู้รัสเซีย
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (30 พ.ค) ว่า การโจมตีกรุงมอสโกเช้าวันอังคาร (30) ด้วยโดรนปริศนา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน และอาคารส่วนหนึ่งเสียหายแต่ไม่มากนักในย่านที่พักอาศัย เป็นการตอบโต้ที่เคียฟโดนรัสเซียโจมตีครั้งที่ 3 ในรอบ 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามีความเชื่อว่าโดรนดังกล่าวอาจจะเป็นฝีมือจากเคียฟที่ทำไปเพื่อตอบโต้หลังโดนรัสเซียใช้โดรนโจมตีอย่างหนัก แต่ทว่าฝ่ายเคียฟออกแถลงการณ์ปฏิเสธปัดไม่เกี่ยวข้อง
ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน มิคาอิโล โปโดลยัค (Mykhailo Podolyak) ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Breakfast Show ทางยูทูปกล่าวว่า “..เกี่ยวข้องกับการโจมตี แน่นอนที่สุดทางเรารู้สึกยินดีในการมองและการคาดการณ์จำนวนที่เพิ่มขึ้นของการโจมตี แต่แน่นอนที่สุดทางเราไม่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อสิ่งนี้”
NBC News ของสหรัฐฯ กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกแถลงการณ์ว่า มีโดรน 8 ตัวเกี่ยวข้องในการโจมตีครั้งนี้ พร้อมเสริมต่อว่า โดรนทุกตัวถูกทำลาย
ซึ่งจากทั้งหมดมี 3 ตัวติดขัด และสูญเสียการควบคุม ส่วนอีก 5 ตัว กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่า ได้ใช้ระบบต่อต้านอากาศยาน Pantsir-S ในภูมิภาคมอสโกทำลายทิ้ง
รอยเตอร์รายงานว่า แต่อย่างไรก็ตามในการรายงานของ BAZA สื่อรัสเซียช่องเทเลแกรมที่เกี่ยวข้องกับหน่วยความมั่นคงเปิดเผยว่า มีโดรนในการเข้าโจมตีทั้งหมด 25 ลำ ซึ่งวิดีโอที่เผยแพร่ทางโลกโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นว่า มีโดรนตัวหนึ่งถูกยิงควันดำคละคลุ้งที่เส้นขอบฟ้าของกรุงมอสโก
กระทรวงยังได้ยืนยันว่า การโจมตีโดรนนี้เป็นการโจมตีโดยผู้ก่อการร้าย รอยเตอร์รายงานว่า หนึ่งในนักการเมืองรัสเซียแสดงความเห็นว่า เป็นการโจมตีที่ร้ายแรงมากที่สุดต่อเมืองหลวงรัสเซีย นับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ส.ส.แม็กซิ อีวานอฟ (Maxim Ivanov) ยังชี้ไปว่า ไม่มีประชาชนรัสเซียคนใดสามารถหลีกเลี่ยงต่อความเป็นจริง “คุณสามารถที่จะเอาชนะศัตรูได้ด้วยกำปั้นเดียวของประเทศแม่ของพวกเรา หรือเป็นสิ่งที่น่าละอายที่ไม่อาจลบไปได้ของความขลาด การสมคบคิด และการทรยศจะสุมรุมเร้าครอบครัวของคุณ”
นายกเทศมนตรีกรุงมอสโก เซอร์เก ซอบยานิน (Sergei Sobyanin) แถลงว่า การโจมตีจากโดรนนั้นสร้างความเสียหายเล็กน้อยต่ออาคารไม่กี่หลังในเมืองหลวง
ซึ่งในคำแถลงทางเทเลกราฟ เขากล่าวว่า มีผู้บาดเจ็บ 2 คน ต้องเข้ารับการรักษาตัวและไม่มีการบาดเจ็บขั้นร้ายแรง นอกจากนี้ ยังกล่าวต่อว่า เพื่อความปลอดภัยเขาได้ออกคำสั่งให้มีการอพยพประชาชนในบางพื้นที่จากเขตที่กว้างขึ้น ่ซึ่งในขณะเกิดเหตุของเช้าวันนี้ (30) มีเสียงระเบิดดังไปทั่ว พร้อมกับกล่าวว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศในภูมิภาคมอสโกกำลังทำงาน
“ผมร้องขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ” เขากล่าว
NBC News รายงานโดยอ้างอิงจากสำนักข่าว TASS ของรัสเซียว่า ถึงแม้มีการโจมตีเกิดขึ้นในเมืองหลวง แต่กลับพบว่าสนามบินทุกแห่งในกรุงมอสโกยังเปิดทำการปกติ พร้อมรายงานว่ามีหญิงคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากเศษแหลมหลังจากที่อพาร์ตเมนต์ของเธอในกรุงมอสโกถูกโดรนโจมตี
สถานการณ์ร้อนในยูเครนเกิดขึ้นหลังก่อนหน้าวอชิงตันได้ประกาศชื่อว่าที่ประธานเสนาธิการทหารสหรัฐฯ คนใหม่ที่กำลังจะมาทำหน้าที่แทน พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ที่กำลังจะเกษียณอายุลงในตุลาคมนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน แถลงวันพฤหัสบดี (25) ตามการรายงานของเอพี ประกาศชื่อ พล.อ.อ.ซีคิว บราวน์ จูเนียร์ (CQ Brown Jr.) ที่มีความโดดเด่นในด้านภูมิหลังอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับปักกิ่ง และอีกทั้งเขายังเกี่ยวข้องในทางลึกในความพยายามของเพนตากอนป้อนอาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหารช่วยยูเครนเพื่อสู้รบกับรัสเซีย
และหากบราวน์ได้รับการรับรองจากสภาคองเกรสสหรัฐฯ เขาจะกลายเป็นประธานเสนาธิการทหารสหรัฐฯ แอฟริกันอเมริกันคนที่ 2 หลังคนแรก พล.อ.คอลลิน พาวเวลล์ ที่เป็นที่จดจำ
และอีกทั้งจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่จะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายพลเมืองในระดับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ และฝ่ายกองทัพคือ ประธานเสนาธิการทหารสหรัฐฯ เป็นชาวแอฟริกันอเมริกันนั้นเป็นสิ่งสำคัญในอเมริกาประเทศที่ยังคงมีความแตกต่างทางสีผิวอยู่สูง ซึ่งสหรัฐฯ เพิ่งผ่านวันเมโมเรียลเดย์ (Memorial Day) หรือวันทหารพลีชีพเมื่อวานนี้ (29) โดยในงานนอกเหนือจากไบเดน ที่สวมแว่นตาดำอ่านสปีช และรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสตินแล้ว พบว่า พล.อ.มิลลีย์ ได้ขึ้นกล่าวคำสุนทรพจน์เป็นครั้งสุดท้ายอย่างจับใจ
บราวน์นั้นมีประวัติเป็นนักบินขับไล่เครื่องบินรบ F-16 ตัวฉกาจ ซึ่งในระหว่างที่เขาทำหน้าที่ในฐานะผู้บัญชาการกองทัพอากาศประจำภูมิภาคแปซิฟิกที่เป็นคนผิวสีคนแรกที่รับตำแหน่งนี้ยังพบว่า เขาเดินยุทธศาสตร์ทางอากาศเพื่อตอบโต้ “จีน” ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่ปักกิ่งพยายามก่อสร้างที่ตั้งทางการทหารบนเกาะแก่งในเขตความขัดแย้งทะเลจีนใต้อย่างเร่งรีบ และอีกทั้งปักกิ่งได้ทดสอบการโจมตีในรัศมีการบินใกล้กับเกาะกวม ดินแดนอาณานิคมสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิก