ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เผยกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 เห็นพ้องในแนวทางร่วมที่จะเน้นกระจายห่วงโซ่อุปทานให้มีความหลากหลายเพื่อลดการพึ่งพาจีน พร้อมระบุเป็นนัยๆ ว่าตนอาจจะมีการพูดคุยกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เร็วๆ นี้
ไบเดน ระบุในงานแถลงข่าววานนี้ (21 พ.ค.) ภายหลังการประชุมซัมมิต G7 ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ที่เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่น โดยยืนยันว่า “เราไม่ได้ต้องการเลิกคบจีน แต่ต้องการลดความเสี่ยง และทำให้ความสัมพันธ์กับจีนเป็นไปในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น”
ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวด้วยว่า กลุ่มชาติ G7 มีความเป็นหนึ่งเดียวกันมากยิ่งขึ้น “ในแง่ของการต่อต้านพฤติกรรมข่มขู่ทางเศรษฐกิจ และพร้อมเผชิญหน้ากับการกระทำที่จะส่งผลเสียต่อแรงงานของพวกเรา”
แถลงการณ์ร่วมที่ผู้นำ G7 เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ (20) ระบุถึงแนวทางคร่าวๆ ที่จะ “ลดความเสี่ยง แต่ไม่ได้ตัดขาด” (de-risk, not decouple) กับจีนในทางเศรษฐกิจ ในขณะที่สถานทูตจีนประจำญี่ปุ่นออกมาเรียกร้องให้ G7 หยุดกระพือการเผชิญหน้าและสร้างความแตกแยก
แม้จีนจะออกมาตอบโต้อย่างแข็งกร้าว แต่ ไบเดน ยังคงเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจ “จะดีขึ้นในอีกไม่ช้า” หลังจากที่เผชิญความตึงเครียดหนักจากกรณีที่สหรัฐฯ ยิงทำลายบอลลูนจีนที่เคลื่อนผ่านฐานทัพอเมริกาหลายแห่งเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
“เราควรที่จะเปิดสายด่วนระหว่างกัน” ไบเดน กล่าว พร้อมเสริมว่าตนเคยบรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ระหว่างประชุมซัมมิต G20 ที่บาหลีเมื่อปีที่แล้วว่าจะคงไว้ซึ่งช่องทางการสื่อสารระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ก่อนที่สถานการณ์ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป “เมื่อมีบอลลูนโง่ๆ ที่บรรทุกอุปกรณ์สอดแนมประมาณ 2 คันรถ” ลอยเข้ามาในน่านฟ้าอเมริกา
ไบเดน เอ่ยย้ำว่าความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนจะถึง “จุดเปลี่ยน” ในเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเขาเองเคยให้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่ก่อนจะออกเดินทางมาประชุม G7 ที่ญี่ปุ่น
“ในแง่ของการพูดคุยกับพวกเขา ผมเชื่อว่าคุณจะได้เห็นบรรยากาศที่ดีขึ้นในอีกไม่ช้า” ไบเดน กล่าว
ในส่วนของความขัดแย้งจีน-ไต้หวัน ผู้นำสหรัฐฯ ชี้ว่ากลุ่มพันธมิตรของอเมริกามีความเข้าใจตรงกันแล้วว่า จีนจะต้องเผชิญ “มาตรการตอบโต้” หากกระทำการรุกรานฝ่ายเดียวต่อไต้หวัน
“เราคงจะไม่ไปบอกจีนหรอกว่า อะไรที่พวกเขาทำได้และทำไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็พร้อมจะสนับสนุนไต้หวันให้สามารถป้องกันตนเอง” ไบเดน กล่าว
ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน แห่งไต้หวัน ได้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวาระการดำรงตำแหน่งครบ 7 ปีเมื่อวันเสาร์ (20) ว่า รัฐบาลของเธอจะธำรงไว้ซึ่งความสงบและความมีเสถียรภาพตาม “สถานะปัจจุบัน” (status quo) ในช่องแคบไต้หวัน แม้จะถูกกดดันอย่างหนักจากจีนซึ่งยกระดับกิจกรรมทางทหารเพื่อบีบให้ไต้หวันยอมรับในอธิปไตยก็ตาม
ไบเดน เอ่ยย้ำว่า สหรัฐฯ และพันธมิตร G7 จะไม่ส่งขายวัสดุบางชนิดให้จีนซึ่งอาจจะถูกนำไปใช้ผลิตอาวุธทำลายล้างสูง พร้อมยืนยันว่าการกระทำเช่นนี้ไม่นับว่า "แสดงความเป็นศัตรู" แต่อย่างใด
ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่ารัฐบาลของเขาจะไม่พิจารณาผ่อนคลายข้อจำกัดในการส่งออกวัสดุเหล่านั้นให้จีน แต่ยอมรับว่ากำลังมีการเจรจาเพื่อปลดล็อกมาตรการคว่ำบาตร พล.อ.หลี่ ช่างฝู (Li Shangfu) ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของจีนเมื่อเดือน มี.ค.
ที่มา : รอยเตอร์