สถานทูตจีนประจำสหราชอาณาจักรออกคำแถลงเตือนไปยังรัฐบาลอังกฤษวานนี้ (21 พ.ค.) ให้หยุดใช้ถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์ใส่ร้ายจีน เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศย่ำแย่ลงไปกว่าที่เป็นอยู่ หลังจากนายกรัฐมนตรี ริชี ซูแน็ก ออกมากล่าวหาจีนว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของโลก
ซูแน็ก ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มชาติอุตสาหกรรม G7 ที่เมืองฮิโรชิมา โดยระบุว่า จีนถือเป็นความท้าทายร้ายแรงที่สุดต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของโลกในยุคสมัยนี้ แต่กระนั้นชาติมหาอำนาจต่างๆ ก็ยังไม่ควรที่จะตัดขาดจากจีนเสียทีเดียว
“จีนเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในยุคสมัยของเรา พวกเขาไม่เพียงใช้อำนาจเผด็จการภายในประเทศตัวเอง แต่ยังใช้อิทธิพลกดดันประเทศอื่นๆ มากขึ้นด้วย”
ซูแน็ก ยืนยันว่า อังกฤษและกลุ่ม G7 จะกำหนดแนวทางร่วมกันเพื่อบรรเทาความท้าทายที่เกิดจากพฤติกรรมของจีน
“นี่คือการลดความเสี่ยง (de-rsiking) แต่ไม่ใช่การแบ่งขั้ว (de-coupling)” ผู้นำอังกฤษอธิบาย “เราและ G7 จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้จีนใช้พฤติกรรมข่มขู่ทางเศรษฐกิจแทรกแซงกิจการภายในของชาติอื่นๆ”
ซูแน็ก ยังประกาศด้วยว่า อังกฤษจะเริ่มฝึกฝนนักบินยูเครนตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปีนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่กองทัพอากาศยูเครนในการต่อกรกับรัสเซีย และยังบอกด้วยว่าไม่มีใครต้องการสันติภาพมากไปกว่าประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี อีกแล้ว ทว่าเงื่อนไขสันติภาพนั้นควรจะตั้งอยู่บนหลักการพื้นฐานที่ยูเครนเป็นผู้กำหนด
ล่าสุด สถานทูตจีนประจำกรุงลอนดอนได้ออกมาเตือนอังกฤษว่า “คำแถลงของผู้คำอังกฤษนั้นเป็นแค่การลอกเลียนคำพูดของผู้อื่น และถือเป็นการให้ร้ายต่อจีนโดยไม่ดูพื้นฐานข้อเท็จจริง จีนขอคัดค้านและขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำเช่นนี้”
“ผู้ใดก็ตามที่ปราศจากอคติย่อมจะเห็นได้ว่าจีนคือหนึ่งในผู้สร้างสันติภาพ และมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาและปกป้องกฎระเบียบสากล ในขณะที่สหรัฐอเมริกาและรัฐบริวารอีกไม่กี่ประเทศดำเนินการแทรกแซงกิจการภายในของชาติอื่นและยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้า พวกเขาต่างหากที่เป็นความท้าทายยิ่งใหญ่ที่สุดต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของโลก”
“เราขอเรียกร้องให้นักการเมืองอังกฤษหันมาให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมภายในประเทศตัวเอง แทนที่จะเต้นไปตามจังหวะของสหรัฐฯ อันเป็นการโหมกระพือปัญหาไปทั่วโลก ตลอดจนสร้างความแตกแยกและการเผชิญหน้ากันขึ้น เราขอเรียกร้องให้ฝ่ายอังกฤษจงหยุดใส่ร้ายป้ายจีนเพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์จีน-สหราชอาณาจักรถูกทำลายลงมากไปกว่านี้”
สัปดาห์ที่แล้ว อดีตนายกรัฐมนตรี ลิซ ทรัสส์ กลายเป็นนักการเมืองอังกฤษผู้มีชื่อเสียงที่สุดที่ไปเยือนไต้หวันถัดจากนาง มาร์กาเรต แทตเชอร์ ในทศวรรษ 1990 โดย ทรัสส์ ยังได้เรียกร้องชาติตะวันตกว่า “ไม่ควรที่จะเอาอกเอาใจและยอมอ่อนข้อให้จีน”
ที่มา : รอยเตอร์, http://gb.china-embassy.gov.cn