ชายชาวเชอร์ปาสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ (Everest) เป็นครั้งที่ 27 ในวันนี้ (17 พ.ค.) ทำลายสถิติเดิมที่ตนเองเคยทำเอาไว้ก่อนหน้า
คามี ริตา เชอร์ปา (Kami Rita Sherpa) วัย 53 ปี ปีนขึ้นไปถึงยอดเขาสูงที่สุดในโลกที่ระดับความสูง 8,849 เมตรเมื่อช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา โดยนำทางนักปีนเขาชาวต่างชาติคนหนึ่งขึ้นไปตามสันเขาทางด้านตะวันออกเฉียงใต้
“ใช่ครับ คามี ริตา ได้พิชิตยอดเขาสครมาถา (Sagarmatha) เป็นครั้งที่ 27 แล้ว” บีกยัน กอยราลา เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการท่องเที่ยวเนปาลยืนยันกับสื่อมวลชน โดยเอ่ยชื่อยอดเขาเอเวอเรสต์ในภาษาท้องถิ่นเนปาล
ธเนศวร กูราไก ผู้จัดการบริษัท Seven Summit Treks ซึ่ง คามี ริตา ทำงานอยู่ ระบุว่า ชาวเชอร์ปารายนี้พานักปีนเขาต่างชาติขึ้นไปถึงยอดเอเวอเรสต์ เมื่อเวลา 8.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น
“เราอยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียด แต่ตอนนี้ยืนยันได้ 100% ว่า คามี ริตา ขึ้นไปถึงที่นั่นเป็นครั้งที่ 27 แล้ว”
คามี ริตา เชอร์ปา พิชิตยอดเอเวอเรสต์สำเร็จเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1994 และได้ขึ้นไปที่นั่นเกือบทุกปี ยกเว้นเพียงในปี 2014, 2015 และ 2020 เนื่องจากทางการเนปาลไม่อนุญาตให้มีการปีนขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ด้วยสาเหตุต่างๆ กัน
สำหรับปีนี้ รัฐบาลเนปาลได้ออกใบอนุญาตให้นักปีนเขาที่ต้องการพิชิตยอดเอเวอเรสต์แล้วถึง 478 คน ซึ่งถือว่ามากเป็นประวัติการณ์สำหรับฤดูกาลปีนเขาในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. และมากกว่าสถิติสูงสุด 408 คนในปี 2021
รัฐบาลเนปาลซึ่งมีรายได้หลักจากธุรกิจปีนเขา เดินป่า และการท่องเที่ยว ถูกวิจารณ์ว่าอนุญาตให้คนขึ้นไปพิชิตยอดเอเวอเรสต์มากเกินไป และส่วนใหญ่เป็นนักปีนเขาที่ยังไม่มีประสบการณ์มากพอ
จำนวนนักปีนเขาที่มากเกินไปมักก่อให้เกิดปัญหา “การจราจรติดขัด” โดนเฉพาะที่จุด Hillary Step ซึ่งเป็นปราการด่านสุดท้ายก่อนจะถึงยอดเขา โดยเมื่อปี 2019 มีนักปีนเขาถึง 9 คนที่เสียชีวิตจากความเหน็ดเหนื่อยและขาดออกซิเจน ระหว่างที่ต้องเข้าคิวรอนักปีนเขานับร้อยๆ คนเดินขึ้นและลง
อุตสาหกรรมการปีนเขาสร้างรายได้ให้รัฐบาลเนปาลถึง 5.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว โดย 5 ล้านดอลลาร์มาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปพิชิตยอดเอเวอเรสต์
ยอดเขาแห่งนี้ถูกผู้คนปีนป่ายมาแล้วกว่า 11,000 ครั้ง ทั้งจากฝั่งเนปาลและทิเบต หลังจากที่มันถูกพิชิตได้สำเร็จเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1953 ขณะเดียวกัน มีนักปีนเขาที่เอาชีวิตไปทิ้งบนเส้นทางหฤโหดนี้ไม่ต่ำกว่า 320 คน
ที่มา : รอยเตอร์