โจเซป บอร์เรลล์ ผู้แทนระดับสูงฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ออกมาเรียกร้องให้รัฐสมาชิกอียูเร่งหาวิธีปราบปรามไม่ให้ “อินเดีย” นำน้ำมันดิบรัสเซียที่ผ่านการกลั่นเรียบร้อยแล้วมาส่งขายต่อให้ยุโรป
อินเดียก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซียนับตั้งแต่มอสโกส่งทหารรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ปีที่แล้ว ซึ่งการเข้าถึงแหล่งน้ำมันราคาถูกจากแดนหมีขาวช่วยเพิ่มทั้งกำลังผลิตและผลกำไรให้โรงกลั่นของอินเดีย และทำให้อินเดียสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกลั่นเข้ามาตีตลาดยุโรปได้มากขึ้นด้วย
บอร์เรลล์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Financial Times ว่า ตนมีกำหนดการหารือกับ เอส. ไจชันการ์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอินเดียในวันนี้ (16) และเตรียมที่จะหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาพูดคุยด้วย
“หากน้ำมันดีเซลหรือแก๊สโซลีนที่อินเดียส่งขายให้ยุโรปถูกผลิตมาจากน้ำมันดิบรัสเซียแล้วล่ะก็ มันก็เข้าข่ายหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งรัฐสมาชิกอียูจำเป็นจะต้องมีมาตรการตอบโต้” บอร์เรลล์ ระบุ
“การที่อินเดียซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซียเป็นเรื่องปกติ แต่หากพวกเขาคิดจะเป็นศูนย์กลางการกลั่นน้ำมันรัสเซีย และส่งขายผลพลอยได้ต่างๆ มายังเรา เราก็คงต้องทำอะไรบางอย่าง”
โรงกลั่นน้ำมันอินเดียแทบจะไม่มีการซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซียมาก่อนเนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งสูง ทว่าในช่วงปี 2022/23 กลับมีการนำเข้าสูงถึง 970,000-981,000 บาร์เรล/วัน หรือคิดเป็นกว่า 1 ใน 5 ของการนำเข้าน้ำมันทั้งหมด
บริษัท รอสเนฟต์ (Rosneft) ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ยังได้เซ็นสัญญากับบริษัท อินเดีย ออยล์ คอร์ป (Indian Oil Corp) เพื่อที่จะผลิตน้ำมันดิบเกรดต่างๆ ส่งให้อินเดียมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อินเดียเคยส่งออกน้ำมันดีเซลและเชื้อเพลิงเครื่องบินไปยังยุโรปเฉลี่ย 154,000 บาร์เรล/วัน ในช่วงก่อนที่รัสเซียจะส่งทหารบุกยูเครน แต่ข้อมูลจาก Kpler พบว่าปริมาณการส่งออกได้เพิ่มขึ้นเป็น 200,000 บาร์เรล/วัน หลังจากที่อียูเริ่มใช้มาตรการห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซียตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.ปีนี้
บอร์เรลล์ บอกกับ FT ว่า รัฐบาลยุโรปแต่ละประเทศจำเป็นต้องหากลไกสกัดกั้นน้ำมันรัสเซีย พร้อมระบุเป็นนัยๆ ว่าอียูอาจมีบทลงโทษต่อประเทศที่รับซื้อเชื้อเพลิงกลั่นจากอินเดียซึ่งมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าถูกผลิตมาจากน้ำมันดิบแดนหมีขาว
“ถ้าพวกเขายังขายได้ นั่นแปลว่ามีคนซื้อ เราก็ต้องไปดูกันว่าใครบ้างที่รับซื้อ” เขากล่าว
ที่มา : รอยเตอร์