เจ้าหน้าที่บังกลาเทศสั่งอพยพผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาออกจากพื้นที่เสี่ยง หลัง “ไซโคลนโมคา” ซึ่งทวีกำลังเป็นพายุไซโคลนที่มีกำลังแรงสุดในรอบเกือบ 20 ปี มีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งบังกลาเทศและพม่าในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.)
เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยากรุงธากา ระบุว่า ไซโคลนโมคาซึ่งมีความเร็วลมสูงสุดถึง 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จัดเป็นพายุที่มีความรุนแรงมาก (very severe) ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดียจัดระดับพายุลุกนี้อยู่ในขั้น “ร้ายแรง” (extremely severe)
พายุลูกนี้คาดว่าจะพัดขึ้นฝั่งบริเวณระหว่างเมืองค็อกซ์บาซาร์ (Cox’s Bazaar) ของบังกลาเทศ ซึ่งเป็นที่ตั้งแคมป์ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาเกือบ 1 ล้านคน กับเมืองซิตตเว (Sittwe) ในรัฐยะไข่ของพม่าในช่วงเช้าวันอาทิตย์ (14)
“ไซโคลนโมคาเป็นพายุที่คาดว่าจะรุนแรงที่สุดหลังจากไซโคลนซิดร์ (Sidr)” อาซีซูร์ ราห์มาน หัวหน้าสำนักงานอุตุนิยมวิทยาบังกลาเทศให้สัมภาษณ์กับ AFP
ไซโคลนซิดร์ซึ่งซัดถล่มชายฝั่งตอนใต้ของบังกลาเทศเมื่อเดือน พ.ย. ปี 2007 ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 3,000 คน และสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ รัฐบาลบังกลาเทศไม่อนุญาตให้ผู้ลี้ภัยโรฮิงญาที่หลบหนีความรุนแรงมาจากพม่าเมื่อ 5 ปีก่อนสร้างที่พักอาศัยที่เป็นโครงสร้างถาวรแข็งแรง เนื่องจากเกรงว่าจะคนเหล่านี้จะเข้ามาตั้งหลักปักฐาน และไม่ยอมเดินทางกลับไปพม่าอีก
เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ไซโคลนโมคาจะทำให้เกิดฝนตกหนักและดินถล่ม ซึ่งแคมป์ผู้ลี้ภัยโรฮิงญาส่วนใหญ่ถูกปลูกสร้างอยู่ตามพื้นที่เนินเขาที่เกิดปรากฏการณ์ดินสไลด์มาแล้วหลายครั้ง
อิทธิพลของพายุลูกนี้ยังคาดว่าจะทำให้เกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง (storm surge) สูงสุดถึง 4 เมตร ซึ่งจะทำให้ชุมชนที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งเกิดน้ำท่วมสูง
เจ้าหน้าที่บังกลาเทศได้ส่งอาสาสมัครหลายพันคนเข้าไปช่วยอพยพชาวโรฮิงญาออกจาก “พื้นที่เสี่ยงภัย” และพาพวกเขาไปอาศัยอยู่ตามสถานที่พักพิงที่แข็งแรง เช่น โรงเรียน เป็นต้น ขณะที่ ซัมซุด ดูซา รองกรรมาธิการฝ่ายผู้ลี้ภัยของบังกลาเทศ บอกกับ AFP ว่า “ชาวโรฮิงญาในแคมป์ผู้ลี้ภัยทุกคนล้วนตกอยู่ในความเสี่ยงทั้งหมด”
ที่มา : เอเอฟพี