เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ จะจัดซ้อมรบยิงกระสุนจริงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ครบรอบ 70 ปี สนธิสัญญาป้องกันร่วม (mutual defense treaty) ระหว่าง 2 ประเทศ จากคำแถลงของกระทรวงกลาโหมโซลเมื่อวันเสาร์ (6 พ.ค.)
การซ้อมรบซึ่งจะจัดขึ้น 5 รอบ ระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม ถึง 15 มิถุนายน จะป็นการซ้อมกระสุนจริงครั้งใหญ่ที่สุด และจะเกี่ยวข้องกับเครื่องบินขับไล่ล่องหน F-35A เฮลิคอปเตอร์โจมตีอาปาเช่ AH-64 รถถัง K2 เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง Chunmoo และระบบอาวุธอื่นๆ
หนนี้นับเป็นการซ้อมรบกระสุนจริงครั้งแรกระหว่าง 2 ชาติ นับตั้งแต่ปี 2017 และจะจัดขึ้นที่สนามฝึกยิงซึงจิน (Seungjin Fire Training Field) ในเมืองโปชอน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของโซล
ปฏิบัติการซ้อมรบครั้งนี้จะเกิดขึ้นในวาระครบรอบ 70 ปี ของความเป็นพันธมิตรระหว่างโซลและวอชิงตัน ซึ่งเริ่มขึ้น 3 เดือนหลังจากเกิดข้อตกลงสงบศึกที่ปิดฉากสงครามเกาหลี โดยทั้งเกาหลีใต้ และสหรัฐฯ ลงนามในสนธิสัญญาป้องกันร่วมในเดือนตุลาคม 1953
ทั้งนี้ การซ้อมรบนี้ยังจัดขึ้นในวาระครบรอบ 75 ปีของการก่อตั้งกองทัพเกาหลีใต้ด้วย
ประธานาธิบดี ยุน ซุกยอล แห่งเกาหลีใต้ เพิ่งแถลงโครงการหนึ่ง ซึ่งจะยกระดับความร่วมมือทางนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ระหว่างการเดินทางเยือนวอชิงตันเมื่อสัปดาห์แล้ว โดยภายใต้ปฏิญญาวอชิงตัน ทางอเมริกาจะประจำการเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์ และเครื่องบินทิ้งระเบิดเป็นระยะๆ ในประเทศแถบเอเชียแห่งนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบครึ่งศตวรรษเลยทีเดียว
แม้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ยืนกรานว่าจะไม่มีการประจำการอาวุธนิวเคลียร์บนแผ่นดินเกาหลีใต้ และข้อตกลงดังกล่าวปฏิเสธความเป็นไปได้ที่โซลจะแสวงหาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง แต่จีนกล่าวหาวอชิงตันว่ากำลังบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธไปแล้วกว่า 100 ลูก นับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2022 และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้อวดโดรนใต้น้ำศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์และขีปนาวุธข้ามทวีปเชื้อเพลิงแข็งเป็นครั้งแรก ขณะที่พวกเขามองการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เป็นการยั่วยุ และเน้นย้ำว่าโครงการอาวุธของพวกเขาเป็นลักษณะของการป้องกันตนเอง
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)