สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ขึ้นครองราชย์บัลลังก์อังกฤษด้วยพระราชพิธีสวมพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด ณ เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ พระองค์ที่ 40 นับจากพระเจ้าวิลเลียมผู้พิชิต ณ ปี 1066 พระองค์ทรงปรากฏพระอารมณ์สะเทือนพระทัยแกมปลื้มปีติ เมื่อเจ้าฟ้าชายวิลเลียมทรงถวายคำนับ และคุกเข่าประกาศคำสัตย์ที่จะจงรักภักดีต่อพระราชบิดา
ภาพอันสง่างามที่ปรากฏผ่านการถ่ายทอดสดทั่วโลก แสดงให้เห็นปรินซ์ออฟเวลส์ทรงลุกขึ้น ทรงแตะพระราชมงกุฎ และทรงจุมพิตพระปรางของพระเจ้าชาร์ลส์ ขณะที่พระเจ้าชาร์ลส์ ผู้เป็นพระราชบิดาทรงมีร่องรอยสะเทือนพระทัยแกมปลื้มปัติ และพยักพระพักตร์ตอบรับ ก่อนจะทรงตรัสให้ได้ยินทั่วกันว่า “อาเมน”
หลังจากพิธีการบรมราชาภิเษกข้างต้นเสร็จสิ้นแล้ว มีพระราชพิธีแต่งตั้งพระราชินี โดยนักบวชถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์สำหรับพระอัครมเหสี ซึ่งจุดสำคัญเป็นที่เฝ้าชมกันก็คือ การถวายการสวมพระมหามงกุฎควีนแมรี
ในพระราชพิธีคราวนี้ สิ่งที่พสกนิกรชาวสหราชอาณาจักรและผู้สังเกตการณ์ติดตามกันมากเป็นพิเศษ ยังได้แก่ความสัมพันธ์ภายในราชวงศ์อังกฤษภายหลังผ่านช่วงเวลาตึงเครียด โดยเฉพาะจากกรณีของเจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกส์ พระราชโอรสองค์รองของคิงชาร์ลส์ และกรณีของเจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก พระราชอนุชาของพระองค์
ทั้งสองพระองค์ได้เข้าร่วมพิธีที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ด้วย แต่อยู่ในสภาพโลว์โปรไฟล์ เป็นต้นว่า ไม่ได้ทรงเครื่องแบบทหาร และนั่งอยู่ในแถวที่ 3 ของมหาวิหาร ทั้งนี้ เจ้าชายแฮร์รีประทับนั่งรวมอยู่ในกลุ่มพระธิดาทั้ง 2 พร้อมพระสวามีของเจ้าชายแอนดรูว์
ขณะที่เจ้าชายวิลเลียม ปรินซ์ออฟเวลส์ พร้อมพระชายา พระธิดา เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และพระโอรสองค์สุดท้าย เจ้าชายหลุยส์ ได้ที่นั่งแถวแรกของมหาวิหาร โดยที่เจ้าชายจอร์จ พระโอรสองค์โต และเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 ของราชบัลลังก์อังกฤษเวลานี้ ได้ทำหน้าที่เป็นมหาดเล็กเฉลิมพระเกียรติ
1 ใน 4 คนของคิงชาร์ลส์ในพระราชพิธีนี้
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่มีการถ่ายทอดสดทั่วโลก เป็นพระราชพิธีที่สำคัญที่สุดของพระเจ้าชาร์ลส์แห่งอังกฤษ เพราะเป็นพระราชพิธีที่นำพาพระองค์สู่พระเกียรติยศอันสูงสุดแห่งพระชนม์ชีพ
การทิ้งช่วงให้พระราชพิธีบรมราชาภิเษกแห่งสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 มีขึ้นหลังจากผ่านพ้นพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถูกกำหนดไว้เป็นเวลาราว 8 เดือน ซึ่งนับเป็นการวางจังหวะที่เหมาะสม โดยพสกนิกรได้คลายจางความโศกเศร้าและกังวลต่อความเปลี่ยนแปลง
พระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรพระองค์ปัจจุบัน ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 แห่งราชบัลลังก์อังกฤษ มาตั้งแต่ที่พระองค์ยังมีพระชนมายุเพียง 3 พรรษา
(ที่มา : เดลิเมล์, เอเอฟพี, เอพี, รอยเตอร์)