ในวันเสาร์นี้ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะทรงสวมพระมหามงกุฏเซนต์เอ็ดเวิร์ดและรับการสถาปนาอย่างเป็นทางการขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร หลังจากที่ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 มายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ
ในห้วงเกือบ 70 ปีที่ทรงฝึกซ้อมการเป็นประมุขของประเทศ พระองค์ได้พบปะทักทายกับผู้คนทั่วโลกมาแล้วหลายแสนราย เดอะซัน สื่อค่ายยักษ์ของอังกฤษ จึงเชิญชวนแฟนๆ เดอะซันมาบอกเล่าความทรงจำถึงวันสำคัญของชีวิตที่ได้พบปะกับพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ภายใต้หัวข้อ The King And I
จากคำบอกเล่าเด็ดๆ มากมาย เดอะซันคัดขึ้นมา 9 เรื่องประทับใจ “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ดังนี้
1. พระองค์ไม่ได้มาฝึกลากอวนจับปลานะครับ แต่ทรงมีทักษะกับชีวิตบนเรืออย่างดีมาก และไม่มีการเมาคลื่นเลยครับ
ในปี 1980 ลูกประมงวัย 19 ปี นามว่า เวย์น แฟลตต์ เป็นลูกเรือละอ่อนที่สุดของเรือลากอวน จูเนลลา ได้ทราบข่าวว่าจูเนลลาจะพักงานประมงชั่วคราวและจะเคลื่อนออกนอกเส้นทางเพื่อไปยังเมืองท่าสตอร์โนเวย์ของสกอตแลนด์
แต่เซอร์ไพร์สของความเปลี่ยนแปลงกะทันหันมีอยู่ว่า เรือจูเนลลาจะไปรับผู้โดยสายวีไอพี พระนามว่า ปรินซ์ชาร์ลส์
แล้วลูกประมงคนนี้ก็มีโอกาสถวายงานรับใช้เจ้าฟ้าชายในทริปตระเวนน่านน้ำนานสามวัน มันเป็นความทรงจำอันแสนสุดประทับใจ เขาเล่าว่า
“เราได้รับแจ้งว่าปรินซ์ชาร์ลส์จะเสด็จมาล่องเรือกับพวกเราสองสามวันครับ ตอนนั้นผมอายุแค่ 19 ปี และเป็นคนสุดท้ายที่ได้ทราบข่าว
“เมื่อมองย้อนกลับไป ผมคิดว่าพระองค์มาศึกษาหาความรู้หรือมาทำวิจัยบางอย่างที่ทรงใฝ่ใจหลงใหล น่ะครับ
“ปรินซ์ทรงมีผู้ติดตาม 3 ท่านซึ่งพวกเราคาดว่าคงเป็นองครักษ์กับมีคนหนึ่งเป็นช่างภาพ
“เราก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอกนะครับ แต่เราเห็นสตรีท่านหนึ่งยืนโบกมือลาพระองค์ แล้วพวกเราเดากันว่าคงจะเป็นเลดีไดอานา
“เย็นวันนั้น เราออกจับปลากันต่อ ผมเห็นเลยครับว่าพระองค์ทรงเป็นแขกที่สมบูรณ์แบบตลอดทริป ผมได้มีโอกาสเดินพาพระองค์ชมสิ่งต่างๆ บนดาดฟ้าเรือ พระองค์ทรงถามด้วยว่าผมอยากจะทำอะไรในอนาคต
“พระองค์มิได้มาฝึกลากอวนจับปลาหรอกนะครับ ทรงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับกัปตันในห้องควบคุมเรือ คุยกันเรื่องข้อมูลวิชาการบ้าง เรื่องน่านน้ำบ้าง
“พระองค์ทรงมีทักษะในชีวิตบนเรือครับ เดินได้คล่องแคล่ว แล้วก็ไม่เมาคลื่นด้วยครับ ตอนนั้นปรินซ์ทรงมีพระชนมายุ 31 พรรษาแล้ว ทรงให้เกียรติเป็นกันเองกับพวกเราทุกคน
“เมื่อเสร็จทริปแล้ว เราส่งเสด็จที่ท่าเรือเมืองฮัลล์ พระองค์พระราชทานของที่ระลึกให้ทุกคน 2 อย่าง มีไฟแช็กซิปโป กับแก้วเบียร์พิวเตอร์สวยงาม”
เวย์นเล่าอย่างภาคภูมิใจว่า “ไม่ใช่เรื่องที่จะมีกันทุกวัน ที่เราจะได้ถวายงานรับใช้ใกล้ชิดพระมหากษัตริย์ในอนาคตของเราบนเรือ เราทุกคนถนอมรักษาความทรงจำยอดเยี่ยมเหล่านั้นไว้เป็นอย่างดีครับ
“ผมเสียดายอย่างเดียวคือ ถ้วยเบียร์กับไฟแช็กพระราชทานถูกเก็บกวาดไปตอนที่โจรปล้นบ้านน่ะครับ”
2. ปรินซ์ทรงน่ารักอ่อนโยนกับเด็กๆ ทรงปล่อยมุกเมาท์มอยพระบิดาของพระองค์ ให้เด็กๆ ได้หัวเราะฮาครืน
คุณครูลอร่า สเตซีย์ ได้รับเชิญให้นำเด็กนักเรียนกลุ่มแปดขวบไปชมฟาร์มชานกรุงเขตอีสต์ลอนดอน ในปี 2009 ซึ่งในวันนั้น ปรินซ์ชาร์ลส์ทรงเสด็จเยือนฟาร์มด้วย เมื่อคณะนักเรียนไปถึงฟาร์มแฮกนีย์ ซิตี้ ฟาร์ม ปรินซ์ทรงตามกรุ๊ปนักเรียนไปตลอดเส้นทางของเด็กๆ
“พระเจ้าชาร์ลส์ทรงมีเมตตาและอ่อนโยนกับเด็กๆ อย่างเหลือเชื่อเชียวค่ะ ทรงชวนเด็กๆ สนทนาและตรัสถามเรื่องต่างๆ มากมาย โดยพระองค์ทรงพระราชดำเนินไปทั่วฟาร์มด้วยกันกับคณะนักเรียนน่ะค่ะ” คุณครูลอร่า ซึ่งเจริญวัยไปถึง 81 กะรัตแล้ว เล่าอย่างนั้น
“พอไปถึงพื้นที่เลี้ยงหมู พวกเราได้เข้าชมด้านในอย่างใกล้ชิด มีลูกหมูอ้วนๆ ตัวหนึ่งนอนกรนอยู่ค่ะ
“กษัตริย์ในอนาคตทรงแตะไหล่น้องนักเรียน แล้วบอกว่า ‘พ่อลุงทรงกรนเหมือนอย่างนี้เลย’ เด็กๆ หัวเราะชอบใจกันใหญ่เชียวค่ะ” คุณครูลอร่ากล่าว
3. ปรินซ์ชาร์ลส์เสด็จเข้าครัววิทยาลัยคอร์นวอลล์ ตรัสชื่นชมศักยภาพคณะนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ซึ่งจัดทำพระกระยาหารเที่ยงถวายพระองค์
เมื่อครั้งที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ยังมิได้เสด็จขึ้นครองราชย์ พระอิสริยยศหนึ่งที่พระองค์ทรงครองคือ ดยุกแห่งคอร์นวอลล์ ในการนี้ ทรงใส่พระทัยอย่างยิ่งกับการพัฒนาสถาบันการศึกษาในคอร์นวอลล์ และเมื่อ 40 ปีที่แล้ว พระองค์เสด็จเยือนวิทยาลัยคอร์นวอลล์คอลเลจเพื่อการศึกษาระดับอุดมศึกษาและสูงกว่าอุดมศึกษา ทรงพบปะหารือและขอบใจคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ซึ่งดำเนินงานประสบความสำเร็จ สามารถเสริมสร้างพลังทางเศรษฐกิจของเทศมณฑลคอร์นวอลล์
ในการเสด็จเยือนดังกล่าว มีการจัดเลี้ยงพระกระยาหารถวายพระองค์ และพระองค์ทรงทำเซอร์ไพร์สน่ารัก ด้วยการเข้าห้องครัวจัดเลี้ยงของวิทยาลัย และทักทายผู้ปฏิบัติงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาของวิทยาลัย
ไดแอน กวิลเลียม นักศึกษาสาขาวิชาการจัดเลี้ยงซึ่งอยู่ในทีมผู้ปฏิบัติงานดังกล่าว เล่าแก่เดอะซันว่า
“ดิฉันคือสาวผูกโบว์หูกระต่ายในภาพค่ะ นี่เป็นประสบการณ์ที่วิเศษมากสำหรับนักศึกษาวัย 16 ปีอย่างดิฉัน
“ตอนนี้ดิฉัยอายุ 57 ปีแล้ว และยังระลึกถึงวันเวลาดีๆ ในวันนั้นเสมอค่ะ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง”
4. พระองค์ทรงแซวคุณตาของดิฉันว่า หลานสาวคุณตาหวงไอศกรีม ไม่ยอมยื่นถวาย แล้วก็ทานเองเรียบร้อยไปแล้ว
ชานเทลล์ เคลลี คือหนูน้อยสองขวบซึ่งหวงไอศกรีมไว้ ไม่ยอมถวายแด่ปรินซ์ชาร์ลส์ผู้จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษในอนาคต
คุณแม่แอนเจลา ของชานเทลล์ เคลลี ขายขนมหวานเย็นบนรถตู้ดัดแปลงที่งานเกษตรแฟร์ Royal Cornwall Agricultural Show อันเป็นหนึ่งในกิจกรรมเฉลิมฉลองรัชดาภิเษก ครบรอบการครองราชย์ของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อปี 1977
ชานเทลล์ สาวนักการตลาดจากเมืองเรดดิงซึ่งบัดนี้อายุ 47 กะรัตแล้ว เล่าว่า
“ปรินซ์ชาร์ลส์เสด็จผ่านรถตู้ขายขนมของคุณแม่ค่ะ พระองค์แวะทักทาย แล้วคุณแม่กราบทูลขอถวายไอศกรีมแด่พระองค์
“คุณแม่ส่งไอศกรีมโคนรสอร่อยให้ดิฉันนำถวายปรินซ์ เมื่อพระองค์ยื่นพระหัตถ์จะรับ ดิฉันมองไอศกรีมซึ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็น และจึงตัดสินใจหดมือกลับ แล้วเลียไอศกรีมอย่างอร่อย
“พระองค์ทรงพระสรวลใหญ่เลยค่ะ ทรงตรัสกับคุณแม่ดิฉันว่าไม่เป็นไรครับ
“แล้วในเวลาเสวยพระกายาหารเที่ยง ฝ่ายจัดกิจกรรมได้เชิญให้คุณตานำไอศกรีมไปทูลถวาย และปรากฏว่าพระองค์ทรงเล่าวีรกรรมของหลานวัยสองขวบให้คุณตาฟังอย่างครื้นเครง”
5. ทรงให้กำลังใจนักกู้ชีพฉุกเฉิน ผู้ขับรถพยาบาลตะลุยเข้าไปช่วยชาวบ้าน 50 รายในพื้นที่หายนะจากอุทกภัยครั้งร้ายแรงในหมู่บ้านชาวประมง
ในอุทกภัยครั้งร้ายแรงของหมู่บ้านชาวประมงคอร์นิชในเขตบอสคาสเซิลของเทศมณฑลคอร์นวอลล์ ปี 2004 คุณแมนเซลล์ โทมัส นักกู้ชีพฉุกเฉิน ขับรถพยาบาลที่มีกันเพียงคันเดียว นำทีมพาราเมดดิกตะลุยพื้นที่หายนะ เข้าไปช่วยชาวบ้าน 50 รายที่ติดค้างให้พ้นภัยออกมาได้
คุณแมนเซลล์ ซึ่งปัจจุบันนี้มีอายุ 74 กะรัตแล้ว เล่าระลึกความหลังว่า
“เราเร่งทำงานร่วมกับหน่วยฉุกเฉินทางอากาศโดยไม่มีการหยุดพัก รีบช่วยเหลือชาวบ้านกันตลอดคืนเพื่อนำส่งผู้ป่วยที่ต้องรีบอพยพด่วนให้ถึงโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดน่ะครับ”
ทุกคนรอดพ้นอันตรายได้ครบทั้ง 50 ราย แล้วปรินซ์ชาร์ลส์ ซึ่งขณะนั้นทรงเป็นดยุกแห่งคอร์นวอลล์ ทรงตรัสขอบใจคุณแมนเซลล์และเชิดชูความกล้าหาญ
“พระองค์ทรงพระกรุณาและทรงใส่ใจทุกข์สุขของพวกเราอย่างที่สุดครับ
“พระองค์ตรัสขอบใจพวกเราในทุกอย่างที่พวกเราอุทิศตัวเพื่อประชาชน
“ผมตื้นตันใจมากๆ เลยครับที่พวกเรามีพระองค์ทรงสนับสนุน การที่พระองค์ทรงใส่ใจนั้น มีความหมายต่อขวัญกำลังใจของพวกเราอย่างสุดบรรยาย ทรงเป็นคนดีอย่างแท้จริงครับ”
6. พอล วีลแบนด์ ได้ถวายงานรับใช้ปรินซ์ชาร์ลส์บน เรือพระที่นั่งบริตาเนีย หลายครั้งทีเดียว
พอล วีลแบนด์ ซึ่งบัดนี้อยู่ในวัย 79 ปี เล่าแก่เดอะซันว่า “ผมอายุเพียง 22 ปี ตอนที่เริ่มถวายงานรับใช้พระราชวงศ์บนเรือพระที่นั่งบริตาเนีย และได้มีโอกาสดูแลปรินซ์ชาร์ลส์หลายครั้งครับ แต่ก็ไม่ถึงกับบ่อย”
ในฐานะที่เคยเป็นลูกเรือประจำเรือพระที่นั่ง คุณพอลจึงได้รับเชิญร่วมปาร์ตีในสวนของพระราชวังบัคกิงแฮมหลายครั้ง และคุณพอลเล่าเกร็ดน่าประทับใจว่า
“เอเลน ภรรยาผม อยากได้พบปรินซ์ชาร์ลส์อย่างเหลือเกิน แต่เธอก็คลาดแคล้วไม่ได้ถอนสายบัวถวายพระองค์เสียที
“เมื่อสิบปีที่ผ่านมา ผมและภรรยาได้รับเชิญร่วมอีเวนต์ที่บัคกิงแฮมอีกครั้งหนึ่ง แล้วเธอพูดขึ้นว่า ‘ฉันจะได้พบพระองค์ในคืนนี้แน่นอนไม่ว่าพระองค์จะทรงชวนคุยหรือไม่’ เอเลนประกาศไว้”
“ในที่สุดเธอก็สมปรารถนาครับ พระองค์เช็กแฮนด์กับเธอ เมื่อสองปีที่แล้ว ก่อนที่เธอจะถึงแก่กรรม เธอบอกผมว่าเธอยังปลื้มอยู่เลยที่ได้พบพระองค์ในที่สุด”
7. คิงชาร์ลส์และควีนคามิลลาทรงเดินตัดตรงมาที่ผม และทรงชวนผมคุยพักหนึ่ง ผมยิ้มแก้มฉีกยิ่งกว่าที่เคยทำเมื่อวันแต่งงาน
มัณฑนากรนามว่า แกเร็ธ แอนเดอร์สัน ได้เช็กแฮนด์กับพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ในวโรกาสที่พระองค์เสด็จไปพระราชทานสถานภาพความเป็นนครแก่เมืองดันเฟิร์มลินในสกอตแลนด์อย่างเป็นทางการ และนั่นเป็นพระราชกรณียกิจลำดับแรกของพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์อังกฤษ
ทั้งนี้ คุณแกเร็ธ วัย 41 ปี ชาวเมืองเมธิลในคาบสมุทรไฟฟ์ สกอตแลนด์ ซึ่งไปรอเฝ้ารับเสด็จอย่างตั้งอกตั้งใจด้วยความจงรักภักดี เล่าว่า
“ผมเป็นสายนิยมเจ้าตัวเอ้เลยครับ ตอนจะขับรถออกจากบ้าน ผมพูดกับ วิกกี ภรรยาผมว่า ‘วันนี้ผมจะได้สัมผัสมือกับคิงชาร์ลส์และควีนคามิลลา และผมท้าพนันไว้เลยนะ ผมจะได้เป็นข่าวในคืนนี้ด้วย’ ผมพูดไปด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง”
“ภรรยาผมหัวเราะ บอกว่าผมบ้า บอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้หรอก แล้วผมก็รีบไปยังแนวรับเสด็จตั้งแต่หัววัน ไปปักหลักในจุดที่ชัวร์ ผมรอแบบใจเย็นๆ ราวสองชั่วโมง แล้วคิงชาร์ลส์กับควีนคามิลลาก็เสด็จมาถึงและก้าวออกจากพระราชยานยนต์
“ผมไม่อยากเชื่อเลยครับ ทั้งสองพระองค์เดินตรงมาทางผม แล้วผมยิ่งตกใจมากขึ้น เพราะคิงชาร์ลส์ทรงสัมผัสมือกับผมพร้อมกับชวนผมคุยพักหนึ่ง
“แล้วพระองค์ทรงตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะทรงเดินไปตามแนวรั้วกั้นเพื่อทักทายประชาชนรายอื่นๆ รายละเอียดทั้งหมดนี้ปรากฏอยู่ในกล้องของสถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ต่างๆ ด้วยครับ
“ผมรู้สึกตัวเบาโหวงเหมือนอยู่บนดวงจันทร์ที่ได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดทั้งสองพระองค์ และยังได้ปรากฏในข่าวภาคเย็นด้วย
“ผมยืนแถวหน้าสุดและอยู่ตรงกลางจอภาพ มันเจ๋งมากครับ
“ผมพรินต์ภาพข่าวที่ตัวผมยืนสนทนากับคิงชาร์ลส์ และติดภาพแห่งความภาคภูมิใจไว้ในห้องโถง
“ภรรยาผมแซวว่า ในวันแต่งงาน ผมไม่ได้ยิ้มแก้มฉีกเท่ากับวันที่ผมได้เช็กแฮนด์กับพระมหากษัตริย์”
8. เดวิด แมคคอร์มิก ได้เช็กแฮนด์กับปรินซ์ชาร์ลส์สองครั้ง โดยหนหลัง พระองค์จำเขาได้!!
มหาบุรุษแห่งราศีพิจิก (พฤศจิกายน) มักจะเป็นที่เลื่องลืออย่างยิ่งในศักยภาพความทรงจำเลอเลิศ และคิงชาร์ลส์ทรงเป็นหนึ่งในกลุ่มซูเปอร์แมนสายนี้
ปรินซ์ชาร์ลส์ กับ เดวิด แมคคอร์มิก นักธุรกิจจากเมืองกรินสเตด เทศมณฑลเวสต์ซัสเซกซ์ ได้เช็กแฮนด์ทักทายกันหนึ่งครั้งในงานประชุมด้านสิ่งแวดล้อมที่เยอรมนีในปี 1980
แปดปีต่อมา ก็ได้พบกันอีกครั้ง เมื่อบริษัทที่เดวิดทำงานด้วย เป็นหนึ่งในสปอนเซอร์แมตช์การแข่งขันโปโล ณ สนามการ์ดโปโลคลับในวินด์เซอร์ ซึ่งปรินซ์ออฟเวลส์ทรงร่วมแข่งขัน
หลังแมตช์จบลง ปรินซ์ชาร์ลส์ทรงทักทายบรรดาผู้แทนบริษัทสปอนเซอร์ และจึงมีวาระที่จะได้เช็กแฮนด์กัน
แล้วก็เป็นฝ่ายเจ้าชายรัชทายาทราชบัลลังก์อังกฤษที่ออกปากทักคุณเดวิดว่า
“ผมเคยพบกันคุณที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ” คุณเดวิดเล่าแก่เดอะซันไว้อย่างนั้น
คุณเดวิดเล่าต่อไปว่า “ผมจึงกราบทูลพระองค์ว่าเคยได้ทักกันสั้นๆ ในอีเวนต์ที่แฟรงก์เฟิร์ต โดยพระองค์เสด็จมางานด้วยเรือยนต์บนเส้นทางแม่น้ำไรน์
“พระองค์แก้ไขข้อมูลให้ผมทันที ‘ที่โคโลญน่ะ ไม่ใช่ที่แฟรงก์เฟิร์ตหรอก’ ทรงตรัสแย้งมานุ่มๆ
“ผมประทับใจพระองค์สุดๆ เลยครับ และทึ่งอย่างยิ่งกับความทรงจำที่แม่นยำเหลือเชื่อของพระองค์ ใช่เลยครับพระองค์จำได้เป๊ะจริงๆ ทรงเป็นที่จับใจของทุกคนที่ได้คุยกับพระองค์”
9. ไม่ทราบเลยว่าทำไมถึงเข้าไปจูบพระปรางพระองค์ ตอนนั้นอายุ 18 และก็เคลื่อนกายไม่รู้ตัวเลย - ปุบปับก็จุ๊บเสร็จน่ะค่ะ
ตอนที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงหยุดทักทายประชาชนตรงจุดที่ใกล้กับสาวใสหน้าสวย นามว่า เดบรา สมิธ หญิงวัย 18 ปีผู้ประเปรียว เธอผวาเข้าถึงพระองค์ และโดยที่หลับตาพริ้ม เธอบรรจงถวายจูบเน้นๆ บนพระปรางท่ามกลางเสียงกดชัตเตอร์กล้องกันรัวๆ และเสียงหัวเราะเชียร์ครื้นเครงของเหล่าพสกนิกรที่รอเฝ้ารับเสด็จในย่านเดบต์ฟอร์ตของเขตเซาธ์อีสต์ลอนดอน
ในวันที่เกิดเหตุเมื่อปี 1978 คิงชาร์ลส์ทรงเจริญพระชนมพรรษาได้ 29 พรรษา และทรงเป็นเจ้าชายในฝันของสาวน้อยสาวใหญ่ทั่วโลก
เดบรา สมิธ ซึ่งบัดนี้เป็นคุณยายอารมณ์ดีวัย 62 ปี เล่าไว้กับเดอะซันว่า
“ดิฉันไม่ทราบเลยว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น หรือว่าคิดอะไรอยู่ ดิฉันอายุ 18 ปี และก็แค่เคลื่อนกายเข้าไปไม่รู้ตัวเลย ปุบปับก็จุ๊บเสร็จค่ะ
“พระองค์ทรงใจดีอย่างที่สุดนะคะ ทรงจับมือทั้งสองของดิฉัน บีบนุ่มๆ แบบจะบอกว่า ไม่เป็นไร อย่ากังวล แล้วพระองค์ก็ทรงพระดำเนินไปทักทายผู้คนที่รอเฝ้ารับเสด็จต่อน่ะค่ะ”
ณ วันที่เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ของสาวเดบรา นั้น เธออยู่ระหว่างทำงานในทีมโปรดักชันที่จัดการแสดงบนเวทีเรื่องยิปซี ขณะที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เสด็จไปเปิดโรงละครอัลบานีอย่างเป็นทางการที่ศูนย์ศิลปะอัลบานีแห่งเดบต์ฟอร์ต
ในวันรุ่งขึ้น ภาพจูบมหัศจรรย์นั้นปรากฏบนหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ และเดบราตัดข่าวทั้งปวงของตนเองไว้อย่างทะนุถนอม
“เมื่อเร็วๆ นี้ ดิฉันเพิ่งเอาแฟ้มภาพข่าวไปอวดให้หลานชายดู หลานบอกว่าไม่อยากเชื่อเลย คุณยายเคยจูบคิงอังกฤษ
“ดิฉันยังจดจำได้จนถึงทุกวันนี้นะคะว่าพระองค์หอมเหลือเกิน - เป็นหอมที่สดชื่นและอ่อนหวาน พระองค์คงจะดูแลพระวรกายอย่างดีมากๆ น่ะค่ะ
“เป็นความทรงจำที่ดิฉันถนอมรักษาไว้ไม่เคยลืมเลือน น่าจะมีผู้หญิงไม่มากนักที่จะอวดได้ว่า เคยจูบพระมหากษัตริย์มาแล้ว แต่ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่พูดอย่างนั้นได้ค่ะ”
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดอะซัน)