มีข่าวว่าญี่ปุ่น และนาโตกำลังหาทางยกระดับความร่วมมือในด้านโลกไซเบอร์ และกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ แห่งนี้มีแผนเปิดสำนักงานประสานงานแห่งแรกในโตเกียว ตามรายงานของหนังสือพิมพ์นิกเกอิ เอเชีย เมื่อวันพุธ (3 พ.ค.)
นิกเกอิ เอเชีย อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นและนาโต ระบุว่าสำนักงานแห่งนี้จะเปิดทางให้นาโตสามารถปรึกษาหารือเป็นระยะๆ กับบรรดาพันธมิตรในภูมิภาค อย่างเช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้
ข้อเสนอเปิดสำนักงานประสานงานนี้ยังคงอยู่ระหว่างการเจรจา ตามรายงานของนิกเกอิ หลังจากข้อเสนอดังกล่าวถูกหยิบยกมาพูดคุยครั้งแรกโดยนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่น และเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต ระหว่างที่สโตลเทนเบิร์ก เดินทางเยือนกรุงโตเกียว เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
รายงานของนิกเกอิ เอเชีย เน้นว่าสำนักงานแห่งนี้จะคล้ายกับสำนักงานต่างๆ ของนาโต ที่ปกติแล้วประเทศเจ้าบ้านจะเป็นผู้จัดหาพื้นที่ให้ และหากว่าโตเกียวลงเอยด้วยการมอบเงินสนับสนุนจัดตั้งฐานที่มั่นของพันธมิตรทหารตะวันตกในญี่ปุ่น มันจะกลายเป็นระดับใหม่ในความร่วมมือด้านกลาโหมของประเทศแห่งนี้
ในรายงานระบุด้วยว่า ญี่ปุ่นมีแผนลงนามในโครงการความร่วมมือเฉพาะบุคคล (Individually Tailored Partnership Program หรือ ITPP) ก่อนการประชุมซัมมิตนาโตในลิทัวเนีย เดือนกรกฎาคม ทั้งสองฝ่ายมีความตั้งใจยกระดับความร่วมมือแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในขอบเขตจัดการกับภัยคุกคามไซเบอร์ ประสานงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่และเป็นภัยคุกคาม รวมถึงแลกเปลี่ยนบันทึกเกี่ยวกับการต่อสู้กับข้อมูลที่บิดเบือน ตามรายงานของนิกเกอิ
ข่าวคราวนี้ปรากฏออกมา หลังจากนาโตวางกรอบอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการยกระดับความร่วมมือในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยในแนวคิดยุทธศาสตร์ปี 2022 นาโตอธิบายถึงความจำเป็นในการสร้างพันธมิตรใหม่ ด้วยการเน้นย้ำถึงความท้าทายต่างๆ อย่างเป็นระบบที่มีต่อความมั่นคงของยูโร-แอตแลนติก จากฝีมือจีนและรัสเซีย ทั้งนี้ พวกเขาให้คำจำกัดความมอสโกว่าเป็นภัยคุกคามสำคัญที่สุดและโดยตรงที่สุดของนาโต
ความพยายามแผ่อิทธิพลของนาโตมายังเอเชีย เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอยู่ก่อนแล้ว จากทั้งมอสโกและปักกิ่ง โดยในเดือนมีนาคม ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประณามความพยายามผลักดันจัดตั้ง "นาโตโลก" บอกว่ามันคล้ายกับพฤติกรรมของนาซีเยอรมัน อิตาลี และญี่ปุ่น ในช่วงทศวรรษ 1930
ขณะเดียวกัน จีนได้ตำหนิแนวคิดยุทธศาสตร์ของนาโต อ้างว่ามันเต็มไปด้วยข้อมูลบิดเบือนและแปดเปื้อนด้วยแนวคิดแบบสงครามเย็น ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อนโยบายต่างประเทศของปักกิ่ง
(ที่มา : นิกเกอิเอเชีย/อาร์ทีนิวส์)