สหรัฐฯ อาจเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้อย่างเร็วที่สุดในช่วงต้นเดือนมิถุนายน จากความเห็นของเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังในวันจันทร์ (1 พ.ค.) ในขณะที่สภาคองเกรสกำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้ และรีพับลิกันผลักดันให้ลดการใช้จ่าย ท่ามกลางคำเตือนว่าการผิดนัดชำระหนี้ อาจนำมาซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินในประเทศ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รีพับลิกันลงมติปรับเพิ่มข้อจำกัดการกู้ยืมของประเทศ แต่มีเงื่อนไขก็ต่อเมื่อมีการปรับลดการใช้จ่ายเป็นอย่างมาก ในการประจันหน้ากับประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากเดโมแครต เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นการใช้จ่ายที่เลยเถิดเกินไป
สมาชิกรีพับลิกันมีความตั้งใจผลักดันร่างกฎหมาย Limit, Save, Grow Act (มีเป้าหมายที่จะจำกัดการเติบโตของการใช้จ่ายต่อปีไว้ที่ 1% เป็นเวลา 10 ปี) ผ่านสภาผู้แทนราษฎรในสภาคองเกรส เพื่อเสริมสถานะความเข้มแข็งของตนเองในการเจรจาต่อรองกับไบเดน ซึ่งปฏิเสธเห็นพ้องปรับลดการใช้จ่าย แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่มีโอกาสกลายเป็นกฎหมาย เพราะว่าถูกคัดค้านจากวุฒิสภาที่ควบคุมโดยเดโมแครต และทำเนียบขาว
ทางตันดังกล่าวเพิ่มความเป็นไปได้ว่าสภาคองเกรส และทำเนียบขาวอาจได้เห็นการผิดนัดชำระหนี้ของประเทศเป็นครั้งแรก "จากการประเมินของเรา อย่างดีที่สุดที่จะสามารถดินหน้าทำตามพันธสัญญาทั้งหมดของรัฐบาลได้จนถึงต้นเดือนมิถุนายน และมันมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในเดือนมิถุนายน หากคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้หรือระงับเพดานหนี้ปัจจุบันก่อนถึงเวลาดังกล่าว" เยนเลนระบุในวันจันทร์ (1 พ.ค.) ในหนังสือที่ส่งถึง เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และผู้นำคนอื่น
ด้วยที่หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ชนเพดาน 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม ทางกระทรวงการคลังอเมริกาจึงต้องใช้มาตรการพิเศษที่เปิดทางให้กระทรวงยังคงสามารถจัดสรรเงินให้แก่กิจกรรมต่างๆ ของทางรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม หากหานเพดานหนี้ของประเทศไม่ได้รับการขยายหรือระงับก่อนเครื่องไม้เครื่องมือปัจจุบันหมดอายุลง รัฐบาลก็เสี่ยงผิดนัดชำระต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
เยลเลน เคยเตือนระหว่างประชุมร่วมกับบรรดาผู้บริหารของภาคธุรกิจต่างๆ จากแคลิฟอร์เนีย เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน ว่าการผิดนัดชำระหนี้จะส่งผลให้ผู้คนตกงาน และผลักให้ภาระการผ่อนบ้าน สินเชื่อรถยนต์ และบัตรเครดิตเพิ่มสูงขึ้น
"การผิดนัดชำระหนี้ของเราจะก่อหายนะทางเศรษฐกิจและการเงิน" เธอกล่าว "การผิดนัดชำระหนี้จะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมพุ่งขึ้นเป็นเวลานาน และสร้างความเสียหายต่อการลงทุนในอนาคต"
"หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ ภาคธุรกิจของสหรัฐฯ จะเผชิญกับภาวะตลาดสินเชื่อที่ถดถอยลง และรัฐบาลอาจจะไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนให้ครอบครัวของเหล่าทหารและผู้สูงอายุที่ต้องพึ่งพาเงินประกันสังคม ด้วยเหตุนี้ สภาคองเกรสจำเป็นต้องลงมติปรับเพิ่มเพดานหนี้หรือระงับเพดานหนี้ และควรเร่งดำเนินการโดยไม่มีเงื่อนไข และไม่ควรรอจนนาทีสุดท้าย" เยลเลน กล่าว
ทำเนียบขาวเปิดเผยในช่วงเย็นวันจันทร์ (1 พ.ค.) ว่า ไบเดน ได้ต่อโทรศัพท์ถึง แมคคาร์ธี ในบ่ายวันเดียวกัน เชิญเขา รวมถึงแกนนำพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในสภาคองเกรส พบปะหารือกันในวันที่ 9 พฤษภาคม
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการเจรจา เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า การพูดคุยระหว่างไบเดนกับแมคคาร์ธี ในวันจันทร์ (1 พ.ค.) ได้ครอบคลุมถึงเรื่องหนี้สินของประเทศและการหลีกเลี่ยงผิดนัดชำระหนี้
ในฐานะผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จากรีพับลิกัน แมคคาร์ธี จึงเป็นผู้ควบคุมหลักเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ในด้านงบประมาณของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงค่ำวันจันทร์ (1 พ.ค.) แมคคาร์ธี ดูเหมือนจะไม่ยอมอ่อนข้อ กล่าวหา ไบเดน "เสี่ยงพาประเทศของเราเดินโซซัดโซเซเข้าสู่การผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์" พร้อมเรียกร้องให้ประธานาธิบดีรายนี้และวุฒิสภา "กลับไปทำงาน และยอมรับการปรับลดตัวเลขการใช้จ่ายอย่างเร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤต"
(ที่มา : เอเอฟพี/เอเจนซี)